[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 5] : Ephesus เมืองกรีกโบราณ ที่อยู่ของหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เราออกเดินทางจาก Pamukkale มุ่งหน้าสู่เมือง Selcuk เพื่อจะไปยังหนึ่งในสถานที่สำคัญลำดับต้นๆของตุรกี… ไม่สิ อาจจะเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญลำดับต้นๆในโลกของคนรักประวัติศาสตร์ก็ได้

Ephesus เป็นเมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แต่รุ่งเรืองและโด่งดังสุดๆในยุคอาณาจักรโรมัน ที่นี่เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และทำการค้าขาย ลองนึกถึงสมัยนั้นที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ เครื่องบิน หรือ กูเกิ้ล แต่บริเวณกลับมีพ่อค้าทั้งจากเอเชีย จากโรมัน มีคนหลายเชื้อชาติ กำลังแลกเปลี่ยนสินค้า มีทั้งนักการเมืองและนักปรัชญากำลังแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอยู่

อย่างที่จั่วหัวไปว่าที่นี่คือที่อยู่ของ หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ นั่นก็คือ Temple of Artemis ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย ที่ทุกวันนี้ วิหารอาร์เทมีสเหลือแค่ซากเสา 2 ต้น ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเดียวกับ ทางเข้า Ephesus ฝั่ง North Gate แต่ถึงก่อน อย่างไรก็ตาม วิหารแห่งนี้เคยยิ่งใหญ่มากๆ มีเสาถึง 127 ต้น

แม้ Temple of Artemis จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ที่นี่ก็ยังมีซากโรมันสำคัญๆหลายชิ้น ที่ทำให้เราปะติดปะต่อและจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองท่าแห่งอาณาจักรโรมันแห่งนี้ได้


ข้อควรรู้ในการเที่ยว Ephesus

– Ephesus มีประตูเข้าออก 2 ทาง ระยะทางจากประตูแรกไปประตูที่สอง ระยะทางประมาณ 1.3 กิโล หากวันไหนแดดแรง อาจจะเดินกันเหนื่อยนิดนึงนะคะ

– ห้องน้ำมีแค่ตรงประตูทางเข้าที่ซื้อตั๋ว มีร้านอาหารและร้านขายของฝากเล็กน้อย แนะนำให้ซื้อน้ำเข้าไปด้วย เพราะใน Ephesus ไม่มีร้านค้าค่ะ

– หากขับรถมาเอง แล้วขี้เกียจเดินกลับมาที่ประตูแรก ก็ต้องให้แท๊กซี่จากอีกประตูวนมาส่ง ซึ่งเราไม่แนะนำอย่างแรงงงง คิดว่าน่าจะโขลกสับกันน่าดู เราโชคดีที่รอบนี้จาก Denizli เราเช่ารถ แล้วเค้าขอให้สต๊าฟเค้าติดมาด้วย เพื่อที่จะขับรถกลับ เพราะเราบอกเค้าว่าจะคืนรถที่สนามบิน เลยกลายเป็นว่า น้องคนนี้เลยสลับกันขับกับเรา ตรงนี้เลยง่าย น้องขับมารอตรงทางออกอีกทาง

– ถ้ามาโดยรถโดยสารจะมีบัสจาก สถานีรถบัสเมืองเซลจุกค่ะ

– ตอนเราเดินลงจากรถมาก่อนเข้าไปซื้อบัตร มีแท๊กซี่พยายามเรียกเรา แล้วบอกว่า เราจอดรถผิดที่ ตรงนี้ไม่ใช่ทางเข้า ทางเข้าอยู่อีกที่ให้เค้าขับแท๊กซี่ไปส่งดีกว่า แต่เราคิดว่า เค้าน่าจะพยายามหลอกฟันค่าแท๊กซี่เนี่ยแหล่ะค่ะ อย่าไปเชื่อนะคะ

– ค่าเข้า 40 ลีรา

– เดินชิวๆ ดูทุกจุดแบบไม่รีบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ


ส่วนต่างๆใน Ephesus

Theatre

เมื่อเข้ามาจากประตูฝั่งเหนือ เราก็จะมาใกล้ตัว Theatre ขนาดใหญ่เป็นจุดแรกค่ะ ระหว่างทางก็จะเป็นเสากรีกปรักหักพังอายุประมาณสองพันปีมากมาย ถนนที่ตรงจากโรงละครไป เค้าเรียกว่า Harbour Street หรือถนนที่เดินตรงลงไปยังอ่าวท่าเรือนะคะ เมื่อก่อนทะเลเคยอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเมืองนี้ไกลจากทะเลถึงเกือบ 10 กิโลกันเลยทีเดียว

ส่วนขนาดของโรงละครอันนี้ก็ใหญ่มากๆเลยนะคะ อะคูสติกของเสียงดีมาก แบบที่ใครคุยอะไรกันแถวๆเวทีเราจะได้ยินจากข้างบนชัดและคุณภาพเสียงดีมากเลย เวลาไปยืนอยู่ข้างบนก็จะรู้สึกว่าที่นี่มันใหญ่โตมากๆ

Marble Street

จากนั้น เราจะเดินผ่านตัว Marble Street ที่เหมือนถนนหลักค่ะ โดยถนนนี้ตั้งขนานอยู่กับ Commercial Agora ซึ่งเป็นร้านค้าและบ้านเรือน ตรงนี้จะมีจุดน่าสนใจอยู่คือ การสลักรอยเท้า ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นเหมือนป้ายชี้ทางไปยังสถานบริการ ซึ่งก็ว่ากันว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเช่นกัน

The Library of Celcus

เดินมาจนสุดทางก็จะพบกับห้องสมุดเซลซุส ไฮไลท์ที่ดึงดูดให้ผู้คนทั่วโลกต้องมาที่นี่ นี่เป็นห้องสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในยุคกรีกโบราณ รองจาก หอสมุดอเล็กซานเดรีย และ เพอร์กามอน เคยมีหนังสืออยู่ถึง 12000 เล่ม

ด้านหน้าของห้องสมุดยังคงยิ่งใหญ่และสมบูรณ์มากๆ แต่ด้านในไม่มีอะไรแล้วนะคะ ด้านหน้าจะมีรูปปั้นเทพเจ้า 4 องค์

Sophia – เทพีแห่งความเฉียวฉลาด (Wisdom)
Arete เทพีแห่งคุณธรรม (Valor)
Ennoia เทพีแห่งสติปัญญา (Intelligence)
Episteme เทพีแห่งความรู้ (Knowledge)

Hadrian’s Temple

สร้างขึ้นประมาณสมัย ค.ศ. 138 โดยบนวิหารจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการสร้างเมือง Ephesus โดย Androklos

Fountain of Trajan

ตรงนี้เป็นน้ำพุที่สร้างขึ้นให้แก่จักรพรรดิ Trajan โดยบ่อน้ำของน้ำพุที่นี่กว้างถึง 20*10 เมตร เป็นหนึ่งในงานที่ยังมีรายละเอียดให้เราได้เห็นมากที่สุดงานหนึ่งใน Ephesus

Latrina

ห้องน้ำสาธารณะที่นี่ไม่แยกชายหญิง ชาวโรมันโด่งดังในการสร้างโรงอาบน้ำและระบบห้องน้ำมาก นี่คือตัวอย่างของห้องน้ำ โดยในสมัยก่อน เนื่องจากหินอ่อนมีอุณหภูมิที่เย็นมาก พวกจักรพรรดิและขุนนาง จะให้คนใช้มานั่งเพื่อให้รอบๆโถอุ่นพอสำหรับนั่งก่อนที่ตัวเองจะนั่ง

Hercules Gate

ประตูเฮอร์คิวลีส เป็นจุดสิ้นสุดของถนน Curetes โดยมีลักษณะแคบ เพื่อที่จะกั้นไม่ให้ยานพาหนะผ่านไปได้ และเป็นถนนสำหรับคนเดินเท่านั้น รูปสลักเทพเจ้าไนกี้ (Nike เทพเจ้าแห่งชัยชนะ เหมือนแบรนด์รองเท้า) ซึ่งตอนนี้ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Domitian ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของ ประตูเมืองอันนี้มาก่อน บนเสาทั้งสองเป็นรูปเฮอคิวลิสกับหนังสิงโต

Odeon

อันนี้เรา ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ แต่จะเป็นเหมือน Grand Theatre ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก (จากอันด้านบน 25000 ที่นั่ง ที่นี่จุเพียง 1400 ที่นั่ง) แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงละครนะคะ ที่นี่เหมือนห้องประชุมสภา ที่ที่นักคิด นักปรัชญา นักการเมือง เค้าจะมาถกกันค่ะ

ใน Ephesus เองยังมีรูปสลัก หรือ ซากทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และทำให้เราร้อยเรียงภาพในสองพันปีที่แล้วออกมาได้ อย่างตรง Domitian Square ก็จะมีรูปสลักที่เป็นสัญลักษณ์ของเภสัชศาสตร์ทุกวันนี้อยู่ด้วยนะคะ ที่เป็นรูปงูเลื้อยขึ้นมาบนไม้เท้า คือมีมาตั้งแต่สมัยนั้นเลย โดยรูปนี้เป็นเรื่องเล่าเทพเจ้า Asklepios (Asclepius) เทพเจ้าแห่งการแพทย์ ตำนานยาวมาก แต่สั้นๆคือ เค้าเก่งมากแบบที่รักษาและชุบชีวิตคนได้ ตอนนั้นมีงูมากัดคนเค้าจึงต้องฆ่างูก่อน แล้วรักษาคน พอรักษาคนเสร็จก็ไปชุบชีวิตงูขึ้นมา งูตัวนี้เลยเลื้อยขึ้นบนไม้เท้าขอรับใช้ Asklepios ไปตลอด

ที่ Ephesus มีโรงเรียนวิชาการแพทย์ใหญ่ๆอยู่ เลยทำให้มีรูปสลักอันนี้อยู่ด้วยค่ะ


เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงทางออกโดยให้ รถมารับอีกฝั่งนึงค่ะ

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังสนามบิน Izmir ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีค่ะ

เราใช้บริการของ Turkish Airline ชอบมาก มีเคานเตอร์เยอะดีค่ะ มีตู้ให้กดเช็คอินได้เองแล้วค่อยไป baggage drop หรือจะให้เจ้าหน้าที่ทำให้เลยก็ได้ค่ะ

ในสนามบินมีร้านอาหารนิดหน่อย เรานั่งเครื่องอีกประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง Istanbul ค่ะ

ของแจกในไฟลท์ อลังการมาก นี่ราคาแค่ 781 บาทเอง รวมน้ำหนักกระเป๋าแล้วนะคะ

ตอนหน้าเราจะมาเล่าเรื่องอิสตันบูลให้ฟัง ว่าทำไมอยู่ 3 วันยังรู้สึกว่าไม่พอ ยังไม่อยากกลับเลย เราแบ่งเป็นอีก 3 ตอนเลยค่ะ! ฝากติดตามด้วยนะคะ


หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

สำหรับ ทริปนี้ เราแบ่งเป็น 10 ตอนตามนี้เลยค่ะ แล้วก็ยังมีรีวิวแยกของร้านอาหารและโรงแรมให้ด้วยนะคะ 🙂

[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 1] : บทนำ แผนการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ สิ่งที่ควรรู้
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 2.1] : Cappadocia ดินแดนในฝันที่มีมากกว่าบ้านถ้ำและบอลลูน
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 2.2] : Cappadocia ขี่อูฐ วิวบอลลูน ขับรถเที่ยวในดินแดนเหนือจินตนาการ
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 3] : Antalya เมืองเก่าสุดชิลล์ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 4] : Pamukkale ปราสาทปุยฝ้าย บ่อน้ำแร่ที่ธรรมชาติสร้างได้เหมือนฝัน
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 5] : Ephesus เมืองกรีกโบราณ ที่อยู่ของหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 6.1] :อิสตันบูล วันแรก ดื่มด่ำ สโลว์ไลฟ์ ในย่าน Sultanahmet
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนที่ 6.2] :จิบชาในวังริมทะเล วันที่สองใน Istanbul เมืองคัลเจอร์ที่เราหลงรัก
[เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ตอนจบ] : เก็บตกวันสุดท้าย ในอิสตันบูล กับประสบการณ์ Turkish Bath ครั้งแรกในชีวิต
19 ชั่วโมงใน Almaty คาซัคสถาน ภูเขาหิมะ วิวหลักล้าน ทานเนื้อม้า ให้อาหารเหยี่ยว

รีวิวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในทริปนี้
[รีวิว] สายการบิน Air Astana สายการบินแห่งชาติคาซัคสถานที่ดีเกินคาด
[รีวิว] Turkish Airlines สายการบินประจำชาติตุรกี กับเที่ยวบินภายในประเทศ
[รีวิว] Sultan Cave Suites โรงแรมถ้ำกับจุดถ่ายรูปอันเป็นเอกลักษณ์แห่ง Cappadocia
[รีวิว] Local Cave House โรงแรมที่มาพร้อมวิวสระว่ายน้ำกลางบ้านถ้ำแบบ Cappadocia
[รีวิว] Bosphorus Grill ร้านอาหารริมทะเลมาร์มาร่า ข้างพระราชวังสุดอลังการในอิสตันบูล
[รีวิว] Gazebo Lounge จิบชายามบ่าย ในรั้วพระราชวังริมทะเลวิวอลังการ เมืองอิสตันบูล
[รีวิว] Kybele Cafe คาเฟ่แสนน่ารัก ดื่มด่ำบารากุ ย่านเมืองเก่า อิสตันบูล

error: