แพลน 3 วัน 2 คืน ใน เกียวโต รวม 15 ที่เที่ยวเมืองหลวงเก่าญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติ

เกียวโต (Kyoto) เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นกว่าหนึ่งพันปี ที่นี่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น สวนสไตล์ Zen ที่เป็นแบบแผนถูกต้อง มื้ออาหารแบบ Kaiseki ที่มีพิธีรีตรอง พิธีชงชา ยังมีวัฒนธรรมเกอิชาและไมโกะ สิ่งปลูกสร้างที่เป็นมรดกโลกอีกมากมาย และยังถูกห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ สงบ วิวสวยมากกกกก ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นเมืองใหญ่ ทุกอย่างสะดวกสบาย เราสามารถช้อปปิ้งสนุกๆ ไปคาราโอเกะ แถมยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ร้านขนมอร่อยๆ เพียบ

เกียวโต (Kyoto) จึงถือเป็นเมืองที่ให้บรรยากาศและประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และควรมาสัมผัสให้ได้ซักครั้งค่ะ


วิธีการเดินทางไปเกียวโต

สนามบินที่ใกล้เกียวโตที่สุดคือสนามบิน Kansai International Airport (KIX) ซึ่งเราเรียกติดปากกันว่า สนามบินโอซาก้า นะคะ

แต่การเดินทางมาเกียวโตก็ง่ายมากๆ ค่ะ ถ้าภายในภูมิภาคคันไซ ก็มีรถไฟเชื่อมกับเมืองต่างๆ ตลอด โดยเฉพาะกับโอซาก้า ซึ่งมีรถไฟ JR อยู่ และ มี ชินกันเซน จากโตเกียว ที่แวะจอดสถานีเกียวโตอยู่แล้ว ใช้เวลา 2 ชม.นิดๆ เท่านั้นค่ะ

ส่วนการเดินทางรอบๆ เกียวโต ส่วนใหญ่นัทใช้กูเกิ้ลแมพเปิดดูเลยว่าไปยังไงได้บ้าง มันก็จะมีโซนที่ใช้บัส แต่อย่างตรงป่าไผ่ก็นั่งรถไฟไปได้ค่ะ

สำหรับใครที่แพลนจากโอซาก้า นัทแนะนำให้ซื้อบัตร Kansai Thru Pass นะคะ เพราะถ้าคำนวณคร่าวๆ มีนั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมืองซักครั้ง แล้วไปกลับนาราหรือโอซาก้า นอกนี้ใช้ยิบย่อยในเมืองก็คุ้มแล้วค่ะ แล้วบัตรก็จะมีส่วนลดต่างๆ ด้วย ซื้อที่ Klook จะจ่ายเงินเป็นเงินไทยได้เลย ซื้อก่อนถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่น ง่ายสุดค่ะ ได้เมล์แล้วไปรับบัตรจริงที่เคาเตอร์ที่สนามบิน ทางไปซื้อ >> คลิ๊กที่นี่


ที่พักในเกียวโต

ด้วยความที่ที่เที่ยวของเกียวโตอยู่ค่อนข้างกระจายแต่ละโซน ส่วนตัวนัทเลยชอบที่พักใกล้ๆ สถานีใหญ่เกียวโต เพราะสะดวกแก่การเดินทาง แต่จะพักกลางเมืองย่าน Gion ก็สะดวกเช่นกันค่ะ

คลิ๊กที่ชื่อโรงแรมเพื่อเช็ครูปภาพ ราคาและจองได้เลยนะคะ

ที่พักราคาประหยัด (ราคาไม่เกิน 3,000.- ต่อคืน)

Piece Hostel Sanjo   ||  THE POCKET HOTEL Kyoto Shijo Karasuma   ||  Hotel M’s Plus Shijo Omiya   ||    K’s House Kyoto

โรงแรมมาตรฐาน ราคากลางๆ (ราคาไม่เกิน 6,500.- ต่อคืน)

ALA HOTEL KYOTO    ||    APA Hotel Kyoto-Eki Higashi   ||    Hotel New Hankyu Kyoto    ||    Dormy Inn Premium Kyoto Ekimae Natural Hot Spring

สุดยอดโรงแรม/เรียวกังหรูที่ควรพักซักครั้งในชีวิต

Suiran, a Luxury Collection Hotel, Kyoto   ||    The Ritz-Carlton Kyoto   ||  Garrya Nijo Castle Kyoto – Banyan Tree Group   ||  Dusit Thani Kyoto


แผนการเดินทางในเกียวโต 2-3 วัน

เกียวโต เที่ยวกี่วัน เป็นคำถามที่คำตอบแตกต่างไปในแต่ละบุคคลค่ะ ถ้ามีเวลาจำกัด อย่างน้อยก็น่าจะมี 2 วัน 2 คืน แต่จริงๆ จากเกียวโตก็ยังมีหมู่บ้านรอบๆ ที่น่าไป มีออนเซน มีเรียวกัง มีวัดเต็มไปหมดดดด ใครจะอยู่ 5-10 วัน ก็ยังได้ค่ะ ถ้ามีเวลาวันเดียว ก็น่าจะเที่ยวตามแพลนวันแรกของนัทได้เป็นหลัก แต่ถ้าไปโซนป่าไผ่ด้วย น่าจะรีบไปนิดนึงค่ะ

Day 1 : เที่ยวย่าน Higashiyama-Gion เช่าชุดกิโมโน ลองทาน Kaiseki แบบดั้งเดิม ชมศาลเจ้าและวัดดัง
– ตลาด Nishiki
– วัดน้ำใส Kiyomizudera
– ถนนคนเดิน Sannenzaka – Ninenzaka
– วัด Hokanji จุดถ่ายรูปเจดีย์สูง
– วัด Yasaka Koshindo วัดที่เต็มไปด้วยลูกบอลผ้าสีๆ
– ปิดท้ายด้วยการแวะชิมร้านอาหารมิชลินสตาร์ และ ช้อปปิ้งย่าน Gion

Day 2 : ย่าน Arashiyama เดินเที่ยวป่าไผ่ ชมวิวธรรมชาติ ล่องเรือแม่น้ำ Katsura แช่ออนเซน
– ป่าไผ่ Arashiyama
– วัด Tenryuji มรดกโลก 1 ใน 5 วัดเซนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกียวโต
– จุดชมวิว Arashiyama Observation Deck
– ทานอาหารริมน้ำ และ กินกาแฟที่ %Arabica
– สวนลิง Iwatayama
– แช่ออนเซน Fufu-no-yu
– ชม Kimono Forest
– ช้อปปิ้งสถานีเกียวโต

Day 3 : วันเก็บตก เที่ยวศาลเจ้า Fushimi Inari และ วัดทอง Kinkaku-ji
– ศาลเจ้า Fushimi Inari
– วัดทอง Kinkaku-ji


เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน!

Day 1 : ย่าน Higashiyama – Gion

นัทพักแถวสถานีเกียวโตนะคะ วันนี้เราจะไปโซนแรก ซึ่งเป็นเหมือนภาพโปสการ์ดของเกียวโตไปแล้ว นั่นก็คือโซน Higashiyama ย่านฮิกาชิยามะ เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่เหมือนเราเดินเข้าไปในเมืองเก่าของญี่ปุ่นเลยค่ะ เป็นย่านที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเมืองเกียวโต เป็นที่ตั้งของวัดดังอย่างวัดน้ำใสค่ะ

ย่านนี้ สามารถนั่งรถบัสจากสถานีเกียวโตมาได้หลายสายเลยค่ะ อย่างนัทนั่งสาย 206 มา นัทมาลงที่ป้าย Kiyomizumichi ซึ่งบริเวณถนนเส้นนี้จะมีร้านกิโมโนอยู่หลายร้านเลยค่ะ แนะนำให้จองไปก่อน เพราะบางเวลาพอเต็มแล้วทางร้านก็จะไม่รับวอล์กอินค่ะ นัทจองผ่าน Klook มีหลายร้านให้เลือก ทางไปจอง >> คลิ๊กที่นี่

พอเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็เริ่มเดินเล่น โดยเราตั้งใจมุ่งหน้าไปถ่ายรูปที่มุมถนน Sannenzaka โดยเฉพาะเลย ระหว่างทางเราก็จะเจอกับวัด Yasaka Koshindo ซึ่งแทนที่จะแขวนขอพรด้วยแผ่นไม้ ที่นี่จะใช้เป็นลูกบอลผ้ากลมๆ สีๆ สีสันสดใสมากค่ะ ซึ่งลูกบอลผ้านี่ก็หมายถึง Kukurizaru หรือลิงนำโชคนั่นเองค่ะ

เดินเลาะขึ้นมาอีกนิดนึง ให้ปักหมุดว่า วัด Hokanji นะคะ วัดนี้เป็นที่ตั้งของเจดีย์สูงห้าชั้นอย่างเจดีย์ Yasaka ซึ่งเป็นส่วนเดียวของวัดที่หลงเหลือมาจากศตวรรษที่ 6 ซึ่งถือว่าเก่าแก่มากๆ ค่ะ

นัทเดินไปตามถนนคนเดิน Sannenzaka ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่เป็นที่นิยมมากๆ ค่ะ นัทไปช่วงหิมะตกพอดี คนเลยน้อยค่ะ

จากนั้น เราก็จะเดินมาตาม Sannenzaka และ Ninenzaka ซึ่งเป็นถนนไม่ยาวและขึ้นเนินค่ะ ถนนสั้นๆ สองเส้นนี้ สำคัญตรงที่มีอาคารไม้แบบเก่าตลอดสองข้างทาง เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านของฝากเพียบเลยค่ะ แวะทานขนมน่ารักมากๆ อร่อยด้วย

ร้านนี้ขอแนะนำเลยค่ะ Itoken x Sou Sou เป็นวากาชิขนมญี่ปุ่นที่น่ารักมากกกก แล้วรสชาติดีด้วยค่ะ แต่ละชิ้นเป็นขนมต่างกันคนละรส รสบ๊วยอร่อยยยย ชอบมากๆ ค่ะ

เดินมาอีกนิดเดียว แต่ค่อนข้างจะขึ้นเนินนะคะ เราก็จะถึงวัดน้ำใส Kiyomizu Dera วัดชื่อดังประจำเกียวโต ค่ะ ที่เรียกติดปากว่าวัดน้ำใส ก็เพราะชื่อภาษาญี่ปุ่นแปลตรงตัวว่า น้ำบริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึงน้ำที่เกิดขึ้นเองจากน้ำตกโอโตวะมาไหลผ่านตัววัดค่ะ

ทุกวันนี้ ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮิตมากๆ ค่ะ สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของวัดก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่มีการใช้ตะปูเลย

พวกนัทเดินกลับมาทะลุทาง Ninenzaka ต่อไปเพื่อจะไปวัด Kodaiji ค่ะ ระหว่างทางก็จะผ่าน Ryozen Kannon

วัด Kodaiji เป็นอีกวัด Zen ที่ทำให้รู้สึกสงบจิตสงบใจเลยค่ะ ด้วยความที่วัดแห่งนี้ ถูกสร้างโดย Nene ภรรยาของ Toyotomi Hideyoshi (ซามูไรผู้รวมชาติญี่ปุ่น) เลยมีรูปปั้นตั้งอยู่ให้คนได้มาขอพรเรื่องความรักค่ะ

พวกวัดจะปิดกันช่วง 17.00 น. นะคะ พอเที่ยวแถวนี้เสร็จ ก็เอาชุดกิโมโนไปคืนค่ะ

มาถึงเกียวโตแล้ว ไม่ควรพลาด Kaiseki ซักมื้อค่ะ Kaiseki คือคอร์สอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่มีความปรานีต และ จะมีตั้งแต่ของทานเล่น ซาชิมิ ของนึ่ง ของย่าง ของทอด ข้าว ซุป และ ของดอง

ซึ่งวันนี้นัทมาทานที่ Gion Nishikawa ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาวและเหรียญ Bronze จาก Tabelog เว็ปที่คนญี่ปุ่นใช้รีวิวร้านอาหารมาถึง 7 ปีต่อเนื่องค่ะ วัตถุดิบที่นี่ถือว่าเรียบง่ายแต่รสชาติล้ำลึกมากๆ วัตถุดิบให้ความรู้สึกว่ามาถึง ภูมิภาค Kinki (คันไซ) ในช่วงฤดูหนาวจริงๆ อย่างซุป Ebi-imo คือกลมกล่อมแบบมีความหวานจากมันที่เนื้อเนียนมาก เป็นมันที่นัทไม่ค่อยมีโอกาสได้ทาน

ยิงช่วงนี้นัทอินกับ วัฒนธรรม Foraging วันนี้ก็ได้ทาน Taranome, Fuki no To, Kogomi ทอดเป็นเทมปุระมาในกอง Yukishio มีความสด ขมนิดๆ แต่อาฟเตอร์เทสท์หวาน ชอบมากค่ะ ปลา Buri นี่ก็ไม่ต้องพูดเยอะมาก เป็นปลาฤดูหนาว และเรามาตอนฤดูหนาว เชฟเอามา Warayaki (ย่างฟาง) เสิร์ฟแบบพูนๆ ก็คือฟินมากค่ะ

Shirako ซอสปู turnip คือหนึ่งในชิราโกะที่รสชาติดีสุดที่ทานมาเลยค่ะ

จากนั้นก็เดินทะลุมาย่าน Gion ค่ะ เป็นคนละฟีลกับย่าน Higashiyama เลย ย่านนี้คือคึกคัก แถวนี้ก็จะมีร้านค้า ห้างอยู่ครบเลยค่ะ ร้านชื่อคุ้นหู เสื้อผ้าไฮสตรีท ยูนิโคล่ จียู หรือ พวกดองกี้, ไดโสะ ร้านอาหารเชน ซูชิโระ ยามะจัง ฯลฯ คือแถวนี้มีครบค่า ใครที่เล็งจะซื้ออะไรจากญี่ปุ่น ก็มาซื้อแถวนี้ได้ค่ะ

ในย่าน Gion จะเป็นที่ตั้งของตลาด Nishiki ซึ่งเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยของกินค่ะ แนะนำให้มาช่วงเช้าร้านจะเปิดเยอะกว่านี้ค่ะ โดนัทชื่อดังอย่าง Koe Donuts ก็อยู่แถวนี้ค่ะ

จบวันแรก จาก Gion กลับ สถานีเกียวโต มีรถไฟอยู่ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้เปิดกูเกิ้ลแมพ ก็จะได้วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดค่า


Day 2 : Arashiyama

วันแรกไปทางตะวันออกของเมืองแล้ว วันที่สองเราจะไปทานชานเมืองฝั่งตะวันตกกันบ้างค่ะ ย่าน Arashiyama เป็นย่านท่องเที่ยวที่มีฉากหลังเป็นทิวเขา มีแม่น้ำ Katsura ไหลผ่าน เป็นที่อยู่ของป่าไผ่ สวนเซนสวยๆ ออนเซนหลายแห่ง เป็นย่านที่ชิลล์มากๆ ค่ะ

วันนี้ นั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตเช่นเคย นัทลงสถานี Saga-Arashiyama นะคะ เดินออกจากสถานี ก็กดปักหมุดไป Arashiyama Bamboo Forest แล้วเดินตามไปเลยค่ะ ต้องเดินประมาณ 15 นาทีค่ะ

ก่อนจะถึงป่าไผ่ จะมีวัดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ ชื่อว่า วัด Tenryuji เป็นวัดแบบเซนที่ใหญ่ที่สุดในย่าน Arashiyama  ที่นี่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก และ 1 ใน 5 วัดเซนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกียวโต (Kyoto Gozen) ภายในมีสวนที่ให้ความรู้สึกสงบอย่างไม่น่าเชื่อ มีสวน Garden of Hundred Flowers มีน้ำตก มี Sogenchi Pond Garden สวนเซนที่สวยมากๆ เลยค่ะ คือมานั่งเงียบๆ ทำสมาธิได้จริงๆ

เดินกลับออกมาปุ๊ป ก็เข้าสู่ป่าไผ่เลย ซึ่งนัทเดินทะลุไปจนสุดเลยค่ะ

พอเดินสุดป่าไผ่ จะเลี้ยวซ้ายค่ะ จะมีป้ายเขียนว่าไป Arashiyama Observation Deck ซึ่งเดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ขึ้นเนินหน่อยนะคะ แต่วิวสวยและสงบมากๆ ค่ะ หลังจากนั้น ก็เดินเลาะๆ ลงมาทางริมน้ำค่ะ ตรงนี้จะเป็นพวกจุดขึ้นเรือ ซึ่งพวกนัทเริ่มหิว เลยหาอะไรทานแถวนี้

มาเจอร้านนี้ Kameyamaya เป็นอาหารจานๆ พวกข้าวด้ง โอเด้ง โซบะ ปลาย่าง รสชาติดีใช้ได้เลยค่ะ บรรยากาศดีมากๆ นัทชอบมากเพราะข้างในอุ่นๆ แล้วมองออกไปเป็นหิมะขาวโพลนเลย

เพราะหิมะตกเลยไม่ได้ล่องเรือค่ะ พวกนัทเดินเล่นริมแม่น้ำมาเรื่อยๆ ระหว่างทางจะเจอ %Arabica ร้านกาแฟชื่อดัง ซึ่งสาขานี้ฮิตมากกก แล้วก็ไม่มีที่นั่งนะคะ โต๊ะด้านในเป็นเหมือน private room ต้องเสียค่าบริการ แต่ร้านนี้คือ มองมาจากข้างในวิวดีมากกกก

ข้ามสะพานหน้า %Arabica มา จุดถัดไปที่เราไปกันคือ Arashiyama Monkey Park Iwatayama ซึ่งเราต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 15-20 นาที แบบเดินขึ้นจริงจัง หอบอยู่ ขึ้นไปดูลิง และ ให้อาหารลิงค่ะ ไม่แน่ใจว่านักท่องเที่ยวไทยจะอินกันมั้ยนะคะ แต่ด้วยความที่นัทไปกับเพื่อนสนิทจากทางยุโรป และนางก็อินกับอะไรแบบนี้เหลือเกิน อย่างไรก็ตาม วิวเมืองสวยมากๆ นะคะ

หันกลับไป ชีไปให้อาหารลิง ลั๊นลาเว่อ

ลิงเต็มไปหมดเลยค่ะ แต่ลิงที่นี่ถือว่ามีมารยาทค่อนข้างโอเคเลย ไม่เข้ามาใกล้ๆ หรือแย่งของ เพราะว่าถ้าจะให้อาหารต้องไปอยู่ในกรงรูปเมื่อกี้ เค้าก็จะแบมือขอ ถือว่าจัดการโอเคเลยค่ะ

นัทเดินลงมา แล้วไปอีกนิดเดียวก็ไปแช่ออนเซนกันค่ะ ไม่ได้ถ่ายภาพมา แต่เป็นออนเซนที่มีโซน indoor-outdoor สวยเลย มีหลายบ่อ ชื่อ Fufu-no-yu มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ สบายตัวมากๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ราคาแค่สองถึงสามร้อยบาทเท่านั้น ทางไปจอง > คลิ๊กที่นี่

ที่เกียวโต หิมะไม่ค่อยตกหนัก ซึ่งตอนที่นัทไปน่าจะตกหนักสุดในรอบสิบปี คนปั้นสโนว์แมนเต็มเลยค่ะ น่ารักมากๆ

หลังจากแช่ออนเซนเสร็จ นัทก็เริ่มเดินกลับค่ะ โดยตั้งใจไปผ่าน Kimono Forest ซึ่งบรรยากาศสวยมากกกก เค้าจะเอาลายกิโมโนมาทำเป็นแท่งๆ ตรงนี้เป็นสถานีรถราง Arashiyama จะนั่งสายนี้กลับเข้าเมืองก็ได้ แต่มันต้องเปลี่ยนหลายต่อ นัทเลยเดินกลับไปสถานี Saga-Arashiyama นั่งตรงกลับสถานีเกียวโตค่ะ

ที่สถานีเกียวโตจะมีห้างอยู่รอบๆ ค่ะ ทางเข้าออกจะงงๆ นิดนึง ส่วนนัทมาที่ Isetan จะมีตรอกราเมงอยู่ชั้นบนที่เราไปแวะกิน แล้วก็มีซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่าง ของกินเพียบค่ะ


Day 3 วันเก็บตก

วันสุดท้ายเก็บตกค่ะ ด้วยความที่นัทไปช่วงฤดูหนาว ช่วงที่มีแสงอาทิตย์จะค่อนข้างสั้น พระอาทิตย์ตกเร็วมากๆ ทำให้อาจจะเที่ยวได้ไม่ครบในแต่ละวัน วันสุดท้ายเลยกลับมาเก็บค่ะ สองสถานที่นี้ อยู่คนละโซนคนละทิศเลย แต่ทั้งสองที่เดินทางง่ายจากสถานีเกียวโต เลยง่ายมากๆ ค่ะ

เริ่มจาก Fushimi Inari ที่นั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตแค่ 2 ป้าย แป้ปเดียวถึง

Fushimi Inari คือศาลเจ้าที่มีเสาโทริอิสีแดงเป็นทิวแถวนับพันเลยค่ะ โดยเป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้เทพ Inari เทพแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีสัตว์ประจำตัวเป็นจิ้งจอก เราจึงเห็นรูปจิ้งจอกอยู่ทั่วศาลเลยค่ะ

ศาลเจ้าแห่งนี้นั้น อยู่ตรงตีนเขา ใกล้ป่า ทำให้มีความร่มรื่นและผ่อนคลายมากๆ ค่ะ ตัวประตูเสาโทริอิสีแดง จะเรียกต่อกันไปเรื่อยๆ เป็นทางเดิน ซึ่งสามารถขึ้นไปถึงจุดชมวิวบนเขาได้เลยนะคะ

แม้แต่ป้ายขอพรยังเป็นจิ้งจอกเลย น่ารักมากๆ

ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะเจอศาลย่อยๆ เยอะมากเลยค่ะ

หลังจากนั้นก็กลับมาที่สถานีเกียวโต แล้วนั่งรถไปจุดสุดท้ายที่ตั้งใจมามากๆ สำหรับเกียวโต นั่นก็คือ วัดทอง Kinkaku-ji ของจริงสวยมากๆ เลยค่ะ สวยกว่าที่เคยเห็นในรูป สำหรับการชมบริเวณวัด เค้าจะกำหนดเส้นทางเดินเป็นทางเดียว ค่อนข้างเป็นระเบียบ และชมวัดได้ง่ายมากเลยค่ะ

ศาลาสีทองแห่งนี้ ตั้งอยู่บนอ่างน้ำและสวนที่จัดแบบเซน มีความธรรมชาติและเงียบสงบมากๆ ส่วนภายในบริเวณวัด ก็ยังมีอีกหลายศาลา และ มีศาลเจ้า ตรงที่สามารถไหว้ขอพร และเสี่ยงเซียมซีได้เช่นกันค่ะ

จากนั้นพวกเราก็กลับกันมาที่สถานีเกียวโต และนั่งรถไฟกลับโอซาก้า เพื่อเที่ยวคันไซกันต่อไปค่ะ!!


อ่านรีวิวที่เที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคคันไซ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: