Hengfu Historical Area – ย่านแฮงก์เอาท์ที่ฮิปที่สุดใน เซี่ยงไฮ้ [Former French Concession Area Guide]
เชื่อว่าภาพจำของ “เซี่ยงไฮ้” สำหรับใครหลายคน คือ ตึกสูงระฟ้า เมืองที่คึกคัก และเต็มไปด้วยผู้คน แต่วันนี้ เราขอพามาย่านที่อาจจะไม่ได้ติดอันดับแรกในไกด์บุ๊คของนักท่องเที่ยว แต่เป็นย่านคุณจะได้เห็นหนุ่มสาวชาว Shanghainese แฮงก์เอาท์กัน เป็นย่านที่เดินสนุก ไม่แออัด รู้สึกทุกอย่างมันชิคไปหมดเลยค่ะ
จริงๆ แล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ย่านนี้มักจะถูกเรียกว่า ย่าน Former French Concession หรือแปลว่า เขตสัมปทานเก่าของฝรั่งเศส เป็นเขตที่ให้ชาวตะวันตกเข้ามาเช่า เป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นหลังแพ้สงครามฝิ่น แต่ด้วยความที่ประวัติศาสตร์ช่วงนั้นทำให้จีนดูค่อนข้างอ่อนแอ ทางการจีนเลยรณรงค์ไม่ให้ใช้คำนี้ในการเรียกย่านนี้ค่ะ บางคนก็จะเรียกเป็นชื่อถนนแทน แล้วก็จะมีคำที่พยายามตั้งขึ้นมาเรียก เช่น ย่านที่นัทจะพาไป เป็นบริเวณ Hengfu Historical Area เพราะอยู่แถวถนน Hengshan และ Fuxing ค่ะ
ที่ต้องอธิบายไว้ก่อน เพราะเวลาไปเสิร์ชหาข้อมูลภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ก็ยังจะเจอคำนี้อยู่ค่ะ
ลักษณะเด่นของย่านนี้ คือเหล่าอาคารที่มีกลิ่นอายยุโรปตามชาวตะวันตกที่มาเช่าและอาศัยอยู่ มีการใช้อิฐหรือหิน ถูกสร้างช่วงปี 1920s-1930s มีทั้งสไตล์คลาสสิก และ Art Deco และแถวนี้ ยังเป็นย่านที่มีแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Shikumen ที่เป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้อีกด้วยค่ะ
ในปัจจุบัน ย่านนี้เต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า และ คาเฟ่ ซึ่งร้านค้านี่ต้องบอกว่า ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ๆ นะคะ คือเต็มไปด้วยร้านอิสระ มัลติแบรนด์บ้าง ของท้องถิ่นบ้าง ซี่งมีตั้งแต่ร้านเทียนหอม แผ่นเสียง ไวน์บาร์ ของแต่งบ้าน อาร์ตแกลเลอรี่ ร้านเสื้อผ้าดีไซเนอร์ท้องถิ่น เดินสนุกมากค่ะ
Former French Concession Area เป็นบริเวณที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ ส่วนใหญ่อยู่ในเขต Xuhui แต่บางส่วนก็อยู่ขอบๆ เขต Huangpu และ Jing’an
ถ้าใครอ่านประวัติเซี่ยงไฮ้ จะบอกว่า เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองท่าเล็กๆ ประชากรหลักแสน มาก่อน จนเรื่องสงครามฝิ่นประมาณปี 1842 ที่ทำให้เกิดสนธิสัญญาหนานจิง ซึ่งทำให้มหาอำนาจฝั่งตะวันตกมาสัมปทานและก่อตั้งบริษัทต่างๆ ของตัวเอง โดยไม่อยู่ใต้กฎหมายจีน ซึ่งทำให้เซี่ยงไฮ้ขยายเร็วมาก จีนต้องผ่านยุคปฏิวัติ แล้วก็มาถึงยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ในช่วง 1920 – 1930 ซึ่งตอนนั้นประชากรจากหลักแสนเพิ่มมาเป็นสองล้าน …และในทุกวันนี้ เซี่ยงไฮ้มีประชากรถึงเกือบสามสิบล้านคนแล้วค่ะ
ในยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หรือ คศ. 1920-1930 จะมีสถาปัตยกรรมแบบ Shikumen ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ เริ่มขึ้นมา เป็นการสร้างทาวน์เฮ้าส์ติดๆ กันแล้วเรียงเป็นตรอกโดยมักจะมีซุ้มประตูหินหรืออิฐ และตัวบ้านจะหน้าแคบแล้วสูงขึ้นไป 4-5 ชั้น
หนึ่งใน Lane หรือ ตรอก ที่ยังสมบูรณ์มากคือ Jian Ye Li ซึ่งตอนนี้โรงแรม Capella Shanghai เค้านำมาพัฒนาเป็นรีสอร์ทใจกลางเมืองที่บรรยากาศดีมาก และทำให้นัทได้เรียนรู้เรื่องราวของเมืองเซี่ยงไฮ้ ผ่านอาคารที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจริงๆ
การพักที่ Capella Shanghai นั้น ค่อนข้างพิเศษ และไม่เหมือนอยู่โรงแรมเลยค่ะ ทั้งรีสอร์ทเป็นวิลล่าทั้งหมด 55 วิลล่า ซึ่งนำอาคาร Shikumen มาดัดแปลง ทำให้ในแต่ละวิลล่าจะมีห้องต่างๆ อยู่คนละชั้นค่ะ เครือโรงแรมนี้เป็นเครือเดียวกับคาเพลลาที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย บริการดีมากกก และที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเที่ยวรอบๆ ย่านนี้ที่ดีเลยค่ะ
ออกมาด้านหน้าโรงแรมก็เริ่มมีร้านค้าเก๋ๆ อยู่เยอะมาก ส่วนนัทขอแวะซื้อกาแฟ แบรนด์ที่เราทานประจำอย่าง %Arabica ก่อน
อีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดคือ ร้านอาหาร Le Comptoir de Pierre Gagnaire มิชลินสตาร์ 1 ดาวค่ะ อยู่ในอาคารด้านหน้าโรงแรมเลย
เป็นร้านภายในชื่อเชฟระดับตำนานของฝรั่งเศสอย่าง Pierre Gagnaire แต่จะมีความ casual กว่าร้านหลัก หลายๆ จานรสชาติคอมฟอร์ต แต่ยังมีคอมบิเนชั่นที่เดาไม่ได้ตามสไตล์ Gagnaire มีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเยอะ จานที่นัทชอบมากคือ Cocotte of frog Poulette, Beef Tartare, Morel Tagliatelle ใครสายเก็บดาวมิชลิน ควรมาค่ะ
จากนั้นนัทเดินเล่นมาเรื่อยๆ โดยมีจุดหมายถือ Wukang Mansion ซึ่งจากตรงนี้สามารถนั่งแท็กซี่ข้ามไปเลย หรือ ปั่นจักรยานไปได้นะคะ แต่นัทชอบเดิน เพราะอยู่กทม. ไม่ค่อยได้เดิน วันนี้อากาศเย็น เลยเดินหน่อย
ระหว่างทางบรรยากาศก็จะประมาณค่ะ นัทเดินผ่านมาทางถนน Anting, Gaoan และเข้าถนน Huaihai ซึ่งเป็นถนนการค้าที่ยาวมากค่ะ
มาถึงตรงที่ตั้งใจมาแล้ว ที่นี่คือ Wukang Mansion สร้างเสร็จในปี 1924 และเป็นหนึ่งในอาคารที่ทางการอนุรักษ์ไว้ค่ะ อดีตเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ชาวต่างชาติที่มาทำงานเคยอาศัยอยู่ แล้วก็ถูกเศรษฐีจีนซื้อ ทำให้กลายเป็นที่พักที่ฮิตในหมู่เซเลบริตี้ชาวเซี่ยงไฮ้ค่ะ
อาคารจะตั้งอยู่บนห้าแยกเลย มีความคล้าย Flatiron ที่นิวยอร์ก คนมาถ่ายรูปเยอะ
ข้างๆ Wukang Mansion จะเป็น Wukang Road ซึ่งถนนนี้เดินสะดวกและมีร้านน่านั่งตลอดทาง
แนะนำให้แวะที่ Ferguson Lane นะคะ เป็นเหมือนคอมมิวนิตี้มอลล์ แต่เป็นแนวตรอกเข้าไป มีแกลเลอรี่ ของแต่งบ้าน ร้านสวยๆ คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านไวน์ ฯลฯ
จากนั้น นัทก็เดินบน Wukang Road มาเรื่อยๆ เจอกับคาเฟ่ ชื่อ Plusone ค่ะ ร้านนี้แรนดอมมา เพราะเห็นเค้าปลูกไฮเดรนเยียในร้านสวยมากกก ร้านน่ารักสุดๆ แล้วเครื่องดื่มอร่อยเฉย แบบอร่อยมากๆ แฮปปี้มากค่ะ แนะนำ
อีกถนนที่ฮิตคือ Anfu Street ค่ะ ปลาย Anfu Street จะเป็นที่อยู่ของ Shanghai Propoganda Poster Art Centre ซึ่งเป็นอีกมิวเซียมน่าดูค่ะ
ส่วนนัทมาดู exhibition ที่ร้านของหอม โลชั่น เทียนหอม ชื่อ to summer ของสวยดีค่ะ
เย็นวันนี้ก็ทานอาหารแถวนี้ค่ะ ชื่อ Bistro 321 Villa Le Bec เป็นวิลล่าฝรั่งเศสเก่าแก่จากปี 1924 เช่นกัน ภายในอบอุ่นและมีหลายมุมมากๆ มีสวนด้านนอกด้วยนะคะ วันอากาศเย็นๆ แนะนำมาก
ร้านนี้อาหารจานใหญ่มากกกกค่ะ เป็นอาหารฝรั่งเศสที่คอมฟอร์ตและให้เยอะ นัทชอบมากเลย อย่างจานมอเรลนั่น เห็ดมอเรลไซส์ใหญ่มาเลยค่ะ ประทับใจ
ขอย้อนกลับมาที่ Huaihai Road ที่บอกว่าเป็นถนนยาวมากกก และตอนนี้เราอยู่ที่เมโทร Shaanxi Road ค่ะ ตรงนี้คือย่านช้อปปิ้งแบรนด์เนมแบบคึกคักๆ เลย
แต่เดินไปนิดนึงไปทางถนน Changle เราก็จะเริ่มเห็นถนนที่เป็นต้นไม้โน้มหากันค่ะ อย่างต้นไม้ที่โน้มหากันตรงนี้ ก็มีบนถนนหลายเส้นเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านที่เคยให้ต่างชาติเช่า
มีคาเฟ่/บาร์ซึ่งดังเรื่องเครป บรันช์ และ Natural Wine ชื่อ RAC วันที่นัทไป ด้านบนคนแน่นมาก เลยได้ลองแค่กาแฟค่ะ
จากสถานี Shaanxi Road เดินย้อนขึ้นมานิดนึง ก็จะเจออีกหนึ่งอาคารเด่น Cathay Theatre สร้างในปี 1932 ค่ะ ตรงนี้คนก็มาถ่ายรูปกันเยอะ ส่วนรอบๆ ก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้าน Uniqlo เลย
หวังว่าทุกคนจะชอบย่านนี้ในเซี่ยงไฮ้นะคะ เป็นอีกมุมที่นัทชอบมาพักผ่อนและชอบมากๆ ไม่เหมือนย่านอื่นในเซี่ยงไฮ้ สามารถไปอ่านรีวิวอื่นๆ ในเซี่ยงไฮ้ได้นะคะ
อ่านต่อ >>
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com