[เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง EP.2] เที่ยวมอสโคว์ ชมที่สุดของรัสเซีย – บัลเล่ต์ อวกาศ สถาปัตยกรรมสตาลินนิสท์

จากความเดิมตอนที่แล้ว ที่นัทได้อัพเดทเรื่องการเที่ยวรัสเซียและมอสโคว์ในปัจจุบัน รวมถึงเที่ยววันแรกที่ได้ไป สถานที่สำคัญที่เป็นแลนด์มาร์คของรัสเซียอย่างจัตุรัสแดงและเครมลินไปแล้ว ตอนนี้ ขอพาไปเที่ยว มอสโคว์ (Moscow) กันต่อนะคะ โดยวันนี้ มีทั้งสถานที่ในเมืองและชานเมือง ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้หลายแง่มุมของรัสเซียเลยค่ะ

ย้อนไปอ่านตอนที่แล้ว : ข้อมูลที่ควรรู้และเที่ยวมอสโคว์วันแรก  >> คลิ๊กที่นี่


เมื่อคืน เราพักกันที่ Moscow Royal Aurora Hotel ซึ่งเคยเป็นเครือแมริออท แต่ด้วยการที่โดนคว่ำบาตรทำให้แมริออทต้องออกจากรัสเซียทั้งหมด ตอนนี้ก็เป็นโรงแรมบริหารเองค่ะ สำหรับนัท มาตรฐานยังคงสูงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือโลเคชั่นดีมากกกก นัทออกมาเดินตอนสี่ทุ่ม เที่ยงคืน รู้สึกปลอดภัยมากๆ เดิน 10 นาทีถึงจัตุรัสแดงกลางเมือง ใกล้สถานีใต้ดิน ตัวอาคารสวย ห้องจะสไตล์ค่อนข้างคลาสสิก แต่สะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกครบค่ะ อาหารเช้าดีเลย

วันนี้เลยเริ่มจาก Bolshoi Theatre ซึ่งเดินออกมาจากโรงแรมประมาณ 5 นาทีก็ถึงเลยค่ะ ความยิ่งใหญ่ของโรงละครบอลชอยนั้น ต้องยกให้การแสดงบัลเล่ต์ ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในคณะบัลเล่ต์ที่เก่าแก่และเล่นมายาวนานที่สุดในโลก และแม้ว่าบัลเล่ต์นั้น จะเริ่มมาจากอิตาลีและถูกทำให้แพร่หลายในฝรั่งเศสมาก่อน แต่ต้องยอมรับว่า ยุคของจักรพรรดินี Catherine the Great แห่งรัสเซียนั้น บัลเล่ต์มีการพัฒนาและขัดเกลาเยอะมาก ทำให้รัสเซียมีบัลเล่ต์ที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง และเป็นสิ่งที่นัทอยากดูมากๆ ซักครั้งในชีวิตค่ะ

บัลเล่ต์ที่บอลชอยจะมีการเปลี่ยนโปรแกรมไปเรื่อยๆ มีแสดงทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละหลายรอบ สลับกับคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกหรือโอเปร่า ซึ่งบัลเล่ต์นั้นจะเต็มเร็วมากๆ ค่ะ และไม่ต้องพึ่งนักท่องเที่ยวเลย เพราะคนมอสโคว์ ดูบัลเล่ต์กันเป็นเรื่องปกติ นัทจองตั๋วประมาณ 10 วันล่วงหน้า ได้ตั๋วใบสุดท้ายมาค่ะ ต้องดูอันที่เป็น Historic Stage นะคะ ฮอลล์สวยมาก เป็นฮอลล์ 7 ชั้น เสียงดีมากๆ ค่ะ ฉากสวย

บัลเล่ต์หนึ่งโชว์ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ โดยแบ่งเป็น 2-3 องค์ และมีพักตรงกลางที่เรียก intermission โดยระหว่างช่วงพักนั้น คนนิยมไปดื่มค๊อกเทลและกาแฟ ที่บาร์ของโรงละครค่ะ

ตอนที่แล้ว ยังไม่ได้พาชมสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งในมอสโคว์มีสถานีสวยๆ หลายสถานี และบางสถานีก็มีเรื่องเล่าน่าสนใจ อย่างสถานี Ploshchad Revolyutsii จะมีรูปปั้นบรอนซ์ของทหารกับสุนัข ซึ่งว่ากันว่า ถ้าจับจมูกของสุนัคก็จะโชคดี ซึ่งตอนที่เราไปยืนดูนั้น ก็เห็นคนท้องถิ่นที่เดินผ่านไปมา จับแบบเร็วๆ ตอนเดินผ่านจริงๆ ค่ะ

ส่วนสถานีสวยอื่นๆ ได้แก่ Komsomolskaya, Novoslobodskaya, Arbatskaya, Kievskaya

อาหารเที่ยงวันนี้ ขอพามาอีกร้านที่สวยและดังมากๆ อย่าง Café Pushkin ค่ะ ชื่อคาเฟ่แห่งนี้มาจากนักเขียนชื่อดังชาวรัสเซีย Alexander Pushkin ตัวร้านก่อนจะมาเป็นร้านอาหาร เคยเป็นที่อยู่ของขุนนางชาวรัสเซียที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ทำให้ภายในมีกลิ่นอายบาโรคที่สมบูรณ์มากๆ บ้านแห่งนี้มีห้องสมุดอยู่ชั้นบน ส่วนชั้นล่างนั้น มีช่วงที่เจ้าของบ้านใหม่ การเงินฝืด เลยต้องเปิดร้านขายยาซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ เราจะยังเห็นได้ในรายละเอียดของเรสสิเดนส์แห่งนี้ ก่อนเปิดเป็นร้านอาหารตั้งแต่ปี 1999 ที่ผ่านมาค่ะ

วันนี้ ได้ลองอาหารรัสเซียหลายอย่าง ทั้งแซลมอนรมควันเสิร์ฟในพัฟฟ์กรอบหอมมาก เกี๊ยวรัสเซีย (Pelmeni) ไส้ปลาฮาลิบัท ซุป Shchi และอื่นๆ อีกมากมาย

ถัดมาข้างๆ ก็มีอีกร้านอาหารสวยๆ ที่คุณ Pavel พาเดินไปดูเผื่อมาคราวหน้า ชื่อว่า Turandot Restaurant ค่ะ สไตล์คล้ายๆ กัน แต่มีความเว่อวังกันคนละแบบ

ช่วงบ่ายนี้ เรามุ่งหน้าไปยังชานเมืองกันบ้างค่ะ แต่หากใครมีเวลาและนั่งรถไฟใต้ดินผ่านสถานีใต้ดิน Park Pobedy ก็สามารถขึ้นมาชม Triumphal Arch of Moscow หรือประตูชัยแห่งมอสโคว์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่รัสเซียรบชนะนโปเลียนค่ะ

Sparrow Hills ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่อยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำ Moskva และ เป็นหนึ่งในเนินที่สูงที่สุดของมอสโคว์ จากตรงนี้ ผู้คนนิยมมาชมวิวพาโนรามาของกรุงมอสโคว์ค่ะ

นอกจากวิวของเมืองแล้ว ตรงนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Moscow State University ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตึกสูงแบบสตาลินที่เรียกกันว่า Seven Sisters และ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ตึกแห่งนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในยุโรปอีกด้วย

Seven Sisters หรือ Seven Stalinist Skyscrapers เป็นตึกสูง 7 แห่ง ที่สร้างออกมาคล้ายๆกัน ซึ่งสร้างจากความคิดของสตาลินที่อยากให้กรุงมอสโคว์มีตึกสูงเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ ทั้ง 7 ตึก 7 พี่น้องนั้น ได้กลายมาเป็นจุดเด่นเมื่อมองวิวสกายไลน์รวมๆของมอสโคว์ ที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสท์นั่นเอง อาคารทั้งเจ็ดในปัจจุบันมีทั้งโรงแรม มหาวิทยาลัย กระทรวง อาคารอื่นๆ ดังนี้ Moscow State University, Hilton Moscow Leningradskaya Hotel, Radisson Royal Hotel Moscow, Kotelnicheskaya, Kudrinskaya, Ministry of Foreign Affairs, Krasnye Vorota

จากนั้น เราออกนอกชานเมืองมาค่ะ มาที่สวนและกลุ่มอาคารที่ชื่อว่า VDNK หากถามว่า VDNK คืออะไร คำนี้เป็นคำย่อจากภาษารัสเซีย ที่แปลตรงตัวว่า Exhibition of Achievements of National Economy ถ้าให้เทียบง่ายๆ คือเหมือนพวก Expo/Exhibition Center ที่ใหญ่มากกกกก ขนาดใหญ่กว่าเมืองบางเมืองอีกค่ะ

ภายใน VDNK เราก็จะเห็นผู้คนมาแฮงค์เอาท์ เดินเล่น ในนี้มีทั้ง พาวิลเลียนจากเหล่าประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ที่ภายนอกสวย ส่วนภายในก็จะมีนิทรรศการ หรือ ร้านอาหารของประเทศนั้นๆ มีโรงละคร มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งมาก พิพิธภัณฑ์งานฝีมือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รัสเซีย พิพิธภัณฑ์ศิลปะลวงตา พิพิธภัณฑ์โรงภาพยนต์

และหนึ่งในไฮไลท์ ของที่นี่ต้องยกให้ ยาน Vostok ยานแบบเดียวกับที่นำ ยูริ กาการิน มนุษย์คนแรกของโลกไปยังอวกาศ และ พิพิธภัณฑ์อวกาศ  หรือ Museum of Cosmonautics

หากใครลองหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการทางอวกาศ จะทราบเลยว่า ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นยังไง แต่รัสเซียทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ในโลก และมีความร่วมมือทางอวกาศอย่างดีมากๆ เป็นหนึ่งในผู้นำ และ มีวิชาการ รวมถึงเทคโนโลยีที่แอดวานซ์มากๆ

ในนิทรรศการนี้ เราจะได้เห็นความเป็นมา รวมถึงเรื่องราวของหลายชื่อที่เราเคยเรียนตอนเด็ก เช่น Yuri Gagarin มนุษย์คนแรกบนอวกาศ, ยาน Sputnik, น้องหมา Laika สุนัขตัวแรกบนอวกาศ, Valentina Tereshkova ผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นไปอวกาศและทำภารกิจลุยเดี่ยวอยู่ 3 วัน

ค่ำคืนนี้ ชาวคณะเราอยากทานอาหารเอเชีย เลยมาจบที่ร้านอาหารจีนชื่อดัง Chinese Gramota เป็นร้านสวย ดูดีมากๆ เมนูก็โอเคเลยค่ะ ทานแล้วหายอยากอาหารเอเชียเลย

นอกจาก สถานที่ที่พาไปใน 2 ตอนนี้ ในมอสโคว์เอง ยังมีที่น่าไปอีกหลายที่นะคะ มีทั้งย่านแฮงค์เอาท์วัยรุ่น แถวๆ Patriarch’s Ponds, มีถนนคนเดิน Arbat, มีป้อม Izmailovo Kremlin ที่เป็นตลาดขายของ ซึ่งใครอยากเที่ยวชิลล์ๆ ในมอสโคว์ แบบค่อยๆ ไป ก็สามารถอยู่ได้ 3-4 วันเลยค่ะ

ตอนนี้ ซึ่งนัทขอจบการเที่ยวมอสโคว์ที่สถานีรถไฟ Leningradsky ซึ่งเป็นการขึ้นรถไฟแบบนอน เป็นรถไฟแบบเดียวกับสายทรานไซบีเรีย ไปยัง Saint Petersburg ค่ะ

ต้องบอกว่า การไป Saint Petersburg นั้น สะดวกสุดคงต้องยกให้รถไฟความเร็วสูง Sapsan ใช้เวลา 4 ชั่วโมง (คำนวณแล้วคุ้มกว่า เครื่องบินที่บิน 1.5 ชม. จริง แต่ต้องเดินทางจากเมืองไปสนามบิน และ เผื่อเวลาเช็คอิน เลยคิดว่า Sapsan สะดวกกว่าค่ะ)

ส่วนทริปนี้ของนัทจะขึ้นรถไฟท่องเที่ยว ใช้เวลา 2 วัน 2 คืน ที่เรานอนกันบนรถไฟ มีห้องน้ำในตัว เวลาแวะลงเที่ยว ก็ทิ้งของไว้ในตู้รถไฟได้เลย ไม่ได้ต้องขนของขึ้นลงเพราะห้องคือห้องของเราเลยค่ะ ไปอ่านต่อตอนต่อไปได้เลยนะคะ


สำหรับการจองทุกอย่าง หรือ จัดทัวร์ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Trip.com >> คลิ๊กที่นี่เพื่อหาตั๋วไปมอสโคว์

รีวิวรัสเซียทริปนี้ นัทเขียนไว้ทั้งหมด 6 ตอนนะคะ
ตอนที่ 1 : Moscow Part 1 เมืองหลวงแห่งรัสเซีย
ตอนที่ 2 : Moscow Part 2 ที่สุดของรัสเซีย
ตอนที่ 3 : Karelia นั่งรถไฟแบบทรานส์ไซบีเรีย
ตอนที่ 4 : St. Petersberg เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม
ตอนที่ 5 : Murmansk ล่าแสงเหนือ
ตอนที่ 6 : Teriberka เมืองสุดขอบโลกทะเลอาร์คติก

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: