[เที่ยวอาร์เมเนียด้วยตัวเอง Ep. 3] Gyumri เมืองใหญ่อันดับสอง ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

หลังจากตอนที่แล้ว เราเที่ยวเมืองหลวงของอาร์เมเนียอย่างกรุงเยเรวานกันไปแล้ว วันถัดมา นัทเลือกที่จะซื้อกรุ๊ปทัวร์แบบทัวร์หนึ่งวัน มาเที่ยวเมืองใหญ่อันดับสองของอาร์เมเนียค่ะ เมืองนี้มีชื่อว่า Gyumri เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งศิลปะและวัฒนธรรม เพราะมีทั้งประวัติศาสตร์ และมีศิลปิน นักดนตรี มาจากเมืองนี้เยอะ นอกจากเมือง Gyumri แล้ว ทัวร์นี้ยังพาไป Harichavank ซึ่งเป็นโบถส์อารามที่อยู่บนผาหินของภูเขาอารากัตอีกด้วย
เมือง Gyumri นั้น ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยเรวาน ประมาณ 126 กม. ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอาร์เมเนีย และอยู่ใกล้กับพรมแดนตุรกีมากๆ เลยค่ะ หากใครไม่มากับทัวร์ ก็สามารถนั่งรถไฟ หรือ รถตู้ มาเมืองนี้ได้เช่นกันค่ะ
ทัวร์ของเราเริ่มที่หน้าออฟฟิศของบริษัททัวร์ที่เยเรวานเลยค่ะ นัทใช้บริการ Hyur Service จองผ่าน Tripadvisor.com คลิ๊กที่นี่ได้เลย ออฟฟิศนี้ก็เดินจากโรงแรมเราสบายๆ
นั่งรถประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดแรก Museum of National Architecture and Urban Life เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เคยเป็นบ้านของพ่อค้าเศรษฐีในช่วงปี 1872 มาก่อน ก่อนที่จะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1984 นี้เองค่ะ
ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะทางไกด์ก็จะมีโอกาสเล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ไปเลย มิวเซียมนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะจัดแสดงเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ของผู้คนใน Gyumri ในอดีต มีความเป็นบ้านคนจริงๆ เราก็จะได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงคอลเลคชั่นของงานฝีมือท้องถิ่น เช่น งานพรม งานโลหะ เครื่องดนตรีต่างๆ มีภาพของเทศกาล ประเพณี ถือว่าน่าสนใจดีค่ะ
จากนั้นไกด์ก็จะพาเดินเที่ยวจุดสำคัญๆ ในเมือง Gyumri ก่อนจะปล่อยให้เรามีเวลาเดินเล่นด้วยตัวเองประมาณ 1 ชม.ค่ะ
สำหรับที่เที่ยวในใจกลางเมือง Gyumri ตามภาพด้านล่างนี้ สามารถเดินถึงกันได้ค่ะ พวกเรามาเริ่มกันที่ Vartanants Square ซึ่งเป็นจัตุรัสใหญ่กลางเมืองค่ะ
ในภาพด้านล่างนี้จะเป็นถนน Abovyan Street เป็นถนนคนเดินสั้นๆ ที่มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ค่ะ สีสันของอาคารแปลกตาดี เป็นเอกลักษณ์ของอาร์เมเนียมากๆ
ใกล้กับจัตุรัสจะเป็นที่ตั้งของโบถส์ Cathedral of the Holy Mother of God หรือในภาษาอาร์เมเนีย เรียกว่า Yot Verq Church ซึ่งแปลตรงตัวว่า Seven Wounds หรือบาดแผลทั้งเจ็ดของพระแม่มารี โบถส์นี้เป็นลักษณะโบถส์แบบอาร์เมเนียน สร้างในผังแบบ Cruciform หรือเป็นรูปกางเขน ความสำคัญของโบถส์แห่งนี้ คือเป็น หนึ่งในสองโบถส์ที่เปิดทำการในยุคโซเวียต (ที่มีความพยายามจะกำจัดศาสนา) และภายในยังมีแท่นบูชาของทั้งนิกายคาทอลิค และ รัสเซีย ทำให้เป็นศูนย์รวมของผู้ศรัทธาทั้งเมือง
ในเมือง Gyumri นั้น มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สองครั้ง ในปี 1926 และ 1988 ซึ่งในครั้งที่สองนั้น ยอดของโบถส์แห่งนี้ได้พังลงมา และตรง Chapel ใกล้ๆ เรายังจะเห็นซากที่เค้าเก็บไว้อยู่ค่ะ
เดินข้าม Vardanants Square มา จะไปที่อีกหนึ่งโบถส์สำคัญของเมืองค่ะ
เราจะพบกับ Holy Saviors’ Church โบถส์ที่สร้างด้วยหินทัฟฟ์ภูเขาไฟสีดำ ตัดกับสีส้ม ซึ่งแม้ว่ารูปทรงจะเหมือนกับโบถส์อื่นๆ ในอาร์เมเนีย แต่สีนี้ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เลย โบถส์นี้เป็นอีกโบถส์ที่สร้างขึ้นในช่วงปี 1858 เพราะตอนนั้น โบถส์ที่สูงที่สุดในเมืองเป็นโบถส์กรีกออร์โธดอกซ์ แต่อาร์เมเนีย เชื่อในอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ (ซึ่งนัทขอออกตัวว่า ไม่มีความรู้เรื่องนิกายเหล่านี้ลึกๆ เลยค่ะ) ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาวเมืองเลยสร้างโบถส์แห่งใหม่ให้สูงที่สุดในเมือง
โบถส์นี้เคยถูกทำลายในช่วงโซเวียตและเปลี่ยนเป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ แล้วยังเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวปี 1988 เช่นกัน ซึ่งเค้าเริ่มรีโนเวทตั้งแต่ช่วงปี 2002 ช่วงที่นัทไป ใกล้จะรีโนเวทเสร็จแล้วค่ะ
ข้างๆ กันจะมีตรอกที่เป็นที่ตั้งของ “Cross-Stone” หรือ Khachkars เป็นหนึ่งในศิลปะคริสเตียนของอาร์เมเนียค่ะ เป็นงานแกะสลักหินภูเขาไฟโดยช่างท้องถิ่น มีตั้งอยู่ร่วมร้อยชิ้นเลยค่ะ
จากนั้น ทางทัวร์ก็จะพาเรามาทานอาหารเที่ยงค่ะ ค่าอาหารเที่ยงไม่ได้รวมอยู่ในทัวร์ แต่ก็จะตกประมาณ 7-10 USD ทานรวมกับเพื่อนๆ ร่วมทัวร์ค่ะ
ตอนที่เค้าปล่อยเวลาอิสระ นัทเลยไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บน Rijkov Street ร้านนี้ชื่อว่า Herbs & Honey น่ารักมากๆ
จากนั้น เราก็จะนั่งรถไปอีกประมาณราวๆ 10 นาที ไปยัง Black Fortress ค่ะ
ป้อมปราการแห่งนี้ ถูกสร้างในสมัยจักรพรรดินิโคลัสที่หนึ่งของรัสเซีย ในสมัยนั้นเมือง Gyumri ยังชื่อว่า Alexandropol และป้อมปราการแห่งนี้ก็เป็นป้อมที่สำคัญในการปกป้องดินแดนนี้จากทั้งกองทัพเปอร์เซียและเติร์กในช่วงสงครามค่ะ ที่เห็นเป็นสีดำเพราะสร้างจากหินทัฟฟ์ภูเขาไฟ
ทุกวันนี้ภายในเป็น โรงละครแบบ Amphitheater ที่ใช้จัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ ค่ะ
มองออกไปที่เห็นตรงนี้คือตุรกีแล้วค่ะ
นั่งรถไปอีกประมาณ 50 นาที ในทางมุ่งหน้ากลับสู่เยเรวาน เราจะได้แวะโบถส์อารามใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนแนวเขาของภูเขาอารากัตค่ะ
นัทพิมพ์ไม่ผิด ตอนที่แล้วเราพูดถึงภูเขา อารารัต (Ararat) ที่เรือโนอาห์มาจอดตามตำนานและปัจจุบันอยู่ในตุรกี แต่เขาแห่งนี้ชื่อ อารากัต (Aragats) เป็นภูเขาในอาร์เมเนีย
อารามสงฆ์แห่งนี้ชื่อว่า Harichavank Monastery คำว่า Vank นั้นแปลว่า Monastery ค่ะ เดี๋ยววันถัดๆ ไป เราก็จะไปทั้ง Noravank, Sevanavank ก็จะลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ต่างกันด้วยภูมิทัศน์ ซึ่งนัทก็แนะนำให้ไปทุกที่เลยนะคะ
อย่างที่นี่ภูมิทัศน์คืออยู่บน ช่องหิน แปลกตาดีค่ะ ตัวโบถส์สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 แต่เชื่อว่าศาสนสถานแห่งนี้เริ่มมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แล้วค่ะ ที่นี่มีจุดน่าสนใจคือ วัดน้อย (Chapel) นั้น ถูกแยกออกไปอยู่บนยอดหินด้วยแผ่นดินไหวค่ะ เรายังจะเห็นซากต่างๆ อยู่ด้วยค่ะ
จากตรงนี้เราก็กลับถึงกรุงเยเรวานช่วงเย็นๆ ไปหาอะไรทานต่อพอดีเลย
ตอนถัดไป นัทจะพาไปทะเลสาบที่เป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และวิหารเพแกนทรงกรีก ที่มาอยู่ในประเทศคริสเตียนแห่งนี้ค่ะ!
สำหรับรีวิวเที่ยวอาร์เมเนีย นัทเขียนไว้ทั้งหมด 5 ตอน ดังนี้
[เที่ยว อาร์เมเนีย ด้วยตัวเอง Ep.1] รู้จัก Armenia แผนการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และ ตอบคำถามที่ทุกคนสงสัย!
[เที่ยว อาร์เมเนีย ด้วยตัวเอง Ep.2] กรุงเยเรวาน (Yerevan) เมืองหลวงสุดชิลล์ วิวเทือกเขาอารารัต
[เที่ยวอาร์เมเนียด้วยตัวเอง Ep. 3] Gyumri เมืองใหญ่อันดับสอง ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
[เที่ยวอาร์เมเนียด้วยตัวเอง Ep. 4] Garni วิหารทรงกรีก และ Lake Sevan ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
[เที่ยวอาร์เมเนียด้วยตัวเอง Ep. 5] Khor Virap อารามแสวงบุญศักดิ์สิทธิ์ และ โรงผลิตไวน์ใน Areni
ทริปเดียวกัน นัทแนะนำให้ทำคู่จอร์เจีย หรือ ตุรกีได้นะคะ ไปอ่านได้ คลิ๊กที่ภาพได้เลยค่า
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com