เที่ยวมาเก๊าด้วยตัวเอง! รีวิวเที่ยวมาเก๊า 3 วัน 2 คืน ฉบับถ่ายรูปสวย กินตามรอยมิชลินสตาร์ [ตอนที่ 1]

มาเก๊า (Macau) อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่หลายๆ คนมักมองข้าม ด้วยภาพจำว่ามีแต่คาสิโน หรือ ทาร์ทไข่ หรือ แม้แต่การเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับจากฮ่องกง แต่การมาเที่ยวมาเก๊า 2 รอบในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรารู้ว่า มาเก๊า ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร สถาปัตยกรรม งานศิลปะ ทั้งของท้องถิ่น และ ของโมเดิร์น ประกอบกับการเดินทางแสนง่าย ไปเที่ยวช่วงวีคเอนด์ก็ได้ ทำให้เมืองนี้ กลายมาเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นที่เราอยากแนะนำ


ข้อมูลทั่วไป

วีซ่า : คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า อยู่ได้ 30 วันค่ะ ณ ตอนนี้ มาเก๊าถือเป็นเขตการปกครองพิเศษของจีนค่ะ

ภาษา : คนส่วนใหญ่ ถ้ารุ่นมีอายุหน่อย จะพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องค่ะ ส่วนเด็กๆ ตามย่านทัวริสท์พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ ใครพูดจีนได้สบายเลย ส่วนใหญ่เวลาเค้าเห็นเราเค้าจะพูดจีนใส่ก่อนค่ะ แต่คนท้องถิ่นจะคุยกันเป็นภาษากวางตุ้งค่ะ สำหรับภาษาโปรตุเกสเห็นแค่ชื่อถนนค่ะ ไม่เคยเห็นใครพูดนะ

เงิน : สกุล Macanese Pataca หรือ MOP ค่ะ เรทจะถูกกว่าเงินฮ่องกง HKD นิดดดดนึงค่ะ ข้างนอกทั่วไปรับ MOP แต่ในคาสิโนจะใช้ HKD ส่วนเราแลกไปนิดเดียว แล้วใช้บัตรเครดิตเอาค่ะ

โทรศัพท์ : เล่นเฟสบุ๊ค เข้ากูเกิ้ลได้ตามปกตินะคะ ซื้อซิมเดินทางจากไทยไปใช้ได้ สัญญาณโอเคเลยค่ะ

ขนส่งมวลชน : ในมาเก๊ายังไม่มีรถไฟใต้ดินอะไรแบบนั้นนะคะ ใช้รถบัสกับแท๊กซี่เป็นหลัก และแท๊กซี่ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ บางทีก็ไม่รู้ชื่อ ไม่ว่าจะชื่อสถานที่หรือชื่อโรงแรมในภาษาอังกฤษด้วย ทางที่ดีคือ ถ้าเรียกแท๊กซี่จากหน้าโรงแรม ก็ให้พนักงานโรงแรมพูดให้ ไม่งั้น ให้กดชื่อภาษาจีนให้เค้าดูค่ะ เขียนใส่กระดาษไว้ก็ได้

เราแบ่งมาเก๊าเป็น 2 ฝั่งนะคะ จะมีฝั่งมาเก๊าที่เป็น Macau Peninsula อันนี้เรียกฝั่ง “มาเก๊า” เลยค่ะ จะเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวดั้งเดิมที่เราเคยเห็นกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นจตุรัสเซนาโด ซากโบถส์เซนท์พอล ฯลฯ

ส่วนเกาะทางใต้ ที่เชื่อมกันด้วยสะพานอ่ะค่ะ จะเรียกว่า COTAI โดย Cotai ก็คือ Coloane + Taipa ค่ะ ไทปาจะเป็นย่านที่อยู่ของคาสิโนชื่อดังมากมาย ทยอยเปิดใหม่เพียบ ส่วน โคโลอาน จะเป็นหมู่บ้านที่มีค่อนข้างชิลล์เลยค่ะ

เวลาจองโรงแรมเครือใหญ่ๆ หลายโรงแรมจะมีสองฝั่ง ก็ต้องเช็คชื่อโรงแรมด้วยนะคะ


การเดินทาง

1. บินจากไทย

มี 2 สายการบินที่ไปมาเก๊าค่ะ คือ Air Macau กับ AirAsia อันนี้แล้วแต่ความสะดวกแต่ละคนค่ะ ทั้งในเรื่องเวลา ราคา สนามบินที่ไทย ส่วนเราเลือกเดินทางด้วย AirAsia ค่ะ เพราะเราเดินทางไปฮ่องกง แล้วกลับจากมาเก๊า ซึ่ง AirAsia มีไฟลท์ทั้ง 2 ที่ค่ะ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

2. นั่งรถบัส หรือ เฟอร์รี่ จากฮ่องกง

สำหรับใครที่มาฮ่องกงอยู่แล้ว หรือตั๋วไปฮ่องกงถูกกว่า ก็ลองพิจารณาการเดินทางมามาเก๊า ด้วยรถบัสหรือเฟอร์รี่จากฮ่องกงได้ค่ะ รายละเอียด ข้อดี ข้อเสีย ความแตกต่าง อยู่ในนี้แล้ว ไปอ่านกันได้ ที่นี่


ที่พัก

ที่พักในมาเก๊ามีทุกราคาค่ะ แต่มาเก๊าเป็นที่ที่ ที่พักวันธรรมดาราคาถูกมาก ถูกแบบครึ่งนึง แต่ถ้า ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดของจีน ราคาขึ้น 2 เท่าทันทีค่ะ

ส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าได้ไปวันธรรมดา โรงแรมห้าดาว บริการครบๆ ฟินๆ ที่สำคัญห้องโคตรใหญ่ถ้าเทียบกับที่อื่น ในมาเก๊าราคาไม่แรงมากค่ะ คือไม่ได้ถูกนะคะ แต่ถ้าเทียบกับ ฮ่องกง โตเกียว สิงคโปร์ หรือ แม้แต่หัวหิน จะเอามาตรฐานนี้ ก็อาจจะไม่ได้ราคานี้นะ เช่น โรงแรมโฟร์ซีซั่น ทุกอย่างอลังการ ตกคืนละ สี่ห้าพัน นี่น่าจะถูกอันดับต้นๆ ของเชนนี้แล้ว

โรงแรมราคากลางๆที่แนะนำ (คืนละ 2000 -3000 บาท)
Hotel Metropole : คลิ๊กเพื่อดูราคา อันนี้โลเคชั่นดีมากค่ะ รีวิวดี
Hotel Sintra : คลิ๊กเพื่อดูราคา เลือกมาด้วยโลเคชั่นเช่นกันค่ะ ถ้าเน้นเที่ยวฝั่งมาเก๊า แถวนี้ก็น่าจะสะดวกสุด ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญและสตรีทฟู้ดค่ะ
IFU Hotel : คลิ๊กเพื่อดูราคา
Hotel Beverly Plaza : คลิ๊กเพื่อดูราคา

โรงแรมหรูฝั่งมาเก๊า (คืนวันธรรมดา เริ่มต้นที่ 4000)
Grand Lisboa Hotel : คลิ๊กเพื่อดูราคา โรงแรมที่เป็นเอกลักษณ์ของมาเก๊า และเป็นที่ตั้งของร้านอาหารมิชลินสตาร์ 3 ดาวถึง 2 ร้านในมาเก๊า
Mandarin Oriental Macau : คลิ๊กเพื่อดูราคา
Wynn Macau : คลิ๊กเพื่อดูราคา

โรงแรมหรูฝั่งไทปา (คืนวันธรรมดา เริ่มต้นที่ 4000)
Wynn Palace : คลิ๊กเพื่อดูราคา Wynn อยู่ตั้งอยู่ต้นถนนที่เป็นโรงแรมคาสิโนหรูๆ ค่ะ ข้อดีคือ เดินไปแหล่งท่องเที่ยวฝั่งไทปาได้ง่าย แต่ตัวโรงแรมเอง ไม่พลุกพล่านมาก ถ้าใครเคยไปเวเนเทียน ที่นี่คือคนละฟีลเลยนะคะ ไม่มีความทัวร์ลง ไม่มีความแออัด หรูหราและสะอาดค่ะ
Galaxy Macau : คลิ๊กเพื่อดูราคา จริงๆ ใน Galaxy Macau มีโรงแรมห้าดาวอยู่ 4 เครือค่ะ จุดเด่นคือสระว่ายน้ำสุดอลังการ และความไม่พลุกพล่านแออัด แถมในนั้นมีร้านค้า ร้านอาหารอีกเป็นร้อย เดินทางไม่ไกลจาก Taipa Village ด้วยค่ะ ค่อนข้างแนะนำเลย
Morpheus, City of Dream : คลิ๊กเพื่อดูราคา  อันนี้เล็งไว้ว่ารอบหน้าจะไปค่ะ แต่เราชอบเป็นการส่วนตัวด้วยนะคะ มันดูล้ำยุคดี เป็นดีไซน์ที่ชอบค่ะ

สำหรับที่เราไปพักมาจะเป็น Wynn Palace ค่ะ คลิ๊กไปอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่เลย


Day 1 : MGM – The Eight Macau – Senado Square – Ruins of St. Paul – Happiness Street – Wynn Macau

แพลนเที่ยวของเราส่วนใหญ่จะถูกกำหนดด้วยร้านอาหารที่จองได้ค่ะ เพราะทริปนี้เน้นมาเก็บร้านมิชลินสตาร์เป็นหลัก

สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนอยู่ แนะนำให้ลองพินที่ที่อยากไปลงในกูเกิ้ลแมพ แล้วลองจัดสรรเวลาดูค่ะ ว่าอันไหนใกล้ตรงไหน คิดว่าตัวเองจะใช้เวลาเท่าไหร่ จะได้มีแพลนเที่ยวที่ถูกใจตัวเองที่สุด

เราเริ่มทริปนี้จาก โรงแรม MGM Macau เพราะรถชัทเทิลจากฝั่งไทปามันมาลงตรงนี้ เลยแวะเข้ามาดูซักหน่อย โถงกลางของที่นี่จะมี Art Installation หลายชิ้นอยู่ค่ะ ตกแต่งสวยงามตามสไตล์โปรตุเกส ซึ่งเป็นอิทธิพลหลักๆ ในมาเก๊าค่ะ

ในนี้มีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลายจุดเลย ลองไปดูกันนะคะ

ใกล้ๆ จะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำ เดินข้ามถนนไปได้ค่ะ

เดินลัดมาอีกหน่อยจะมาเจอ โรงแรมที่เป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่เราจะมาทานในวันนี้ค่ะ กับ The Eight Restaurant ร้านอาหารจีนกับติ่มซำในตำนานของมาเก๊า เมื่อก่อนที่นี่เป็นร้านอาหารจีนร้านเดียวของมาเก๊า 1 ใน 5 ร้านในโลกที่ได้รับมิชลิน 3 ดาว จนตอนนี้มี Jade Dragons ฝั่งไทปาที่ได้ดาวเพิ่มเลยมี 3 ดาว สองร้านค่ะ

เป็นหนึ่งในร้านที่เรามักแนะนำค่ะ อยากให้มาลองซักครั้ง เรียกว่าสมดาวแหล่ะ ไปอ่านรีวิวฉบับเต็มกันได้ที่นี่เลยค่ะ

เดินมานิดนึง จะสามารถเดินผ่านทั้งโบถส์สีเหลืองใจกลางเมือง ไปจนถึง Ruins of St. Paul ค่ะ ใครไม่ชอบเดินให้นั่งแท๊กซี่มานะคะ เพราะมันจะเป็นเนินขึ้นเขานิดนึง ระยะทางไม่ไกลมากแต่เดินเหนื่อยอยู่

ไม่มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของมาเก๊าค่ะ สิ่งที่เราเห็นอยู่เป็นซากประตูโบถส์ เนื่องจากตัวโบถส์เสียหายไปแล้ว โดนไฟไหม้ถึง 3 ครั้ง พายุไต้ฝุ่นอีกครั้ง แต่ด้วยความสวยงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทางมาเก๊าเลยยังอนุรักษ์ซากประตูโบถส์เซนท์พอล นี้ไว้อย่างสมบูรณ์ทีเดียวค่ะ

เดินมาอีกนิดจะพบกับจัตุรัสเซนาโด หรือ ซานเหมยโหล่ว เต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนค่ะ นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ อาคารแถวนี้ ถอดแบบยุโรปมาเต็มๆ

ฝั่งตรงข้ามจะมีอาคาร Municipal Affairs Bureau ซึ่งมีการตกแต่งกระเบื้องสีๆ แบบโปรตุเกสเลยค่ะ

เดินมาอีกนิดก็จะเจอ  Rua Da Felicidade ที่แปลว่า Street of Happiness เพราะเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็น Red Light District หรือย่านโคมแดง ของมาเก๊ามาก่อน

ด้วยความเป็นเอกลักษณ์และมีสเน่ห์ของที่นี่ จึงทำให้นักท่องเที่ยวแวะมาอย่างคึกคักเลยทีเดียวค่ะ

มีร้านขายของน่ารักๆ เต็มไปหมด

เดินกลับมาที่โรงแรม Wynn Macau ตอนเย็นค่ะ เพราะเราพักที่ Wynn Palace ฝั่งไทปา เลยเดินทางด้วยรถ Shuttle Bus ฟรีของโรงแรมเป็นหลักค่ะ ก่อนกลับเราแวะทานร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับ มิชลิน 2 ดาว ชื่อว่าร้าน Mizumi ค่ะ

ทีเด็ดของร้าน ​Mizumi คือ การรวมเทปปังยากิ ซูชิ และ เทมปุระ แบบที่ดีสุดๆ ไว้ที่เดียว

แนะนำให้ทานที่เคาเตอร์ ของชนิดอาหารที่อยากทานนะคะ อย่างการกินเทมปุระ ถ้านั่งตรงเคาเตอร์ที่เค้าทอดเลย เทกเจอร์จะดีพีคมาก ส่วนวัตถุดิบก็สดและเป็นขั้นดีมากค่ะ เนื้อ Yaeyama อร่อยมาก

เชฟมาจากร้านสองดาวที่ฮอกไกโด ที่นี่มาทานซูชิโอมากาเสะก็ได้นะคะ ราคาค่อนข้างแรงอยู่ค่ะ ไปดูเมนูได้ที่เว็ปโรงแรมเลยค่ะ

อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ภายใน Wynn  Macau จะมีโชว์เล็กๆ ที่บุคคลทั่วไปสามารถเดินผ่านเข้ามาดูได้เลยนะคะ จะเป็นพร๊อพและแสงสีเสียงค่ะ ตอนเห็นรอบแรกก็รู้สึกว่า เห้ย ลงทุนดีอ่ะ มีทุกๆ ครึ่งชั่วโมงค่ะ

ในโรงแรม Wynn Macau จะมีบาร์ริมสระน้ำอยู่ ตัวบาร์สวย และ ค๊อกเทลดีเลยค่ะ

ได้เวลากลับโรงแรมฝั่งไทปา (ประมาณ 15 นาทีค่ะ) แอบเก็บแสงไฟอันเป็นสีสันของที่นี่มาฝากค่ะ


จบไป 1 วัน ไปตามอ่านตอนที่ 2 ซึ่งเราจะพาไปไหว้พระกันที่วัดอาม่า และ เที่ยวบ้านจีน Mandarin House พร้อมตามเก็บดาวกันต่อ คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านตอนต่อไป


อัพเดท 6 จุดถ่ายรูปชิคๆ ในมาเก๊า ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด [เที่ยวมาเก๊าด้วยตัวเอง]


หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ

error: