[เที่ยว ซาอุดิอาระเบีย ด้วยตัวเอง Ep.4] วันที่สองใน Al Ula แคมปิ้งในทะเลทรายวิวดาวอังคาร หินช้าง และ ย่านศิลปะ

การเที่ยว Al Ula ประเทศซาอุดิอาระเบียของเราในครั้งนี้ ครึ่งหนึ่งคือการไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยว อีกครึ่งหนึ่งคือการมาพักผ่อนในแคมป์หรูกลางทะเล ที่มีวิวสวยทรงพลังมากๆ ค่ะ ปกติไปทะเลทรายที่อื่น อาจจะต้องไปทัวร์รถจี๊ปท่องไปตามหุบเขา แต่ที่นี่ หุบเขาคือสวนหลังบ้านของเราเลย
ย้อนความเดิมตอนที่แล้ว นัทเที่ยว Al Ula วันแรก พาไป Hegra โบราณสถานอารยธรรมสองพันปี, ไป Al Ula Old Town ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารและคาเฟ่, ไป Maraya อาคารกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอลังการมากๆ ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้ว คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
ตอนนี้ เราจะพาทัวร์รีสอร์ทไปซะครึ่งวัน ก่อนที่จะไปเที่ยวในย่าน Art District, ไปชมหินรูปช้าง แล้วไปจบที่ร้านอาหารพร้อมจุดชมวิวที่จะทำให้เราเห็น Al Ula ทั้งเมืองเลยค่ะ
Habitas Al Ula
คืนที่สองที่อยู่ Al Ula นี้ นัทใช้เวลาช่วงเช้าอยู่ที่รีสอร์ทตลอดเลย
นัทขอนิยามการมาพักผ่อนที่นี่ว่า เป็นความรู้สึกผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ สงบ ได้อยู่กับตัวเอง สัมผัสอากาศเย็นๆ แต่มีความเป็นเอกลักษณ์และพิเศษมากๆ เพราะปกติ เราไปพักวิลลาทีไร ก็มักจะเป็นทะเล ภูเขา หรือ ป่าสนหิมะ บรรยากาศรอบตัวของที่นี่ จึงเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อย และแม้ว่า แว้ปแรกเราอาจจะรู้สึกว่า มันไม่ใช่พื้นที่สีเขียวหรือน้ำสีฟ้าเหมือนที่อื่น แต่ตอนมาเดินอยู่ในรีสอร์ทจริงๆ นัทไม่ใช้รถบั๊กกี้เลยนะคะ รู้สึกว่าทุกอย่างมันนิ่งและทรงพลังมากเลยค่ะ
ที่สำคัญ ถ้าพูดถึงรีสอร์ทวิวแบบนี้ที่นัทรู้จักนะ นัทว่าที่นี่มาง่ายที่สุดในโลกแล้ว ก็คือบินตรงมา 8 ชั่วโมง บินต่ออีก 1 ชั่วโมง ขับรถทางเลียบๆ ไม่ถึงชั่วโมง ถึงหน้ารีสอร์ทเลย
อาหารเช้า รวมถึงช่วงเที่ยงและเย็น จะให้บริการที่ห้องอาหาร All-day dining ที่ชื่อว่า Tama ค่ะ อาหารเช้าดีมาก เป็นให้เลือกสั่งจากเมนูนะคะ ไม่มีให้ตักเลยแต่อยากได้อะไรขอได้ทุกอย่าง และทุกจานคือคุณภาพดีมาก แต่ละเมนู คือพิถีพิถันมากๆ มีให้เลือกทั้งเมนูท้องถิ่นและเมนูซิกเนเจอร์ ไม่เหมือนทานอาหารเช้าที่อื่น เป็นการทานอาหารเช้าที่สนุกมากค่ะ เหมือนไปร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ทำอาหารอร่อย แล้วสั่งไม่หยุดเลย แพนเค้กอร่อยมากๆ ค่ะ
ส่วนห้องของเราจะเป็น เต็นท์แบบนี้ค่ะ มีความเป็นเต็นท์แต่ด้านในก็มีโครงสร้างเป็นสัดส่วน เลย์เอาท์ดี สะอาด
มุมไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้สระว่ายน้ำค่ะ แบบสวยมากกก ตายไปเลย ถ่ายรูปยังไงก็สวย ตาเปล่ายิ่งรู้สึกมันอลังการ คือมันเป็นผาหินรอบจริงๆ นะคะ แล้วมันสลับซับซ้อนไปหมดเลย ธรรมชาติมันเจ๋งมากๆ
นอกจาก สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่รีสอร์ทหรูต้องมีแล้ว Habitas ยังเชื่อในองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ศิลปะวัฒนธรรม การผจญภัย การเรียนรู้ การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจแบบ Wellness ซึ่งโปรแกรมของรีสอร์ท มีอะไรให้เราทำตลอดเวลาจริงๆ ค่ะ เค้ามี Art Installation อยู่ทั่วรีสอร์ทเลย
ด้านล่างซ้ายนี่เป็น แทรมโพลีน ที่กระโดดดึ๋งๆ จะซ่อนอยู่ในหุบเขาหน่อยๆ ต้องเดินฝ่าไปนิดๆ ได้บรรยากาศผจญภัยมากค่ะ ทางรีสอร์ทมีจักรยานไฟฟ้าให้ยืมด้วย แต่เรียกรถบั๊กกี้ได้ บริการเร็วมาก ส่วนนัทเน้นเดินเลย
ได้มาทำ Sound Bath ด้วยค่ะ ตกอยู่ในภวังค์ไปเลย
มาทริปนี้ แม้อากาศจะเย็น แต่แดดแรงมากนะคะ อาจจะยืนผิวไหม้ในอุณหภูมิ 8 องศาได้ ด้วยความที่แดดแรงมาก นัทเลยเอากันแดดที่ใช้ประจำเวลาไปดำน้ำมาค่ะ ตัวนี้เป็น Physical Sunscreen ซึ่ง ปกติ กันแดดมักจะเป็นแบบ Physical หรือ Chemical sunscreen ใช่มั้ยคะ แล้วนัทเป็นคนแพ้ครีมกันแดดแบบทาแล้วหน้าเป็นผดบ่อยมาก จนไปศึกษาแล้วพบว่า ผิวตัวเองเหมาะกับส่วนผสมในครีมกันแดดแบบ Physical มากกว่าส่วนผสมในครีมกันแดดแบบ Chemical.. ซึ่งทั้งสองก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่กันแดด Physical นั้น เนื่องจากเป็นการเคลือบป้องกันผิว ทำให้บางครั้งก็วอก หรือ เกลี่ยยาก
จนนัทมาเจอกันแดดตัวนี้ ของแบรนด์ไทย ชื่อ Kaani ซึ่งเป็นกันแดดที่ทำโดยนักดำน้ำและดังในหมู่นักดำน้ำมาก่อน ทนน้ำสุดๆ เป็น Physical Sunscreen ที่มีบำรุง ไม่เหนียว ไม่วอก เกลี่ยง่าย กันน้ำกันเหงื่อ มาเที่ยวที่แดดแรงแบบนี้ คือเอาอยู่มากๆ ไม่แพ้เพราะไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ ซิลิโคน พาราเบน ซึ่งหามานานมากแล้วค่ะ
Desert Safari & Moon Shell Cafe
ตอนก่อนมา Al Ula นัทกะว่าจะไปทัวร์โฟร์วีลลุยทะเลทราย กำลังกะว่าจะหาจอง แต่พอได้มาพักที่นี่แล้ว กลายเป็นว่า เดินเทรลเล็กๆ รอบโรงแรม ก็มีมุมสวยเยอะมากแล้วค่ะ แถมยังกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง มาถ่ายเพิ่มได้ด้วย สนุกเลย
นี่ยังอยู่ภายในรีสอร์ทนะคะ ยกเว้นรูปมุมขวาบน ถ่ายมาจากข้างทางค่ะ
อีกจุดที่เก๋มากและพลาดไม่ได้ (นัทเข้าใจว่าไม่พัก ก็เข้ามาทานได้นะ) ก็คือ คาเฟ่ Moon Shell เป็นคาเฟ่เสิร์ฟขนม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ฯลฯ เนี่ยแหล่ะค่ะ แต่ตัวคาเฟ่คือเจ๋งมาก จะเป็นโครงสร้างขึ้นมาแต่โล่งตรงกลางค่ะ มุมนี้ก็ห้ามพลาดค่า
สำหรับใครที่จะจอง Habitas แล้วเต็ม อาจจะต้องดูรีสอร์ทข้างๆ นะคะ
ทางไปจอง >> Habitas AlUla นัทจองผ่าน booking เพราะเช็คมาแล้วว่าถูกกว่าในเว็ปหลักค่ะ คลิ๊กลิงค์นี้ได้เลย
Banyan Tree AlUla รีสอร์ทหรูเครือบันยันทรีที่หลายคนคุ้นเคย ความปังคือ เค้าเอาห้องอาหาร Saffron ไปเปิดด้วย แม่ครัวคนไทยเลยค่ะ
ทางไปจอง >> Banyan Tree AlUla
Ashar Tented Resort อีกหนึ่งเต็นท์หรูที่อยู่ติดบันยันทรีเลยค่ะ ห้องจะมีกลิ่นอายชาวเบดูอินท้องถิ่นมากขึ้น ดูโตกว่า Habitas หน่อย Habitas จะแนวลูกเล่นเยอะๆ แต่ข้อเสียคือไม่มีสระว่ายน้ำค่ะ
ทางไปจอง >> Ashar Tented Resort
จากนั้นเราก็เช็คเอาท์ประมาณบ่าย ขับรถกลับมาในเมือง Al Ula กันค่ะ
Al Jadidah Art District
ย่านนี้อยู่ติดกับถนนช้อปปิ้ง Al Ula Old Town ที่ไปมาเมื่อวานเลยค่ะ แต่อยู่เลยมานิดนึง ตรงนี้อาคารก็จะเป็นอาคารใหม่หน่อย ของกินเยอะมากกก Art Exhibition เวียนมาเรื่อยๆ มีอาร์ตเวิร์กช้อป ให้เราไปลงทะเบียนทำได้ด้วยนะคะ
ถ้าเดินๆ ไป มุมนั้นมุมนี้ จะมีงานดีไซน์อยู่ตลอด พวกร้านบนถนนหลัก ถ้าไม่ใช่ของกิน ก็จะขายงานดีไซเนอร์ท้องถิ่นที่น่าซื้อมากๆ
ส่วนคาเฟ่แถวนี้ ไปมา 3 ที่ค่ะ
Find your ppl คาเฟ่เล็กๆ ข้างในเก๋ ข้างนอกมีระเบียงนั่ง ขายแซนวิชกับน้ำผลไม้อร่อย
Starbucks เมนูปกติที่คุ้นเคย แต่โลเคชั่นเก๋สุดดดด ดิบมาก เป็นสตาร์บัคส์แบบที่เราไม่เคยเห็นที่อื่นแน่นอน แล้วปิดดึกจนงง
Coyard Coffee กาแฟสเปเชียลตี้จริงจัง ร้านนี้กับ Wacafe ที่ไปมาเมื่อวาน มาตรฐานดีทั้งคู่ แต่ที่นี่วันที่ไปดริปดีกว่าหน่อยค่ะ
อีกอย่างที่ขอชม ห้องน้ำสาธารณะสะอาดมากค่ะ ประทับใจ มีสายฉีดทั้งประเทศ
Elephant Rock
ในภาษาท้องถิ่นเรียกว่า Jabal Al Fil หรือ หินช้างค่ะ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมือง คือวิวหินที่เราเห็นมาตลอดเมือง ก็คือหินที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะมานานนับล้านปีตามธรรมชาติ และบางที่ก็แล้วแต่จินตนาการของเราเลย เช่นที่นี่ เค้าว่ากันว่าเหมือนรูปช้าง
หลายคนเห็นภาพอาจจะคิดว่าที่นี่เข้ามาเข้าชมและถ่ายรูปได้เลยใช่มั้ยค่ะ แต่ที่นี่จะถูกล้อมรั้วไว้ ต้องเข้ามาตามเวลาปิดเปิดเท่านั้น นั่นคือ 4 โมงเย็นเป็นต้นไปค่ะ มีที่จอดรถ และ ทางเดินที่สะดวก
ภายในจะมีร้านกาแฟ และ ร้านเบอร์เกอร์ ที่ชื่อ Salt อยู่ สามารถมานั่งแฮงค์เอาท์ ทานอาหาร และ ชมวิวได้เลย
อ้อ ไม่มีค่าเข้านะคะ
Harrat View Point
จุดนี้ ต้องขับรถขึ้นมาค่อนข้างชันเลยค่ะ แต่ทางดีค่ะ ช่วงที่ชันน่าจะประมาณ 10 นาที รถนัทเป็นรถเกียร์ออโต้ธรรมดาก็ขึ้นมาได้ ขึ้นไปข้างบน จะเป็นภูเขาเลียบๆ แนวภูเขาโต๊ะ
จุดชมวิวตรงนี้ เราจะเห็นเมือง Al Ula ทั้งเมืองเก่าเมืองใหม่ หุบเขายาวสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ นัทก็มาทานอาหารเย็นกันที่นี่ค่ะ
ด้านบนนี้ มีที่นั่งให้นั่งชมวิว ไม่เสียค่าบริการนะคะ ทาง Al Ula เค้าทำ facilities เพื่อการท่องเที่ยวมาดีจริงๆ
ด้านบนนี้ จะมีร้านชื่อ Okto เป็นร้านอาหารชื่อดังจากกรีซ พาสต้า กับ กีโรส อร่อย อาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน นั่งทานไป ชมวิวไป สวยงามมากๆ และก็หนาวมากด้วยค่ะ
เราอยู่ชมพระอาทิตย์ตก จากนั้น เราก็เดินทางมาสนามบินค่ะ เที่ยวบินสามทุ่มยี่สิบ มาถึงก่อนสองทุ่มกำลังดี มีปั๊มน้ำมันให้เติมก่อนถึงสนามบิน คืนรถเรียบร้อยค่ะ น้ำมันรถถูกมากกกกก ลิตรละประมาณ 18 บาทค่ะ
บินไปอีกชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเมืองหลวงอย่างริยาดห์ อ่านต่อในตอนถัดไปได้เลยนะคะ
สำหรับรีวิวเที่ยวซาอุดิอาระเบียด้วยตัวเอง นัทแบ่งเป็น 5 ตอนนะคะ
ตอนที่ 1 : ข้อมูลทั่วไป ทุกอย่างที่ควรรู้ แผนการเดินทาง
ตอนที่ 3 : เที่ยว Al Ula Part 1
ตอนที่ 4 : เที่ยว Al Ula Part 2
ตอนที่ 5 : เที่ยวเมืองหลวง Riyadh
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com