[Unseen Italy ตอนที่ 1] เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี

ประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเมืองยอดฮิตที่ทุกคนนึกถึง ก็คงจะหนีไม่พ้น เวนิส โรม มิลาน ปิซ่า ฟลอเรนซ์ ซึ่งเมืองที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อยู่ทางภาคกลางและภาคเหนือ แต่จริงๆ แล้ว ประเทศอิตาลีนั้น มีอีกหลากหลายเมือง หลากหลายแห่ง ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างนักโดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ซึ่งในทริปนี้ เราจะเน้นหนักไปเที่ยวทางภาคใต้ของอิตาลีกันถึง 4 แคว้นเลยค่ะ!

โดยในตอนแรกนี้ เราเริ่มกันที่ แคว้น Lazio ค่ะ แคว้นนี้เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของอิตาลี อย่าง กรุงโรม แต่จริงๆ แล้ว รอบๆ กรุงโรมนั้น มีอะไรน่าเที่ยวเยอะแยะเลยค่ะ หากใครเบื่อโรม แล้วมีเวลาว่างๆ อยากหา Day Trip ง่ายๆ เราขอแนะนำ เมืองนี้เลย “Tivoli”


ชมแบบวิดีโอได้ที่ Youtube 🙂

 


เกร็ดภูมิศาสตร์อิตาลี

ก่อนอื่น เราขออธิบายลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศอิตาลีกันซักนิดนึงนะคะ หากใครทราบอยู่แล้ว ข้ามไปได้เลยนะคะ 🙂

อิตาลีนั้น จะแบ่งเขตต่างๆ เป็นแบบ “แคว้น” (regions) ซึ่งจะมีทั้งหมด 20 แคว้นค่ะ ในแต่ละแคว้นก็จะมีเมืองหลวง (capital city) หรือเมืองที่เป็นเมืองหลักในการบริหารแคว้น

ซึ่งจริงๆ แล้ว ระบบแคว้นนี้ มันไม่ได้เพิ่งมาแบ่งนะ ตามประวัติศาสตร์ มันถูกแบ่งมาก่อน แล้วเพิ่งมารวมประเทศกันเป็น ประเทศอิตาลีกันเมื่อปี 1871 นี่เองค่ะ ก่อนหน้านั้น มันก็จะเป็นอาณาจักรและดินแดนต่างๆ ทำให้แต่ละแคว้น เหมือนมีเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของตัวเองอยู่แล้ว

ที่อยากอธิบายให้ฟัง เพราะเวลาคุยกับคนอิตาเลียนอ่ะ บางครั้งเค้าจะไม่พูดชื่อเมือง แต่เค้าจะพูดชื่อแคว้นค่ะ และแต่ละแคว้นมีวัฒนธรรม อาหาร ภาษา การใช้ชีวิต ที่แตกต่างกันมากๆ สมกับที่เคยเป็นคนละอาณาจักรกันมาก่อน (แอบคล้ายๆ ราชอาณาจักรสยามนิดนึง ที่สยามกับล้านนา ก็แตกต่างกัน) แต่คนอิตาเลียนอ่ะ เค้าจะภูมิใจในแคว้นบ้านเกิดของตัวเองมากๆ แบบ สำเนียงภาษาอิตาเลียนของแคว้นชั้นไพเราะที่สุด, ชีสแคว้นชั้นดีที่สุด, ทะเลแคว้นชั้นสวยที่สุด อะไรก็ว่าไป บางทีของอย่างเดียวกันก็เรียกกันคนละอย่าง อย่างสมัยเรียน เราเรียนอยู่ Tuscany เวลาไปทางใต้ๆ คนใต้เค้าจะทักเลยนะ ว่านี่มาจาก Tuscany รึป่าว จากคำศัพท์ที่เราใช้และสำเนียงที่เราออกเสียง

ส่วนคนไทยส่วนใหญ่ที่เราเคยคุยด้วย จะรู้จักอิตาลีเป็นชื่อเมือง แต่ไม่ได้รู้จักชื่อแคว้น อย่างฟลอเรนซ์กับปิซ่า อยู่ในแคว้น Tuscany เหมือนกัน ฟลอเรนซ์เป็นเมืองหลวง, มิลาน อยู่ในแคว้น Lombardy เป็นต้น — ส่วนใหญ่ พวกเมืองหลวงและเมืองใหญ่ จะเป็นเมืองที่มีรถไฟความเร็วสูงไปหากันค่ะ

ถัดจากแคว้นซึ่งแบ่งอิตาลีเป็น 20 แคว้นแล้วเนี่ย เค้าถึงจะแยกย่อยไปเป็น 103 จังหวัด แล้วถัดจาก แคว้น กับ จังหวัด ก็จะเป็นชื่อเมืองแล้วค่ะ แต่คำว่าชื่อเมืองในที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กระดับหมู่บ้านเล็กๆ หรือเมืองหลวงใหญ่ๆ เนี่ย มันก็เรียกว่า “เมือง” เหมือนกัน

ที่อธิบายอย่างนี้ เพราะต้องการจะสื่อว่า เวลาจะเขียนรีวิวเที่ยว แล้วนับเมืองที่จะไปในอิตาลี บางทีก็ไม่แน่ใจว่าจะนับยังไงเหมือนกัน เพราะสมมติ เราไป Cinque Terre ที่เป็นหมู่บ้านสีๆ เกาะอยู่ตรงหน้าผาริมทะเลอ่ะค่ะ นั่นมันก็นับเป็น 5 เมือง + เมืองที่ขึ้นรถไฟไปก็เป็น 6 แต่จริงๆ 6 เมืองนั้น มันก็เป็นเมืองเล็กๆ ระดับหมู่บ้าน หรือ บางทีเที่ยวเมืองนึง แต่ไปนอนอีกเมืองที่อยู่ห่างกันแค่ไม่ถึง 10 นาที ก็ไม่รู้จักต้องนับเป็นอีกเมืองมั้ย แต่ถ้าให้เรานับแบบนี้ น่าจะไปมาเกินร้อยเมืองแล้วค่ะ ดังนั้น เราจะนับเป็นแคว้นหลักนะคะ (สำหรับประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน เราก็นับเป็นแคว้นเหมือนกันค่ะ เพราะถ้านับระดับเมือง มันจะเป็นร้อยๆ เมืองเลยค่ะ) สำหรับอิตาลี ถึงตอนนี้ นัทมีโอกาสไปมาแล้ว 13 แคว้นค่ะ

ทริปนี้เราไปกัน 4 แคว้น ได้แก่ Lazio – Campagna – Puglia – Basilicata

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย 1 : คนอิตาลีจะบอกว่า แผนที่ประเทศตัวเองเหมือนรูปรองเท้าบู้ทค่ะ แล้วเวลาที่เราทำหน้างงว่า แคว้นนี้มันอยู่แถวไหนวะ คนอิตาลี จะอธิบายโดยการบอกว่า มันอยู่ตรงไหนของรองเท้าบู้ทค่ะ เช่น อยู่ตรงส้นรองเท้า อยู่ตรงหน้าแข้ง อะไรแบบนี้ค่ะ ลองดูรูปกันนะคะ ว่าเหมือนมั้ย

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย 2 : ความพีคอีกอย่างของชื่อเมืองอิตาลีเนี่ย บางทีชื่อเรียกภาษาอังกฤษ กับ ภาษาอิตาเลียน มันเรียกไม่เหมือนกัน เหมือน คำว่า “กรุงเทพ = Bangkok” อ่ะค่ะ อันที่น่าจะรู้ไว้ ก็จะมี Napoli = Naples, Firenze = Florence, Roma = Rome, Venezia = Venice อีกอันที่คนมักเข้าใจผิดคือ Genoa = Genova และไม่ใช่ Geneva ที่สวิสเซอร์แลนด์นะคะ เมือง เจโนวา เป็นเมืองหลวงของแคว้น Liguria ค่ะ อย่างทริปนี้ที่บอกว่าไป แคว้น Puglia กับ Campagna อ่ะ ภาษาอังกฤษ จะชื่อว่า Apulla กับ Campania ค่ะ


Tivoli – Side Trip from Rome

Tivoli เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากโรมไปประมาณ 45 นาที หากคุณชอบและหลงใหลในประวัติศาสตร์ของโรมแล้วล่ะก็ ต้องมาต่อกันที่ Tivoli เพราะที่นี่เป็นเมืองตากอากาศที่เจ้าครองนครและขุนนาง มาอาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคโรมัน

และไม่น่าเชื่อว่า 2000 ปีที่แล้ว จักรพรรดิและขุนนางหนีความวุ่นวายในกรุงโรมมาพักผ่อนแถวนี้อย่างไร ทุกวันนี้ ผู้คนที่อยากเสพอารยธรรมเก่าแก่ แต่อยากหนีความวุ่นวายของเมืองหลวงอย่างโรม ก็หนีมาเที่ยวที่นี่อย่างนั้น

แม้ว่า สถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Tivoli อาจจะไม่ใช่แลนด์มาร์กตัวแทนประเทศอิตาลี เหมือน โคลอสเซียม หรือ หอเอนปิซ่า แต่ที่นี่มี มรดกโลกโดยยูเนสโก้ถึง 2 แห่ง ได้แก่ Villa Adrina และ Villa d’Este ค่ะ

การเดินทางมายัง Tivoli หากไม่ได้ซื้อทัวร์เป็นวันหรือเช่ารถขับ ก็สามารถมาได้ทั้งทางรถไฟและรถบัสค่ะ โดยแนะนำเป็นรถบัส เพราะถูกกว่า และ ไม่ยุ่งยาก ขึ้นบัสได้ที่ป้าย Ponte Mammolo station (Metro line B) เป็นบัสสีฟ้าของ Cotral รถออกทุกๆ 15 นาที ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ สำหรับ Villa Adriana จะมี Shuttle Bus วนไปลงค่ะ

ภาพเมือง Tivoli เมืองอันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าขุนนางในสมัยก่อน

Villa Adriana (Hadrian’s Villa)

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะพาเราย้อนเวลาไปเกือบสองพันปีที่แล้ว ในช่วงศตวรรษที่ 2 ที่อาณาจักรโรมันเป็นศูนย์กลาง แต่ที่นี่คือวิลล่าของจักรพรรดิเฮเดรียน หรือ อาเดรียน่า ในภาษาอิตาเลียน ซึ่งเป็นจักรพรรดิปกครองตั้งแต่ปีคศ. 177 – 138

โดยจักรพรรดิเฮเดรียนนั้น นับว่าเป็นหนึ่งใน Five Good Emperors (Nerva, Trajan, Hadrian, Antoninus Pius, and Marcus Aurelius) (นับเป็นพีเรียดนึงของการปกครองในยุคโรมัน – คือจักรพรรดิยุคโรมันเยอะมากนะคะ มี 71 คน นัทเองก็จำเป็นกรุ๊ปๆ เอาเหมือนกันค่ะ) ผลงานที่เค้าค่อนข้างโด่งดังก็คือ Hadrian’s Wall ที่สร้างไว้ที่บริเตนเพื่อกั้นคนสก๊อตแลนด์ในสมัยนั้น ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษค่ะ

ว่ากันว่า จักรพรรดิเฮเดรียน ไม่ชอบวังที่ Palatine Hill ใจกลางกรุงโรม จึงสร้างวิลล่าแห่งนี้มาเพื่อพักผ่อน และหนีจากชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ (เค้าใช้คำว่า Retreat เลยนะคะ คือพักผ่อนแบบ มานั่งสมาธิ ทำสปา อะไรประมาณนั้นเลย)

ภายในวิลล่า หรือบ้านตากอากาศของจักรพรรดิองค์นี้นั้น มีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเมืองปอมเปอีทั้งเมือง มีบ่อน้ำ น้ำพุ โรงอาบน้ำ แต่อาคารกว่า 30 อาคาร อยู่ในวิลล่าแห่งนี้ เราจะได้เห็นแบบสถาปัตยกรรมของกรีกและโรมันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสาไอโอนิค โรมันอาร์ค หรือ Serapeum

มันจึงเป็นเเครื่องหมายของความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิโรมัน ที่ที่อยู่ของคนคนเดียว สามารถสร้างออกมาให้ใหญ่กว่าเมือง มีคนงานเป็นพันๆ คนได้

ภาพจำลองของวิลล่าทั้งหมด

ชาวโรมันโด่งดังมากเรื่องการคิดค้นระบบส่งน้ำ ที่นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะมี Roman Baths หรือห้องอาบน้ำ เต็มไปหมดทั่ววิลล่า ใหญ่ๆ ทั้งนั้น แบบสถาปัตยกรรมกรีกโรมันเต็มไปหมด น่าทึ่งมากๆ

บ่อน้ำแห่งนี้มีเรื่องเล่า เรื่องราวของจักรพรรดิโรมันที่โด่งดังอีกเรื่องนึงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของความรักร่วมเพศระหว่าง จักรพรรดิเฮเดรียน และเด็กชายที่มีชื่อว่า Antinous ซึ่งว่ากันว่า หลังจากที่ Antinous เสียชีวิตจากการจมน้ำที่แม่น้ำไนล์โดยไม่ทราบสาเหตุ บ่อน้ำแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำไนล์เพื่อระลึกถึงเด็กชายคนนั้น

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของที่นี่คือการที่ถูกละเลยมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่จักรพรรดิเฮเดรียนเสียชีวิต ก็มีจักรพรรดิมาใช้ไม่กี่องค์ ก่อนก็ถูกปล่อยทิ้งไป ชิ้นส่วนหลายๆ ส่วนก็ไปอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทำให้เราไม่ได้เห็นงานโมเสคหรืองานแกะสลักที่สมบูรณ์ซักเท่าไหร่ ทำให้ที่นี่มีแต่หินแต่อิฐ ดูเหมือนๆ กันไปหมด

อีกอย่าง จากประสบการณ์ส่วนตัว เวลาเราพาเพื่อนๆ พ่อแม่พี่น้อง ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกเมืองกรีกโบราณ เมืองโรมันโบราณ ในประเทศกรีซ ตุรกี อิตาลี จอร์แดน ฯลฯ หากใครที่ไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์ก็อาจจะนึกภาพไม่ค่อยออก มักนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวอย่างสุโขทัยหรืออยุธยา เพราะมันก็มีแค่ซากปรักหักพัง เหลือแต่ซากอิฐซากหินจริงๆ ส่วนตัวเรามักจะอธิบายเพิ่มเสมอว่า ของพวกนี้มันเก่ากว่าประวัติศาสตร์ไทยทั้งหมด 3 เท่า สุโขทัยเพิ่งมีมาเจ็ดร้อยกว่าปี ในขณะที่ประวัติศาสตร์โรมันจริงๆ ย้อนไปได้สองพันกว่าปี เราเข้าช่วงอยุธยานี่เป็นช่วงที่แถวนั้นเค้าฟื้นฟูวิทยาการ หรือที่เรียกว่าเรเนซองส์แล้ว

เพราะฉะนั้น การได้มาดูหลักฐานความยิ่งใหญ่ในตอนนั้น มันมีคุณค่าเหนือคำอธิบายใดๆ ยิ่งเวลาดูแล้วมันเชื่อมโยงกับที่อื่นที่ได้ไปอย่าง Pompeii, Acropolis, Delphi, Assos, Jerash, Ephesus หรือ Palmyra มันยิ่งมีความน่าตื่นเต้น ส่วนตัวเราจะจ้างไกด์หรือฟังออดิโอไกด์ และใช้เวลาค่อนข้างนานเป็นชั่วโมงๆ

แต่หากใครไม่ชอบประวัติศาสตร์ และไม่ได้อินกับอาณาจักรกรีกโรมันอะไรขนาดนั้น อาจจะไม่ต้องใช้เวลากับมันเยอะค่ะ ไม่แนะนำให้ใช้ไกด์เด็ดขาดเลย เดี๋ยวเบื่อ แค่มาดูความยิ่งใหญ่ของบ้านคนๆ เดียว ที่ใหญ่กว่าตำบลหนึ่งตำบลก็พอแล้ว


Tivoli Center

เราเข้ามาทานอาหารเที่ยงในเมือง Tivoli ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ น่าเดินอีกเมืองนึงค่ะ พาไปดูบรรยากาศกัน

มื้อเที่ยงวันนี้แหล่ะ


Villa d’Este

มาถึง สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกอีกแห่งของเมือง Tivoli นั่นก็คือ Villa d’Este

ซึ่งที่นี่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับ Villa Adriana ข้างบนแล้วนะคะ เพราะช่วงเวลาที่สร้างขึ้นและถูกใช้ก็แตกต่างกันแล้ว วิลล่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยคริสตศตวรรษที่ 16 โดย Cardinal Ippolito II d’Este ซึ่งสมัยนั้น เป็นยุคที่คริสตจักรเป็นใหญ่ในอาณาจักร (สมัยนั้นยังไม่รวมประเทศเป็นประเทศอิตาลีค่ะ ดินแดนแถบนั้นเรียกว่า Papal States) อิทธิพลส่วนใหญ่ก็จะมีความเรเนซองส์และ Medici พอสมควร

วิวจากระเบียง จากอาคารตรงทางเข้าค่ะ จากนั้นก็จะเป็นทางลงไปเรื่อยๆ แล้ว

ภาพเขียนผนังต่างๆ ถ้าไม่ได้อยู่ในศาสนสถานก็จะเป็นพวก Greek Myth ค่ะ สวยงามและสมบูรณ์มากเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่ทำให้ Villa นี้มีชื่อเสียงคือน้ำพุค่ะ ที่นี่ได้มีการสร้างน้ำพุถึง 50 กว่าอัน แต่ในนั้นก็จะมีทั้ง น้ำตก 64 อัน มีอ่าง 220 อัน มีพวก water jets กว่าสามร้อยอัน และทั้งหมดนี้ เป็นการสร้างระบบการไหลของน้ำที่ไม่ใช้ไฟฟ้าหรือปั๊มน้ำเลย เป็นการใช้แรงโน้มถ่วงของโลกล้วนๆ ที่เขียนตอนต้นว่า ทางเข้าเป็นอาคารด้านบน เพราะ สวนและน้ำพุทั้งหมด จะลดหลั่นกันไป ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการออกแบบ ให้น้ำไหลแล้วเกิดกลไกของน้ำพุทั้งหมดค่ะ

อย่างน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาสูงๆ ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ใช้ปั๊มนะคะ เป็นการคำนวณจากแรงดันน้ำที่ไหลมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติด้านบน ให้เกิดเป็นระบบกลไกของน้ำพุทั่ววิลล่าค่ะ ใหญ่โตแบบเดินเหนื่อยนิดนึงนะ (แต่ปัจจุบัน เค้าเอาระบบปั๊มมาใช้แล้วค่ะ)


Rome at Night

กลับมาเดินเล่นที่โรมกันยามค่ำคืน รูทง่ายๆ เวลาเราเดินเล่นที่โรมตอนเย็นๆ ก็มักจะเดินอยู่แถวๆ Palatine Hills นี่แหล่ะค่ะ

น้ำพุเทรวี่ คนเยอะทั้งวัน เค้าบอกว่าโยนเหรียญไปจะได้กลับมาอีก นัทโยนไปครั้งเดียวตอนเด็กๆ กลับมาอีกเป็นสิบรอบเลย ฮ่าๆๆๆ

อยู่ในโรมต้องระวังกระเป๋ากันนิดนึงนะ ไปอ่านรีวิว เที่ยวยุโรปอย่างปลอดภัย Click


ตอนถัดไปเราจะยังอยู่กันที่ภาคใต้ของอิตาลี แต่เรากำลังจะเดินทางไปยังแคว้น Campagna หรือ ภาษาอังกฤษคือ Campania ค่ะ ที่นี่เป็นที่ตั้งของเมือง Naples เมืองบ้านเกิดพิซซ่า เราเลยจะไปทำพิซซ่ากัน!


สามารถอ่านรีวิวการท่องเที่ยว Unseen Italy ทั้งหมด 8 ตอน ได้ที่

[Unseen Italy ตอนที่ 1] เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี

[Unseen Italy ตอนที่ 2] เที่ยว Naples-Pompeii ทำพิซซ่าถึงเมืองบ้านเกิด ดินแดนประวัติศาสตร์ จิบไวน์ภูเขาไฟ

[Unseen Italy ตอนที่ 3] เที่ยว Caserta พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และ Outlet ใกล้ Naples

[Unseen Italy ตอนที่ 4] เที่ยว Alberobello หมู่บ้านแสนน่ารัก ในแคว้นตรงส้นรองเท้าบู้ท Puglia

[Unseen Italy ตอนที่ 5] เที่ยว Lecce เมืองศิลปะ Italian Baroque แสนอลังการ และ Gallipoli เมืองท่าย้อนยุค ทางตอนใต้ของอิตาลี

[Unseen Italy ตอนที่ 6] เที่ยว Ostuni เมืองสีขาวบนชายฝั่งอิตาลีตอนใต้ และ ที่พักแบบ Masseria

[Unseen Italy ตอนที่ 7] มหัศจรรย์ “Matera” เมืองถ้ำหินเขาวงกต มรดกโลกจากอิตาลี ที่ต้องมาสัมผัสซักครั้ง

[Unseen Italy ตอนที่ 8] โหนซิปไลน์ข้ามหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี Castelmezzano – Pietrapertosa

อ่านรีวิวการบินไทย บินตรง กทม. – โรม  Click Here

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ อย่าลืมติดตามไอจี @eatchillwander ขอบคุณมากๆ ค่า




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: