เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเอง ตอนที่ 1 – Maldives แบบประหยัด งบสองหมื่นกว่า อยู่เกาะท้องถิ่น ชมสัตว์ทะเลแสนอลังการ

น้ำทะเลใสๆ วิลล่ากลางน้ำสุดหรู น่าจะกลายเป็นภาพจำของประเทศมัลดีฟส์ไป หลายคนอาจจะคิดว่าการไปมัลดีฟส์นั้น ต้องราคาสูงเท่านั้น แต่จริงๆ มัลดีฟส์ก็เป็นประเทศอีกหนึ่งประเทศ ที่เราสามารถเลือกไปพักบนเกาะท้องถิ่น ไปเรียนรู้และเข้าใจการใช้ชีวิตบนประเทศที่พื้นที่เล็กที่สุดในทวีปเอเชีย แต่มีอาณาเขตทางทะเลใหญ่พอๆ กับประเทศขนาดกลาง ซึ่งทำให้ทั้งทริปของเราไม่เบื่อเลย — วันนี้ Eat Chill Wander ขอพาทุกคนไป “เที่ยว มัลดีฟส์ แบบประหยัด” งบหมื่นห้าไม่รวมตั๋วเครื่องบินก็ไปได้ค่ะ!!

แต่การไปแบบประหยัด ไม่ได้แปลว่าไม่ปังนะคะ นัทหลงรักที่นี่มากๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะชอบมัลดีฟส์ขนาดนี้ ตอนแรกกลัวว่าจะเบื่อเพราะมีแต่ทะเล แต่คือ ทะเลมันใสแบบไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ ค่ะ แล้วใต้น้ำสมบูรณ์มากเลย นั่งเรือไป เจอโลมากระโดดเล่นกับเรือ ของกินก็อร่อย ปลาสด นัทชอบกินปลา ได้กินทุกวันรู้สึกดีมากเลยค่ะ มีอะไรให้เรียนรู้ทุกวัน ผู้คนน่ารัก บรรยากาศชิลล์มากจริงๆ


การเดินทางไปยังประเทศมัลดีฟส์ (หลังโควิด)

– มัลดีฟส์เปิดให้เข้าประเทศ โดยไม่ต้องมีผลตรวจหรือหลักฐานการฉีดวัคซีนเลยค่ะ เพียงแค่กรอกข้อมูลการเดินทางออนไลน์บนเว็ป https://imuga.immigration.gov.mv/ethd/create ไปก่อน ซึ่งกรอกเสร็จจะได้ qr code ทันที ต้องใช้ภายใน 48 ชั่วโมงค่ะ นัทกรอกคืนก่อนบิน ส่วนขาออก ก็มากรอกที่สนามบินตอนเช็คอิน

– คนไทยเข้ามัลดีฟส์ อยู่ได้ 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ

– ตอนนี้ มีสายการบินแอร์เอเชีย เปิดบินตรง ดอนเมือง – มัลดีฟส์ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 30 นาที โดยประมาณค่ะ เที่ยวบินเวลาสวยเลย

– ประเทศมัลดีฟส์ เป็นประเทศมุสลิมเคร่งครัด ห้ามนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ และ เนื้อหมู เข้าประเทศนะคะ พอไปถึง จะมีสแกนครั้งนึงหลังผ่านตม. แต่รอบที่เราไปไม่ได้ตรวจละเอียดค่ะ แค่เคยอ่านเจอว่า มีคนซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ตอนดิวตี้ฟรีขาออก แล้วต้องทิ้งค่ะ


รู้จักประเทศมัลดีฟส์

– ประเทศมัลดีฟส์ เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในเอเชีย หากนับพื้นที่ที่เป็นบกค่ะ แต่อาณาเขตทางทะเลใหญ่มากๆ น้องๆ ศรีลังกาเลยค่ะ ซึ่งพื้นที่ที่เป็นบกทั้งหมดนั้น กระจายอยู่บนเกาะเล็กๆ ประมาณ 1,200 เกาะค่ะ!!!!

– ดังนั้น หนึ่งเกาะของมัลดีฟส์ เล็กจริง! อย่างเกาะที่นัทไปอยู่ เกาะแรกยาว 1200 x 700 เมตร อีกเกาะเล็กกว่า 700 x 300 เมตร เดินอยู่ฝั่งนึงเห็นอีกฝั่งของเกาะ เดินครึ่งชั่วโมง รอบเกาะแล้วค่ะ

– ทำให้ทางรัฐบาลมัลดีฟส์ แบ่งเกาะเป็น 2 ประเภท คือ

1. Local Island ​(หรือเกาะท้องถิ่น) เป็นเกาะที่เป็นเมืองที่ชาวมัลดีเวียนใช้ชีวิตอยู่ เป็นแหล่งชุมชนจริงจัง มีมัสยิด โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ฯลฯ มีอยู่ประมาณ 200 เกาะ
2. Resort Island สัมปทานให้กับรีสอร์ทไปเลย จะไม่มีชุมชนอยู่ค่ะ แยกไปเลย ทั้งเกาะเป็นของโรงแรมแบบที่เราเห็นในภาพกันบ่อยๆ แบบนี้ก็ประมาณ 200 เกาะ

– นัทเลยเลือกที่จะไปแบบเกาะท้องถิ่น เพราะอยากไปเห็น ไปรู้จริงๆ ว่า ประเทศที่มันเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยแบบนี้ เค้าใช้ชีวิตกันยังไง มันเป็นประเทศได้ยังไง!! มันเจ๋งมากเลยนะคะ แล้วก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเยอะมากๆ เลยจริงๆ

– การเดินทางในประเทศมัลดีฟส์จะเป็นทางเรือ และ เครื่องบินค่ะ อย่างที่บอกว่า พื้นที่น้อย แต่อาณาเขตใหญ่ นัทดูในแผนที่ ดูใกล้ๆ ก็นั่งเรือ ชั่วโมงนึงแล้ว ถ้าจะให้ลงไปภาคใต้ของมัลดีฟส์ คงต้องนั่งเรือกันเป็นวันค่ะ (จากเหนือไปใต้ของมัลดีฟส์นับเป็นระยะทาง 820 กิโลเมตรค่ะ) ดังนั้น ในที่ที่ไกลๆ ก็จะต้องขึ้นเที่ยวเครื่องบินในประเทศไปแล้วค่อยต่อเรือค่ะ

– สำหรับทริปนี้ นัทใช้ Speedboat Transfer เป็นหลักค่ะ ส่วนบนเกาะไม่มีรถค่ะ เดินได้ทั่วเลย * มัลดีฟส์ทั้งเรือและทัวร์ ออกตรงเวลามากๆ นะคะ

– มัลดีฟส์ใช้เงิน รูฟียา แต่ส่วนใหญ่นัทใช้ USD เป็นหลักเลยค่ะ ไม่ได้แลกเงิน MVR เลย บนเกาะที่นัทอยู่มี ATM ค่ะ ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, บริษัททัวร์ ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต แต่ให้เช็คก่อนนะคะ

– ซิมการ์ด ตอนนี้ไม่มีบริการโรมมิ่งจากไทยนะคะ ซื้อซิมที่โน่น เปิดใช้ได้เลย เริ่มต้น 35$ ค่ะ


เที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัด 

เป็นการไปพักบนเกาะท้องถิ่นหรือ (Local Island) ซึ่งมีอยู่กว่า 200 เกาะเลยค่ะ เกาะที่ฮิตที่สุดเนื่องจากอยู่ใกล้เมืองมาเล่ ก็คือ “Maafushi” เป็นเกาะที่มีทุกอย่างพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวเลย สะดวก ทุกคนพูดภาษาอังกฤษ ราคาดีกว่า เพราะมีการแข่งขันหลายเจ้าค่ะ แล้วจาก Maafushi ก็ซื้อทัวร์ Day trip แบบที่ต้องการไปเที่ยวในแต่ละวันค่ะ

ส่วนเกาะท้องถิ่นอื่นๆ ก็ไปอยู่ได้นะคะ อย่างนัทเองก็ไปอยู่ Fulidhoo มา มันสงบมากๆ เลยค่ะ มีความชนบทนิดนึง แต่ก็ได้สัมผัสธรรมชาติเต็มๆ

นัทไม่ได้ว่าการไปรีสอร์ทหรูไม่ดีนะคะ นัทคิดว่ามันดีคนละแบบ และเหมาะกับคนละโอกาสค่ะ อย่างทริปนี้ นัทไปกับแก๊งค์เพื่อนค่ะ เน้นสนุก เฮฮาทุกวัน ไปว่ายน้ำดูสัตว์ทะเล ไปคาเฟ่ ไปหาของกิน คุยกับชาวมัลดิเวียน นั่งดูดชิชา ตอนก่อนไปก็คือคุยกับเพื่อนว่า เราจะไปมัลดีฟส์เหมือนตอนไปเกาะเต่า เซบู อะไรแบบนี้นะ

ซึ่งการพักเกาะโลคอล ก็มีข้อเสียสำหรับบางคนนะคะ คือด้วยความเป็นชุมชน เค้าจะมีกำหนดว่าตรงไหนเป็น Bikini Beach แต่พอออกจากหาดต้องใส่ชุดคลุมค่ะ (ซึ่งนัทเข้าใจเหตุผลเค้านะคะ เพราะบนเกาะมันคือชุมชน มีร้านค้า มัสยิด โรงเรียน โรงพยาบาล เค้าแค่ขอให้มันดูเหมาะสมนิดนึงค่ะ) อีกข้อคือ ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์บนเกาะค่ะ

จริงๆ นัทอยู่ทั้งหมด 8 วันค่ะ ไม่เบื่อเลยยยย ซึ่งใน 8 วัน มันมีวันที่นัทนั่งเคลียร์งานแล้วก็พักผ่อนเฉยๆ ด้วย เล่นโยคะตอนเช้า ว่ายน้ำทะเลตอนเย็นๆ ไม่ได้ทำอะไรมาก

แต่ในรีวิวนี้ นัทรวบรวมเป็นแพลนเที่ยว 5 วัน 4 คืน ที่คิดว่าพอดี คุ้ม และเหมาะกับคนที่ต้องลางานมาฝากค่ะ


งบประมาณในการเที่ยวมัลดีฟส์

1. ค่าตั๋วเครื่องบิน

นัทบิน AirAsia ราคาประมาณ 7000 – 15000.- // ส่วนตัวนัทจองช่วงเดือนมีนา 2022 ตกประมาณแปดพันนิดๆ ค่ะ สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย

2. ค่าที่พัก

โปรแกรมนี้พัก 4 คืนบนเกาะ Maafushi มีตั้งแต่คืนละ 1500.- ไปจนถึง 4000.- ++ อย่างที่ๆ นัทไปอยู่ ตกคืนละ 1500.- หารสองก็คนละ 750 ค่ะ

ทางไปจอง >> Hotel Water Seven (เป็นเกทส์เฮ้าส์ธรรมดาๆ เลย แต่ประสบการณ์คือประทับใจค่ะ ใครติดหรูลองเลือกออปชั่นอื่นนะคะ เข้าไปแล้วหาที่ใกล้ๆ ต่อได้ ตรงนี้โลเคชั่นดีมากค่ะ ที่พักสวยๆ บนเกาะก็มีค่า) 

3. ค่าเรือ

Speedboat Transfer จากสนามบินมาเล่ ไปเกาะ Maafushi เที่ยวละ 20$ ไปกลับ 40$ : ~1,360.-

4. ค่าทัวร์

ของนัทไปทัวร์ฉลามวาฬ ทัวร์รีสอร์ท และ ทัวร์ฉลาม-กระเบน อย่างละวันค่ะ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ จะแตกต่างไปแล้วแต่ทัวร์ที่เราไป และทัวร์ที่มีออกในวันนั้นๆ ค่ะ ทัวร์ฉลามวาฬแพงสุด เพราะไกลสุด ส่วนถ้าใครไม่สนใจทัวร์แบบที่นัทไป เค้ายังมีจุดดำน้ำอื่นๆ อาจจะเน้นเต่า เน้นปลาสีๆ เป็นฝูงๆ ซึ่งนัทไม่ได้ไปมาเหมือนกันค่ะ ทัวร์เริ่มต้นตั้งแต่ 25$

สำหรับ รีสอร์ท Day Pass จะเป็นการไปเที่ยวรีสอร์ทช่วง 9.00-17.00 โดยประมาณ รวมค่าเรือไปกลับ อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์ พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ไม่อั้น ใช้สระว่ายน้ำต่างๆ ได้ค่ะ แต่ต้องไปถามอีกที เพราะแต่ละวัน รีสอร์ทอาจจะว่างไม่ตรงกันค่ะ และราคาแต่ละที่ก็ไม่เท่ากันค่ะ เริ่มตั้งแต่ 100$

– ค่าทัวร์ฉลามวาฬ, เกาะ Dhigurah, ชมโลมา 100$ : ~3,400.-
– ค่าทัวร์รีสอร์ท Day Pass (นัทไป Sun Siyam Olhuveli) 140$ : ~4,760.-
– ค่าทัวร์ฉลามพยาบาล, Sandbank, ปลากระเบน, ชมโลมา 50$ : ~ 1,700.-

ทั้งหมดนี้นัทให้ที่พักจองให้ค่ะ ตอนแรกก็กลัวจะแพงกว่า แต่เราไปเดินเช็คอีกที สรุปเค้าเลือกอันที่ถูกและดีให้จริงๆ เลยให้เค้าจัดการให้หมดเลยค่ะ ใครอยากเจอสัตว์อะไร อยากไปแนวไหน ก็ถามที่พักได้เลย ชื่อคุณ Shaffan ฝากสวัสดีเค้าด้วยนะคะ ** ที่ไปมาทั้งหมด 4 บริษัท ชอบ iCom Tour ที่สุดค่า

5. ค่ากิน

ทางโรงแรมนัทมีอาหารเช้าให้ ส่วนกลางวันทานกับทัวร์ทุกวันเลยค่ะ เหลือแค่ค่าอาหารเย็น 4 วัน ตกประมาณมื้อละ 10$ : 1,360.-

อาจจะเตรียมค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ได้ เช่น Floating Bar, ชิชา (บารากุ เตาละ สามสี่ร้อย),​ พวกขนมในร้านสะดวกซื้อ ก็ราคาพอๆ กับไทยค่ะ ไอศครีมแมคนั่ม ประมาณสี่สิบบาท) อ้อ อีกอย่างที่แพงคือค่าซิมการ์ด 35$ แก๊งค์นัทเปิดฮอทสปอทเอาค่ะ

งบประมาณ รวมทั้งหมด 15,580 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน และ ไม่รวม การกลับมา Test & Go ที่เมืองไทยค่ะ (น่าจะยกเลิกเดือนมิย. นี้นะคะ ส่วนที่นัทกลับมาพักรอบนี้ ประมาณสามพันบาทต่อคนค่ะ ตั๋วเครื่องบินนัทจองทันตอนไปกลับแปดพันบาทค่ะ)

ราคานี้นัทไปหน้า High Season ค่ะ ถ้าไปหน้า Low Season ทางเกสท์เฮ้าส์บอกว่า ทุกอย่างจะถูกกว่านี้ค่ะ


อาหารในมัลดีฟส์ และ ร้านอาหารบนเกาะ Maafushi

ก่อนมานัทอ่านรีวิวแล้วจะเจอว่าอาหารมัลดีฟส์ทานไม่ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่เจอคือ ไม่จริงเลยค่ะ คือเกาะที่นัทไปอยู่มันจะมีความรับนักท่องเที่ยวแล้ว อาหารเลยจะเป็นอาหารตะวันตกครึ่งนึง ส่วนอาหารมัลดีเวียน ก็จะมีความคล้ายๆ ศรีลังกาบ้าง มีความเน้นทูน่า ปลา และ มะพร้าว โดยรวมคือดีเลยค่ะ

บนเกาะ Maafushi มีร้านอาหารเยอะมากๆ ร้านที่เราทานแล้วดีเลยจะมี Octopus กับ Harbour แต่ใครชอบฟาสท์ฟู้ด ก็ Hot Bites แล้วก็จะมีชิชาบาร์ ที่อาหารอร่อยมากกก มาซ้ำ 2 รอบ ชื่อร้าน Moonlight อันนี้ห้ามพลาดค่ะ

นอกจากนี้ บน Maafushi มื้อเย็นจะมีบุฟเฟต์หลายร้านเลย นัทไปกินตรง Arena ซึ่งเป็นบุฟเฟต์ที่มีปลาสดย่าง ปลาตัวใหญ่มาก แล้วเปลี่ยนย่างไปเรื่อยๆ ได้ทานทั้ง ปลามง ปลาเก๋าดอกแดง ปลาแมกคาเรล สดมากๆ เนื้อเด้งสุดๆ นัทชอบทานปลา แล้วพอเป็นปลาที่รู้สึกว่าเนื้อไม่เหมือนปลาฟาร์มก็จะชอบมากค่ะ

อาหารที่ทานได้แน่ๆ จะเป็นพวก ข้าวผัด พิซซ่า แต่ก็จะมีอาหารท้องถิ่นที่นัทชอบกินมากกก เพราะชอบกินปลาทูน่า ก็จะชอบมากๆ Mas Huni เป็นเหมือนทูน่ารมควันแล้ว ceviche, Kottu อาหารสไตล์ศรีลังกัน เครื่องเทศเนียนๆ ทานกับแป้ง Roshi หรือ นาน อร่อยมาก — ที่ประทับใจจริงๆ คือ Fish & Chips เมนูเบสิคที่สั่งบ่อย แต่เค้าใช้ปลาสดกัน ไม่ใช่สำเร็จรูปแช่แข็งอ่ะค่ะ คือนัททานแต่ละที ปลาเปลี่ยนตลอด เลยแฮปปี้มากๆ ปลามันสดเด้งมากค่ะ

ใครกลัวทานไม่ได้ บนร้านสะดวกซื้อบนเกาะ มีมาม่าไทยและมาม่าเกาหลีขายนะคะ ที่พักนัทมีครัวให้ใช้ค่ะ

ทูน่าหางเหลืองแบบนี้ก็ดีค่ะ เนื้อแบบไม่ใช่ปลาทูน่าฟาร์ม มันดีมากๆ เลย อยู่ที่ 20$ ค่ะ

เตรียมพร้อมแล้ว มาเที่ยวกันเลยนะคะ


Day 1 : Exploring Maafushi Island

จากสนามบินนานาชาติดอนเมือง ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะมาถึงสนามบิน Velana International Airport กรุงมาเล่ ประเทศมัลดีฟส์ค่ะ อย่าลืมจองที่นั่งริมหน้าต่างนะคะ เพราะวิวตอนลงสวยมากๆ

สนามบินนี้ เป็นสนามบินของเมืองหลวงมาเล่ก็จริง แต่ตัวสนามบินอยู่ในเกาะที่ชื่อว่า Hulhumale ค่ะ อยู่ห่างจากเมือง Male ไม่ถึง 10 นาที แต่พวกนัทจะมุ่งหน้าไปเกาะ Maafushi เลย ก็ออกมาขึ้นเรือหน้าสนามบินได้เลยค่ะ มีบริการเรือ Speedboat หลายเจ้าค่ะ สามารถเดินไปขึ้นเองก็ได้ ส่วนของนัทคุยกับทางที่พักไว้ เค้าก็จะมีคนมารับถือป้าย Maafushi เพื่อพาเราไปยังที่เรือ ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ก็ถึงเกาะ Maafushi ค่ะ

นัทบินไปถึง 12.20 น. ได้ขึ้นเรือรอบ 13.00 น. มาถึงแล้ว ทางที่พักก็ส่งคนมารับที่ท่าเรือ ช่วยขนกระเป๋าเรียบร้อย เดิน 2 นาทีถึงที่พักค่ะ เป็น เกสท์เฮ้าส์ธรรมดาๆ เลย แต่ประสบการณ์คือประทับใจค่ะ ทางไปจอง >> Hotel Water Seven

ช่วงบ่ายวันนี้ เราเลยเน้นเป็นการเดินสำรวจเกาะนี้ก่อนค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเงียบๆ ไม่มีอะไรเลย แถมหาข้อมูลมาตอนแรก ทุกคนจะเน้นว่า เป็นเกาะที่เป็นมุสลิมเคร่งครัด ต้องแต่งตัวแขนยาวขายาว แต่นัทไปนั่งคุยกับคนท้องถิ่นหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิง ทุกคนคิดว่าการใส่บิกินี่เดินทั่วเกาะ ไม่เหมาะสม แต่ถ้าจะใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น เดรสทั่วไป ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนผู้หญิงที่นี่ยังนิยมเป็นการคลุมทั้งตัวค่ะ

เกาะ Maafushi มีขนาดประมาณ 1200*700 เมตรค่ะ เราเดินตลอดเลยค่ะ เดินตอนกลางคืนก็รู้สึกปลอดภัย ประมาณวันที่ 3 นี่คือรู้สึกชอบและคุ้นเคยกับเกาะนี้ไปเลยค่ะ จากภาพมุมสูงนี้ ฝั่งซ้ายมือจะเป็น Bikini Beach ค่ะ ส่วนที่พักเราจะอยู่ตรงหาดที่ถัดมาจากท่าเรือ

มื้อแรกของเราที่มัลดีฟส์ พิซซ่าทั่วไปค่ะ ฟิชแอนด์ชิปส์เหมือนจะทั่วไป แต่ใช้ปลาสดตลอด จานด้านล่างเป็น Kotthu อาหารมัลดิเวียนที่เป็นปลาหมึกผัดกับเครื่องแกงนัวๆ อันนี้อร่อยค่ะ

เดินไป เดินมา ก็จะมีร้านน่ารักๆ บ้าง อย่างตรงนี้ ไอศครีมมะพร้าวสดชื่นดีเลยค่ะ

ที่มัลดีฟส์จะมีผลไม้ที่ชื่อว่า Screwpine ที่นำมาทำน้ำปั่นค่ะ รสชาติจะหวานนวล มีฝาดนิดๆ คล้ายขนมหวาน แปลกดี ในรูปด้านขวานี้ ไม่แน่ใจว่าเคยทานกันมั้ยคะ?

แต่ร้าน Juice Vibe นี่ไม่ค่อยแนะนำเลยค่ะ แพงไปหน่อยค่า

นอกจากไปทัวร์แล้ว สิ่งที่ทำบน Maafushi ได้ ก็จะมีกิจกรรมทางน้ำ เช่น Parasailing, บานาน่าโบ้ท, พายคายัค,​พาย sup มีครบเลยค่ะ หรือไปทัวร์ตกปลาตอนกลางคืนก็ได้ ตกได้ไม่ได้ก็มีปลาย่างให้ทานค่ะ

เย็นนี้เราก็มานั่งเล่นที่ Bikini Beach กัน นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนค่ะ

Parasailing วิวจากด้านบนน่าจะสวยมากเลยค่ะ

เรือ Dhoni เรือตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวมัลดิเวียนค่ะ

อีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่นี่จะเป็น Floating Bar เพราะบนเกาะท้องถิ่นจะห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์โดยสิ้นเชิง เค้าเลยมีเรือจอดไว้กลางทะเลเป็นบาร์ลอยน้ำ ห่างจากฝั่งไม่เกิน 5 นาที มีเรือเล็กรับส่งตลอดค่ะ

ส่วนตัวพอไปแล้วไม่ได้อิน และ คิดว่าถ้าใครไม่ได้มาก็ไม่พลาดอะไรนะคะ วิวสวยดีค่ะ แต่ขายแพง และ บรรยากาศโดยรวมเฉยๆ ค่ะ พวกพี่พนักงานที่ที่พักเรา ไม่มีใครเคยมาเลย


จบวันแรก รู้จักกับมัลดีฟส์แบบท้องถิ่นแล้ว ตอนหน้า เราจะออกทะเลค่ะ ไปว่ายน้ำกับ ฉลามวาฬ ปลากระเบน ฉลามพยาบาล ไปชมเกาะท้องถิ่นอื่นๆ ว่ายน้ำในน้ำที่ใสยิ่งกว่าสระ และไปทัวร์รีสอร์ทที่มีวิลล่ากลางน้ำ อันเป็นเสมือนสัญลักษ์ของมัลดีฟส์ด้วยค่ะ

อ่านต่อได้ที่ >> เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเอง ตอนที่ 2 – เที่ยววิลล่ากลางน้ำ ว่ายน้ำกับฉลาม ดูโลมา ทรายขาว น้ำใสกว่าสระ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย

หาที่พักราคาถูกบนเกาะ Maafushi : คลิ๊กที่นี่ได้เลย! 


หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: