[รีวิว] ทุกอย่างที่คุณควรรู้ก่อนไป teamLab Planets Tokyo ผลงานศิลปะดิจิตัลล่าสุดจาก teamLab ที่โตเกียว

เชื่อว่าหลายๆ คน น่าจะได้ยินชื่อ teamLab กลุ่มคนที่สร้างสรรค์งานศิลปะที่เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานมาแล้วบ้าง เพราะมีผลงานดังๆ ทั้งที่ teamLab Borderless งานชิ้นก่อนที่โตเกียวหรือที่งานสิงคโปร์ที่เรียกว่ากลายเป็นจุดเช็คอินประจำเมืองไปเลยค่ะ ซึ่งตอนนี้ทาง teamLab ได้สร้างสรรค์งานชิ้นใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ teamLab Planets เปิดให้ชมที่โตเกียว และเป็นงานที่เพิ่มประสบการณ์ความมีส่วนร่วมกับผลงานขึ้นไปอีก ถ้าใครไปโตเกียวก็ห้ามพลาดเลย
สำหรับ teamLab Planets นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะดิจิตัลและผสมผสานให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งกับงาน ซึ่งตอนนี้เว็ปทางการแจ้งว่าจะจัดแสดงถึงปลายปี 2023 ค่ะ
วิธีการเดินทางก็ง่ายมากๆ อยู่ตรงสถานี Shin-Toyosu Station สาย Yurikamome Line ซึ่งเป็นสายรถไฟที่มาทางโอไดบะค่ะ กดกูเกิ้ลแมพขึ้นรถไฟมาได้เลยค่า ลงสถานีมาก็เจอเลย
ส่วนตัวนัทแนะนำให้จองตั๋วมาก่อนนะคะ เพราะบางรอบก็เต็ม แม้จะมีตู้ขายตั๋วหน้างานก็ไม่ได้แปลว่ามาถึงแล้วจะเข้าได้ค่ะ อย่างช่วงต้นปี 2023 ที่นัทไป คือเต็มก่อนหลายวันล่วงหน้าเลย ส่วนนัทจองผ่าน Klook.com เหมือนเดิม เพราะว่า มันขึ้นเป็นเงินไทยให้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าแลกเปลี่ยน ค่าตั๋วถูกกว่านิดหน่อย แต่สะสมแต้มไว้ลดคราวหน้า แล้วก็มีโปรโค้ดส่วนลดเรื่อยๆ เลยค่ะ
ค่าเข้าจะอยู่ที่ 835 บาท สำหรับผู้ใหญ่ (ถ้าซื้อผ่านเว็ปทางการจะอยู่ที่ 3200 Yen) พอซื้อตั๋วเสร็จ เราก็นำ QR Code ที่ได้ในอีเมล์ มายื่นเข้าหน้างานได้เลยค่ะ
เข้ามาถึงจะมีล็อกเกอร์ก่อน เพราะว่า ห้ามนำกระเป๋าหรือรองเท้าเข้าไปในงานนะคะ ในงานจะมีโซน Water Area ด้านในกับโซน Garden Area ด้านนอก ซึ่งโซนด้านใน จะมีส่วนที่เดินลุยน้ำ ตรงที่น้ำสูงที่สุดคือประมาณเกือบหัวเข่าค่ะ!!! เราจะเลือกเข้าโซนไหนก่อนก็ได้ค่ะ
เข้าไปถึงโซนแรกเลยก็จะเจอกับผลงาน Waterfall of Light Particles at the Top of an Incline ซึ่งให้เราได้เดินผ่าน installation ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงที่กระทบกับน้ำตกค่ะ
จากนั้นก็จะไปถึงงานที่ชื่อว่า Soft Black Hole ที่เป็นห้องมืดๆ และมีพื้นที่ยวบยาบ ที่เค้าจะสื่อถึงการที่เมื่อร่างกายของเราขยับก็จะมีการส่งอิทธิพลไปถึงร่างกายของปัจเจกอื่นๆ ตัวพื้นต้องค่อยๆ เดินไต่ไป แต่งานชิ้นนี้มืดนัทเลยถ่ายรูปไม่เห็นค่ะ เป็นงานที่นัทชอบความหมายนะคะ
ชิ้นถัดไปเป็นชิ้นที่ค่อนข้างเป็นซิกเนเจอร์ของ teamLab เลย แต่ครั้งนี้ วิธีการ install ก็จะแตกต่างและนัทว่าพัฒนาขึ้นไปอีกค่ะ ชื่องานว่า The Infinite Crystal Universe ซึ่งในแนวคิดแบบ pointillism สร้างสิ่งที่เราเห็นเป็นสามมิติจากจุด จนไปถึงระยะอินฟินิตี้ ซึ่งนอกจากความหมายจะดีแล้ว ยังถ่ายรูปสวยมากๆ อีกด้วยค่ะ
งานนี้ถ้าเดินไปสุดทาง จะมีจุดที่ให้เราควบคุม Crystal Universe นี้ผ่านมือถือด้วยนะคะ คือใครอยากให้ตรงนี้เป็นสีอะไร เคลื่อนไหวแบบไหน ก็ไปกดได้ค่ะ
งานต่อไปนัทว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ teamLab Planets เลย งานนี้ชื่อว่า Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity ชิ้นนี้คือชิ้นที่เราต้องเดินลุยน้ำสูงครึ่งแข้งค่ะ เพราะผลงานจะเป็นแสงที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ เป็นรูปปลาคาร์ฟว่ายเวียนไปตามการเคลื่อนไหวของผู้คนในห้อง และถ้าเราพยายามจะไปจับปลา ปลาจะแตกออกเป็นดอกไม้ค่ะ
เค้าบอกว่า งานชิ้นนี้ ตลอดการจัดแสดง จะเรียลไทม์และไม่มีการเหมือนเดิมแม้แต่ครั้งเดียว เป็นโมเม้นท์ที่เกิดขึ้นแค่ตอนนั้น และย้อนกลับไปทำไม่ได้และนั่นคือปรัชญาของงานนี้ค่ะ
ห้องถัดไป เป็นผลงานชื่อ Expanding Three-Dimensional Existence in Transforming Space ซึ่งลูกบอลกลมๆ ใหญ่ๆ นี่จะถูกเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และ เปลี่ยนสีพร้อมเคลื่อนที่ไปตามการเคลื่อนไหวของเราค่ะ
จากนั้น ก็จะเป็นห้องที่อาจจะไม่ได้เน้นถ่ายรูป แต่เป็นห้องที่นัทชอบประสบการณ์ที่สุดเลยค่ะ Floating in the Falling Universe of Flowers โดมที่มีดอกไม้ปลิวไปเรื่อยๆ ที่ทางนิทรรศกาลแนะนำให้เราลองนอนแล้วค่อยๆ จมไปกับจักรวาลดอกไม้นี้ดูค่ะ
ตัวงานจะพาเราวนกลับมาที่ห้องล็อกเกอร์ทางเดิมค่ะ เพื่อที่จะไปต่อยัง Garden Area ค่ะ สามารถแวะล็อกเกอร์เพื่อหยิบเสื้อโค้ทได้นะคะ เพราะข้างนอกหนาวค่ะ ส่วนที่เราไปมาก่อนหน้านี้ด้านใน อุณหภูมิปกติ สบายตัวค่ะ น้ำที่เดินลุยก็อุ่นๆ
อย่างโซนด้านนอกตรงนี้ เค้าจะมีรองเท้าให้นะคะ งานนี้ชื่อว่า Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Sunrise and Sunset เป็นงานที่บรรยากาศกลางวันกับกลางคืนต่างกันโดยสิ้นเชิง และนัทเลือกมากลางคืนเพราะงานจะมีแสงโกลว์ๆ แบบนี้ค่ะ
งานสุดท้าย เป็นไฮไลท์ฝั่ง Garden ของ teamLab Planets เลย Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวน Zen ดอกกล้วยไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เค้าบอกว่า ให้ลองมาตั้งใจชมดอกไม้ แล้วดอกไม้อาจจะหันกลับมามองเรา และเราทั้งสองอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเป็นครั้งแรกค่ะ
สุดท้ายนี้ ใครจะไป อย่างที่แนะนำไปนะคะ อย่าลืมจองไปก่อน นัทคิดว่าคุ้มค่ามากๆ เป็นงานศิลปะที่เข้าใจง่าย สวยงาม ห้ามพลาดเลยค่ะ
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com