เที่ยว เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนด้วยตัวเอง : แพลน 5 วัน 4 คืน เก็บครบ เมืองเก่า ย่านฮิป คาเฟ่ชิค ดิสนีย์แลนด์ (Update 2024)

เซี่ยงไฮ้ เป็นอีกหนึ่งมหานครในเอเชียที่น่าเที่ยวมากๆ ค่ะ ทั้งเดินทางจากไทยสะดวก ฟรีวีซ่า มีเที่ยวบินบินตรงไปตลอด รวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้เอง มีระบบขนส่งสาธารณะที่ค่อนข้างครอบคลุม ทำให้แม้ว่าเราจะพูดภาษาจีนไม่ได้เลย ก็ยังไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการที่นี่ได้

พร้อมแล้ว เรามาชมแผนการเดินทางในเซี่ยงไฮ้ ในฉบับ Eat Chill Wander กันเลยนะคะ นัทร่างไว้ 5 วัน 4 คืน ให้ครอบคลุมทั้ง เมืองเก่า ย่านฮิป ที่เที่ยวทั้งในเมือง นอกเมือง ซึ่งความสนใจของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป ก็สามารถนำไปปรับลดหรือเพิ่มได้ตามสะดวกเลย นัทไปมาหลายครั้ง เลยร่างไว้แบบ 5 วัน แต่ถามว่า หยุดยาว 3-4 วันไปได้มั้ย ไปได้แน่นอนค่ะ ลองจิ้มที่ตัวเองชอบนะ!


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้

ที่ตั้ง : เซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออก ทางตอนกลางของประเทศจีน เป็นเมืองท่าที่สำคัญ หากไปดูจากแผนที่ จะอยู่ตรงกลางระหว่าง ปักกิ่ง กับ กวางโจว พอดีๆ เลยค่ะ

การเดินทาง : มีบินตรงจากไทยตลอดเลยนะคะ ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชม. ค่า เซี่ยงไฮ้มี 2 สนามบินนะคะ สำหรับนัทคือสะดวกทั้ง 2 สนามบินเลย ส่วนการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองก็ใช้ Maglev และ รถไฟใต้ดินได้เลยค่ะ

วีซ่า : **Update มีนา 2024** พาสพอร์ทไทยไปจีน ไม่ต้องขอวีซ่า อยู่ได้ครั้งละ 30 วัน (โดยมีเงื่อนไขว่า ภายใน 180 วัน ห้ามอยู่เกิน 90 วันค่ะ)  /// กรอกใบสมัครวีซ่าที่เว็ป > https://www.visaforchina.cn/BKK2_EN/COVA/ แล้วเข้าไปจองวันยื่นค่ะ เตรียมเอกสารให้ครบตามในเว็ป แล้วนำไปยื่นตรงอาคารธนภูมิ แถวถนนเพชรบุรี จ่ายเงินที่ศูนย์ จะมีระบุวันให้ไปรับเล่มเลยค่ะ — ระยะเวลาในการพิจารณาจะอยู่ที่ 4 วันทำการ แต่ช่วงที่นัททำวีซ่าล่าสุด คิวรับยื่นจะเต็มล่วงหน้าประมาณสองอาทิตย์จากวันที่กรอกใบสมัครค่ะ ดังนั้น ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาทำวีซ่าซัก 2-3 สัปดาห์ก่อนบินนะคะ

ภาษา : ภาษาจีนอยู่แล้วค่าาา จริงๆ เซี่ยงไฮ้มีภาษาจีนเวอร์ชั่นตัวเองนะคะ แต่โดยทั่วไปก็แมนดาริน อย่างไรก็ตาม ปี 2024 ที่ไปมาล่าสุด ต้องบอกว่าคนรุ่นนัทหรือเด็กกว่า ก็ดูเริ่มพูดอังกฤษกันคล่องเลยนะคะ ยิ่งย่านไหนที่เป็นย่านแพงหน่อย นัทลองถาม เค้าก็ตอบได้ทุกคน ช่วยเหลืออย่างดีค่ะ รู้สึกได้ว่าคนจีนไปเรียนเมืองนอกก็เยอะค่ะ

ที่รู้สึกว่า ต้องเตรียมตัวเรื่องภาษาจริงๆ คือ แท็กซี่ค่ะ เพราะแท็กซี่ไม่พูดภาษาอังกฤษเลยยยยยย ทีนี้ความยากคือ พวกชื่อภาษาอังกฤษ คนจีนจะตั้งเป็นภาษาจีน เช่น พูดว่า ดิสนีย์ เค้าไม่รู้นะคะ ต้อง ตี๋ชื่อหนี หรือ สตาร์บัคส์ คือ ซิงปาเค่อ อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ นัทก็จะใช้วิธีบอกชื่อถนนและเลขที่ เป็นภาษาจีนให้เค้าไป

ความปลอดภัย : ส่วนตัวนัทรู้สึกปลอดภัยมากกกกก ถนนหนทางคือเป็นระเบียบ สะอาดเรียบร้อย ได้คุยกับเพื่อนคนจีนหลายคน เค้าบอกว่า (ประโยคถัดจากนี้อาจจะงงๆ นะคะ) ที่รู้สึกปลอดภัยและสบายใจ เพราะรู้สึกว่ารบ. จับตามองทุกคนตลอดเวลา เลยไม่ค่อยกล้าทำอะไร (แต่ถ้าเป็นนัทรู้สึกว่าถูกจับตามอง อาจจะไม่ได้สบายใจขนาดนั้น เหอะๆ) เพื่อนส่วนใหญ่นัทจะรู้จักสมัยเรียนยุโรปด้วยกัน คือก็ต้องบอกตรงๆ ว่าเรื่องโจร เรื่องอะไรแบบนี้ ที่นี่สบายใจกว่ายุโรปมากจริงๆ ค่ะ เอาแบรนด์เนมไปถมได้เลย

การแลกเงิน : นัทแทบไม่ได้จับเงินสดเลย เอาติดตัวไปกันฉุกเฉินแต่ไม่ได้ใช้ นัทโหลดแอพ Alipay แล้วผูกบัตรเครดิต แล้วจ่ายจากแอพทั้งทริปเลยค่ะ ทุกอย่าง แท็กซี่ ร้านอาหาร ตั๋วเมโทร ร้านสะดวกซื้อ

หาที่พักและตั๋วเครื่องบินราคาถูก Trip.com คลิ๊กที่นี่ได้เลย

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!


ที่พักในเซี่ยงไฮ้

ที่พักนัทลองหามาจากย่านที่เคยไปแล้วคิดว่าโอเค โลเคชั่นดี รีวิวโอเคค่ะ บางอันก็เคยพักเอง ลองเลือกดูนะคะ คลิ๊กที่ชื่อโรงแรมเพื่อเช็คราคาและจองได้เลย

ที่พักราคาเริ่มต้น (ไม่เกิน 3,500.-) >> Jinjiang Metropolo Hotel Classic Nanjing Road **โลเคชั่นสะดวกมากกกก || Golden Tulip Bund New Asia  ||    SSAW Boutique Hotel Shanghai Bund **นัทเคยพักที่นี่ห้องใหม่ สะอาด ใกล้ Yu Garden  ||    Central Hotel Shanghai    ||    Mia Hotel || Shanghai Tiancheng Hotel

โรงแรมห้าดาว ราคากลางๆ (ไม่เกิน 7,000.-) >> Kempinski The One Suites Hotel Shanghai Downtown   ||  JW Marriott Shanghai at Tomorrow Square  ||  The Langham, Shanghai, Xintiandi   ||  Ascott Huai Hai Road Shanghai   ||  Pudong Shangri-La, Shanghai

โรงแรมหรูวิวปังระดับแลนด์มาร์ก >> Capella Shanghai  ||  The Peninsula Shanghai   ||    The Ritz-Carlton Shanghai, Pudong   ||   Waldorf Astoria Shanghai on the Bund    ||   Bulgari Hotel Shanghai


Day 1 : วันแรก เที่ยวสถานที่แลนด์มาร์กพื้นฐานที่เห็นปุ๊ป รู้เลยว่าเซี่ยงไฮ้!!

ช่วงเช้ามาลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน Yu Yuan Garden สาย 10 ค่ะ ที่นี่เป็นที่ตั้งของสวนจีนที่เป็นไปด้วยสถาปัตยกรรมจีนคลาสสิก และ ล้อมไปด้วยตลาดน่าเดินและมีของกินเพียบเลย เดินตามฝูงชนมาเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่ย่านตลาด Cheng Huang Miao ซึ่งจริงๆ เป็นชื่อของวัดเทพเจ้าประจำเมือง ในภาษาอังกฤษคือ City God Temple

ก่อนจะเข้าไปชมในสวน Yu Yuan ซึ่งเป็นสวนดังของที่นี่ นัทมาแวะทาน Nanxiang Steamed Bun ซึ่งในแมพนัทหาภาษาอังกฤษไม่เจอ สามารถเสิร์ช 南翔馒头店 ร้านนี้ได้ Bib Gourmand จากมิชลินไกด์ค่ะ ขายติ่มซำ ซาลาเปา และ ทีเด็ดคือ เสี่ยวหลงเปายักษ์ ที่ถึงขั้นมีหลอดให้เราได้ดูดน้ำซุป!! รสชาติดีใช้ได้เลยค่ะ อาจจะไม่ใช่เสี่ยวหลงเปาที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ถ้าเทียบราคาและรสชาติ ถือว่าดีมากกก เพราะมันอุ่นๆ กลมกล่อม ไส้แน่น ฟินสุดๆ ร้านนี้ ถ้าช่วงเที่ยงต้องต่อคิว แต่ถ้าใครอยากลองเสี่ยงหลงเปาเซี่ยงไฮ้ ก็ทานเป็นมื้อเช้าได้เลย!

จากนั้น เราก็จะไปซื้อบัตรเข้าชม Yu Yuan Garden กันค่ะ สวนอวี้หยวน เคยเป็นสวนส่วนตัวของครอบครัวหนึ่งในยุคราชวงศ์หมิง สวนแห่งนี้ สร้างด้วยแบบสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งในยุคที่สวนนี้ถูกสร้าง สวนอวี้หยวน เป็นสวนที่ใหญ่และมีค่ามากที่สุดในยุคนั้น เต็มไปด้วยการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นศาลา การวางหิน บ่อน้ำ สะพานซิกแซก ซุ้มโค้งต่างๆ

ในปัจจุบัน ถือเป็นที่น่ามาพักผ่อน เพราะอยู่ติดกับ วัด City God Temple รวมถึงตลาดรอบๆ ทำให้บริเวณทั้งหมดกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสสถาปัตยกรรมแบบจีนคลาสสิก ที่นี่เดินประมาณ 1-2 ชม. ก็ครบค่ะ แต่บางคนก็อยู่เป็นวันเลย

หากใครเดินบริเวณ City God Temple จะเห็นบ่อน้ำตรงกลาง ใกล้กับที่ซื้อตั๋วเข้าสวนอวี้หยวนเนี่ยแหล่ะค่ะ ศาลาตรงกลางนั้น เป็นโรงน้ำชาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งนึงในเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ เรื่องชาไม่เท่าไหร่ แต่กับแกล้มอร่อยมากกก และบรรยากาศจากตรงนี้ ดีมากๆ ค่ะ หลบความวุ่นวายได้ดีเลย

จากสถานี Yu Yuan Garden นั่งรถไฟใต้ดินขึ้นมาป้ายเดียวก็จะมาอยู่ที่สถานี East Nanjing Road ค่ะ

และที่นี่คือ Nanjing Road ถนนช้อปปิ้งสายสำคัญของเซี่ยงไฮ้ ถนนนี้เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ต่อกันยาวๆ เลยค่ะ ถนนปิดให้เป็นคนเดินเท่านั้น และเป็นถนนที่ยาวมากทีเดียว มีรถรางให้บริการด้วยค่ะ แบรนด์ก็มีทุกแบบ ตั้งแต่แบรนด์เนม แบรนด์แฟชั่น เครื่องสำอางต่างๆ ช้อปสนุกมาก ของกินก็เยอะค่ะ

โปรแกรมของเราคือจะเดินไปชมวิวที่ The Bund ค่ะ ดังนั้น หากเริ่มบ่ายๆ ใครเริ่มหิว นัทขอแนะนำ ห้องอาหาร Yi Long Court ณ โรงแรม The Peninsula Shanghai หากพูดถึงเสี่ยวหลงเปาแล้ว ที่ที่เราประทับใจจริงๆ น่าจะเป็นที่นี่ค่ะ ด้วยบรรยากาศ การบริการ การันตีความอร่อยด้วยดาวมิชลินเช่นกัน เสี่ยวหลงเปาที่นี่นั้น ตัวแป้งบางและเหนียว ไม่มีแตก ไส้อร่อย น้ำซุปเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ ทานแล้วเราชอบมากค่ะ

เดินข้ามถนนจากโรงแรมมาปุ๊ป เราก็จะอยู่ที่ The Bund แล้วค่ะ มาเซี่ยงไฮ้ แล้วไม่ได้มาเดิน The Bund คงเหมือนมาไม่ถึง The Bund ในภาษาจีนจะเรียกว่า Waitan เป็นบริเวณที่อยู่ริมแม่น้ำ Huangpu ซึ่งบริเวณนี้ เค้าทำเป็นสวนและถนนให้เดินเล่นได้แบบยาวๆ กว่า 1.5 กม. เลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นภาพโปสการ์ดของเซี่ยงไฮ้ ที่เห็นหมู่ตึกและหอคอย Pearl Tower ที่เป็นลูกกลมๆ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นหมู่ตึกอายุกว่าร้อยปีที่ถูกอนุรักษ์ไว้ และที่มีกลิ่นอายยุโรป เพราะประวัติของเซี่ยงไฮ้คือเติบโตมาจากการเป็นเมืองท่า และ การเข้ามาเช่าสัมปทานของทางตะวันตกค่ะ

นอกจากตรง The Bund แล้ว อีกจุดที่ถ่ายรูปสกายไลน์ฝั่ง Pudong ได้สวยมากๆ คือ สะพาน Zhapulu Bridge หรือใครจะขยับเข้าไปใกล้หน่อย ก็ไป Waibaidu Bridge สะพานที่เห็นอยู่ถัดไปในรูปด้านล่างนี้ก็ได้ค่ะ ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งมุมที่สวย และถ้ามาตอนเย็นๆ จะเจอคนถ่ายพรีเว้ดดิ้งเยอะมากเลยค่ะ

ตกดึก นัทแนะนำ นั่งแท็กซี่ ไปฝั่ง Pudong หรือ ถ้าใครยังอยู่ฝั่ง The Bund ก็จะมีบาร์ในโรงแรม Waldorf Astoria ที่น่าไปค่ะ ส่วนนัทอยากไปชมวิวเซี่ยงไฮ้กลางคืน เลยไป Flair ณ โรงแรม The Ritz Carlton รูฟท็อปบาร์ ที่เค้าเคลมว่าสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ค่ะ อยู่ชั้น 58 ของโรงแรม The Ritz Carlton วิวสวย บรรยากาศดีมากกก เห็นวิว Pearl Tower และแม่น้ำตามค่ำคืนเต็มๆ เลยค่ะ


Day 2 : วันที่สองเต็มวัน ไปดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน!

ดิสนีย์แลนด์ ที่ เซี่ยงไฮ้นั้น ได้ทำสถิติเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แบบหนึ่งปาร์คที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีปราสาทเจ้าหญิงที่สูงที่สุดในโลกด้วยค่ะ ทุกอย่างอลังการมากๆ  และ นัทคิดว่าจุดเด่นของดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้ คือ ด้วยความที่เพิ่งเปิดปี 2016 เครื่องเล่นส่วนใหญ่ เป็นเทคโนโลยีค่อนข้างใหม่ มีความลื่นและน่าตื่นตามากๆ หากเทียบกับเครื่องเล่นคลาสสิกในสาขาอื่นที่เปิดมานาน (แต่เครื่องเล่นที่เปิดใหม่ในสาขาอื่นก็คือดีมากนะคะ พวกเครื่องเล่นที่เปิดยุค 2016 เป็นต้นมา)

อย่างรถไฟเหาะ Tron เนี่ย อยากให้ทุกคนมาซักครั้ง สนุกมากกก นอกจากนี้ เครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ Pirates of the Caribbean Battle for the Sunken Treasure มีแค่ที่นี่ที่เดียวค่ะ เป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์มาก, Seven Dwarfs Mine Train นอกจาก Tron ในเซี่ยงไฮ้ก็จะมีเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะอันนี้อีกอันค่ะ, Soaring Over the Horizon, Voyage to the Crystal Grotto

ดิสนีย์แลนด์ก็จะใช้เวลาเต็มๆ วันเลย เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินได้ค่ะ สถานี Disneyland Park จะเป็นสุดสายของสาย 11 ค่ะ ถ้าจากในเมืองใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ

หากใครไม่อยากทานอาหารในสวนสนุกดิสนีย์เลย ตรงข้างๆ จะมี ดิสนีย์ทาวน์ ซึ่งจะมีร้านอาหารทั่วไป เช่น Ippudo หรือ ฟู้ดคอร์ท Food Republic อยู่ด้วยค่ะ

ทางไปจองตั๋วดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้ ราคาประหยัดที่สุด >> Klook.com คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ

นัทเขียนรีวิวฉบับเต็ม ทุกอย่างที่ควรรู้ก่อนไป คลิ๊กที่ภาพด้านล่างได้เลยค่ะ

หาที่พักและตั๋วเครื่องบินราคาถูก Trip.com คลิ๊กที่นี่ได้เลย

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!


Day 3 : มาถึงเมืองจีน ต้องไปเมืองเก่าแนว Water Town หรือเมืองน้ำซักครั้ง!

เมืองน้ำโบราณรอบๆ เซี่ยงไฮ้นั้นมีหลายเมืองเลยค่ะ แต่นัทไปจบที่ Zhu Jia Jiao เหตุผลที่เลือกเมืองนี้เนื่องจากการเดินทางที่สะดวก ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงโดยรถบัส มีจุดน่าสนใจหลายแห่งในเมือง สามารถล่องเรือและเดินได้ และไม่เสียค่าเข้าเมืองค่ะ

สามไฮไลท์ที่เราสนุกมากๆกับที่นี่คือ การล่องเรือชมเมือง การเปิดหอยมุก และ การแต่งตัวเป็นแม่นางจีนโบราณ ซึ่งอันสุดท้ายนี่สนุกมากๆ เลย จุดท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆในหมู่บ้านก็ได้แก่ สวน Kezhi Garden, ไปรษณีย์เก่า, ร้านขายยาโบราณ, Yuanjin Temple และสะพานต่างๆอีกมากมาย

เราเลือกซื้อตั๋วแบบเหมา 80 หยวน (400 บาท) ซึ่งเป็นค่าเข้าสถานที่สำคัญข้างต้น แกลเลอรี่และพิพิธภัณฑ์ รวม 8 แห่ง และยังรวมไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือการนั่งเรือ ชมหมู่บ้านและคลอง ลัดเลาะไปตามสะพานต่างๆอีกด้วย — หากจะไม่เข้าสวนหรือวัด เน้นเดินชมเมืองหาของกินนั่งคาเฟ่ จ่ายค่าเรือแยกได้ค่ะ

วิธีเดินทางอ่านได้ที่รีวิวฉบับเต็มนะคะ > Click Here

อันนี้ก็จะใช้เวลาเต็มวันอยู่ค่ะ หรือจะกลับมาทานอาหารเย็นในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ได้นะคะ

การเดินทาง : สะดวกและง่ายสุดคือ เช่ารถส่วนตัวพร้อมคนขับ เพราะเค้าจะพาเราไปถึงที่เลยค่ะ ถ้าไป 3 คนหารกันก็คุ้มอยู่ ทางไปจอง >> Klook คลิ๊กที่นี่

**update 2024** ตอนนี้มีรถไฟใต้ดินให้บริการแล้วค่ะ นั่งต่อมาจากในเมืองมาต่อสาย 17 แล้วลงสถานี Zhujiajiao จะเดินประมาณ 15 นาทีค่ะ


Day 4 : วันนี้ สำหรับสายคาเฟ่ฮอปปิ้ง สายฮิป ในย่าน Former French Concession

สำหรับวันนี้ เราจะเริ่มเข้าเขตที่เรียกกันว่า Former French Concession แล้วค่ะ ซึ่งนัทต้องขออธิบายก่อน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตามสื่อทั่วไป บริเวณทั้งหมดตั้งแต่ Tianzifang ไปจนถึงแถว Wukang จะถูกเรียกว่า “Former French Concession” หรือแปลว่า เขตสัมปทานเก่าฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนใหญ่อยู่ในเขต Xuhui แต่บางส่วนก็อยู่ขอบๆ เขต Huangpu

ทีนี้ เหตุผลที่ทำให้เซี่ยงไฮ้ มีย่านที่ดูมีกลิ่นอายยุโรป นั่นก็เป็นเพราะว่า อาคารต่างๆ นั้น ถูกสร้างตอนที่ยุโรปเข้ามาเช่า เป็นดีลที่เกิดขึ้นหลังจากที่แพ้สงครามฝิ่น แต่เป็นช่วงที่จีนค่อนข้างอ่อนแอ ทางการเลยรณรงค์ไม่ให้เรียกชื่อย่านว่า Former French Concession อีกต่อไป

ลักษณะเด่นของย่านนี้ คือเหล่าอาคารที่มีกลิ่นอายยุโรป มีการใช้อิฐหรือหิน ถูกสร้างช่วงปี 1920s-1930s มีทั้งสไตล์คลาสสิก และ อาร์ตเดโค่ และยังเป็นย่านที่มีแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Shikumen ที่เป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้อีกด้วยค่ะ

ช่วงเช้าเรามาย่านแรกกันก่อน Tianzifang ตรงนี้ใกล้ที่สุดคือ นั่งรถไฟใต้ดินสาย 9 มาลง Dapuqiao ทั้งแอเรียได้ทำเป็นแหล่งช้อปปิ้ง คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก งานคราฟท์ งานศิลปะ และเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว จะเป็นตรอกๆ เข้าไปในกำแพงหิน เป็นอีกย่านที่น่าเดินมากๆ ค่ะ

จากแถว Tianzifang จะเดินมา Huaihai Road ซึ่งเป็นถนนย่านการค้าที่ยาวมากกก หรือจะต่อสองสถานีมาลงเมโทร South Shaanxi Road ก็ได้ค่ะ ย่านนี้คือย่านช้อปปิ้งแบรนด์เนมแบบคึกคักๆ เลย อยากได้แบรนด์อะไร มีครบมากกก แต่เดินไปนิดนึงไปทางถนน Changle เราก็จะเริ่มเห็นถนนที่เป็นต้นไม้โน้มหากันค่ะ ซึ่งต้นไม้ที่โน้มหากันตรงนี้ ก็มีบนถนนหลายเส้นเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านที่เคยให้ต่างชาติเช่านี้แหล่ะค่ะ

ตรงนี้มีคาเฟ่ชื่อ Rac อยู่ค่ะ

จากสถานี Shaanxi Road เดินย้อนขึ้นมานิดนึง ก็จะเจออีกหนึ่งอาคารเด่น Cathay Theatre สร้างในปี 1932 ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นโรงหนังอยู่นะคะ มีสามโรงค่ะ

จากสถานี South Shaanxi สาย 12 นั่งต่อไปเปลี่ยนเป็นสาย 2 ลงสถานี Jing’An ค่ะ วัดจิงอัน วัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 800 ปี เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหยกขาวอันศักดิ์สิทธิ์ วัดแห่งนี้เคยถูกทำลายในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมและมีบูรณะขึ้นมาใหม่ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็ยังมีการสร้างและต่อเติมอยู่ค่ะ

ระหว่างทางใกล้ๆ นัทมีคาเฟ่แนะนำอยู่สองร้าน คือ Seesaw Cafe ไม่ก็ Aunn Cafe ค่ะ อย่าง Seesaw Cafe เป็นร้านกาแฟ Specialty Coffee เจ้าแรกๆ ในเซี่ยงไฮ้ ที่เริ่มขยายสาขาไปทั่วเซี่ยงไฮ้ และเริ่มไปเปิดในเมืองอื่นของจีนแล้วค่ะ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่สวย บรรยากาศดี กาแฟอร่อยแน่นอน

พอตกบ่ายๆ เริ่มหิว นัทนั่งแท็กซี่มาที่ร้านมิชลินหนึ่งดาวที่เล็งไว้ค่ะ Le Comptoir de Pierre Gagnaire เป็นร้านภายใต้ชื่อเชฟระดับตำนานของฝรั่งเศสอย่าง Pierre Gagnaire แต่จะมีความ casual กว่าร้านหลัก หลายๆ จานรสชาติคอมฟอร์ต แต่ยังมีคอมบิเนชั่นที่เดาไม่ได้ตามสไตล์ Gagnaire มีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเยอะ จานที่นัทชอบมากคือ Cocotte of frog Poulette, Beef Tartare, Morel Tagliatelle ใครสายเก็บดาวมิชลิน ควรมาค่ะ

จากนั้น ก็มาเที่ยวย่าน Wukang กัน เริ่มจาก Wukang Mansion สร้างเสร็จในปี 1924 และเป็นหนึ่งในอาคารที่ทางการอนุรักษ์ไว้ค่ะ อดีตเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ชาวต่างชาติที่มาทำงานเคยอาศัยอยู่ แล้วก็ถูกเศรษฐีจีนซื้อ ทำให้กลายเป็นที่พักที่ฮิตในหมู่เซเลบริตี้ชาวเซี่ยงไฮ้ค่ะ อาคารจะตั้งอยู่บนห้าแยกเลย มีความคล้าย Flatiron ที่นิวยอร์ก คนมาถ่ายรูปเยอะ

ข้างๆ Wukang Mansion จะเป็น Wukang Road ซึ่งถนนนี้ เดินสะดวกและมีร้านสวยๆ ตลอดทางเลย นัทแนะนำให้แวะที่ Ferguson Lane ค่ะ ภายในมีทั้งแกลเลอรี่ ของแต่งบ้าน ร้านสวยๆ คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านไวน์ จัดดิสเพลย์สวยน่าเดินมาก

จากถนน Wukang ไปถึง Anfu ร้านเยอะมากๆ นัทเดินดูของจนเย็นเลย

ตกเย็นเลยมาทานอีกหนึ่งร้านอาหารที่เป็นที่แนะนำที่สุดในย่าน Former French Concenssion เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส โดยเชฟชาวฝรั่งเศส  Bistro 321 Villa Le Bec เป็นวิลล่าเก่าแก่จากปี 1924 เช่นกัน ภายในอบอุ่นและมีหลายมุมมากๆ มีสวนด้านนอกด้วยนะคะ วันอากาศเย็นๆ แนะนำมาก ร้านนี้อาหารจานใหญ่มากกกกค่ะ เป็นอาหารฝรั่งเศสที่คอมฟอร์ตและให้เยอะ นัทชอบมากเลย อย่างจานมอเรลนั่น เห็ดมอเรลไซส์ใหญ่มาเลยค่ะ ประทับใจ


Day 5 : วันเก็บตกก่อนไปสนามบิน — นัทไปอาร์ตมิวเซียม (ซึ่งมีให้เลือกเยอะมากกกก) และ ที่เที่ยวเปิดใหม่ค่ะ

วันนี้ มาย่าน West Bund หลักๆ คือมา Long Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะของเอกชนที่มีสองสาขาค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าสาขา West Bund นี้นั้น ดัดแปลงมาจาก ท่าขนถ่ายถ่านหิน ซึ่งชมแค่อาคารภายนอกก็ว่าคูลมากๆ แล้ว เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่อาร์ตแกลเลอรี่และพิพิธภัณฑ์คึกคักมากๆ ค่ะ อย่างตอนที่นัทไป มีนิทรรศการเวียนอยู่ 3-4 นิทรรศการเลยทีเดียว และแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินทั่วโลกเลยค่ะ

จริงๆ ย่าน West Bund มีมิวเซียมอีกหลายแห่ง เช่น TANK Shanghai, West Bund Museum, Yuz Museum นัทก็ยังเก็บไม่หมดเลยค่ะ แล้วนิทรรศการคือเวียนไปเรื่อยๆ สมเป็นเมืองระดับโลก

สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Middle Longhua Road ซึ่งมันไม่ใกล้เลยค่ะ

หากใครยังมีเวลาอยากชวนมาเดเวลอปเม้นท์ใหม่ของเซี่ยงไฮ้ นี่คือที่เที่ยวล่าสุดแบบใหม่สุดเลยค่ะ เฟสสองด้านหลังยังก่อสร้างอยู่เลย แต่เฟสแรกเสร็จแล้ว 1000 Trees อยู่บน Moganshan Road เป็นโปรเจคท์แบบ Mixed Use ที่มีทั้งสวนสาธารณะ เรสสิเดนซ์ ร้านอาหาร ต่างๆ นัทก็มาทานอาหารในนี้เหมือนกัน มีหลายร้านให้เลือกเยอะมากเลยค่ะ

สถานนีที่ใกล้ที่สุดคือ Jiangning Road แต่ก็เดินอีกเกือบสิบนาทีค่ะ


สำหรับที่พักในทริปนี้นัทพักที่ Capella Shanghai ค่ะ

ในยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หรือ คศ. 1920-1930 จะมีสถาปัตยกรรมแบบ Shikumen ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ เริ่มขึ้นมา เป็นการสร้างทาวน์เฮ้าส์ติดๆ กันแล้วเรียงเป็นตรอกโดยมักจะมีซุ้มประตูหินหรืออิฐ​ และตัวบ้านจะหน้าแคบแล้วสูงขึ้นไป 4-5 ชั้น

หนึ่งใน Lane หรือ ตรอก ที่ยังสมบูรณ์มากคือ Jian Ye Li ซึ่งตอนนี้โรงแรม Capella Shanghai เค้านำมาพัฒนาเป็นรีสอร์ทใจกลางเมืองที่บรรยากาศดีมาก และทำให้นัทได้เรียนรู้เรื่องราวของเมืองเซี่ยงไฮ้ ผ่านอาคารที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจริงๆ

ทริปนี้ นัทพักที่นี่เลย Capella Shanghai เครือเดียวกับคาเพลลาที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย บริการดีมากกก แล้วห้องทุกห้องจะเป็นแบบวิลล่า ซึ่งนำ อาคาร Shikumen มาดัดแปลง ทำให้แต่ละวิลล่าจะมีห้องต่างๆ อยู่คนละชั้นค่ะ ภายในรีสอร์ทคือเงียบสงบมากกก

หาที่พักและตั๋วเครื่องบินราคาถูก Trip.com คลิ๊กที่นี่ได้เลย

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!


ข้อควรรู้ก่อนไปเซี่ยงไฮ้

แม้เซี่ยงไฮ้ จะถือเป็นเมืองที่เที่ยวไม่ยาก แต่ต้องเตรียมตัวนิดนึง เพราะอย่าลืมว่า ที่จีนมีการปิดกั้นสื่อต่างๆ เช่น กูเกิ้ล เฟสบุ๊ค หรือ อินสตาแกรม หากเราเปิดโรมมิ่งไปจากไทย เราจะเล่นได้ปกติ แต่อย่างกูเกิ้ลแมพ เนื่องจากที่จีนเองใช้ไม่ได้ ข้อมูลเลยจะไม่ค่อยอัพเดทค่ะ นัทใช้แอพ Maps ของไอโฟน ก็จะแม่นมากกว่าถ้าเป็นที่จีน แต่มันก็จะมีบ้างที่ไม่อัพเดทค่ะ จริงๆ อัพเดทสุดคือ Baidu maps แต่มันภาษาจีนล้วนเลย นัทเลยลำบากนิดนึง แอพ translate ก็โหลดไว้ก็ดีนะคะ เพราะบางอย่างก็ไม่มีเขียนภาษาอังกฤษ จะได้ส่องแล้วแปลได้เลย 🙂

นอกจากนี้ แอพ Alipay สะดวกมากๆ หากเราผูกบัตรเครดิตไว้ เราจะใช้แอพจ่ายทุกอย่างได้เลย ได้ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อแนวเซเว่น แฟมิลี่มาร์ท จ่ายค่าแท็กซี่ ค่าอาหาร ฯลฯ สะดวกมากๆ ทริปล่าสุด นัทไม่ได้ใช้เงินสดเลยค่ะ ทีนี้ สิ่งที่ยากขึ้นคือ แอพเรียกแท็กซี่อย่าง Didi บังคับให้เราต้องใส่เบอร์จีน ซึ่งตอนนัทไปรอบก่อนใส่เบอร์ไทยได้ ครั้งนี้เลยเรียกผ่านแอพไม่ได้เลยค่ะ

อีกอย่างที่ต้องโน้ตไว้หน่อยคือ เซี่ยงไฮ้ “เมืองเดียว” ประชากรสามสิบล้านคนนะคะ คือจะบอกว่า เมืองมันใหญ่มากกก และมีโครงการพัฒนามาใหม่ตลอดเวลา ดังนั้น เที่ยวยังไงก็ไม่หมด และที่สำคัญ มันมีย่านและที่เที่ยวที่ตอบโจทย์แต่ละคนต่างกันไป ทั้งวัฒนธรรมเก่า โมเดิร์น สายมู สายกินสตรีทฟู้ด สายกินมิชลิน สายหรูมากกกก็มีครบค่ะ นัทเพิ่งมีโอกาสกลับมาครั้งที่สอง ก็ยังชอบอยู่ค่ะ


หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

 




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: