[รีวิว] Six Senses Samui (ซิกเซ้นส์ สมุย) ปล่อยใจใกล้ชิดธรรมชาติ กับวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะสมุย

admin April 9, 2021

เมื่อพูดถึงชื่อโรงแรม Six Senses (ซิกเซ้นส์) เราก็จะนึกถึงการได้พักผ่อนกับสถานที่ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสงบทั่วโลก เรานึกถึงแนวคิดในการอนุรักษ์ เน้นเรื่องความยั่งยืน การทำให้เราได้ผ่อนคลายในทุกสัมผัส และที่ Six Senses Samui (ซิกเซ้นส์ สมุย) ก็เช่นกัน เราได้ปล่อยใจอยู่กับธรรมชาติ พักผ่อนทั้งกายและใจ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ และ วิวที่นี่เป็นหนึ่งในวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดที่เราเคยชมในประเทศไทย….

Six Senses Samui (ซิกเซ้นส์ สมุย) แม้จะอยู่บนแหลมที่เป็นส่วนตัวและเงียบสงบ แต่เดินทางสะดวกมากๆ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียง 15 – 20 นาทีจากสนามบินนานาชาติสมุยเท่านั้น หากใช้บริการ Airport Shuttle ของทางโรงแรมก็จะเป็นรถ SUV คันใหญ่ นั่งสบาย พร้อมน้ำดื่ม และ ผ้าเย็น ขับนิ่มสุดๆ

หากชมจากภาพด้านล่างนี้ จะเห็นได้ว่า เราสามารถเลือกวิลล่าได้ทั้งฝั่งวิวพระอาทิตย์ขึ้นหรือวิวพระอาทิตย์ตก เราพักฝั่งพระอาทิตย์ตก โดยจากห้องเรายังสามารถเห็นเกาะส้ม และ เกาะพะงันอยู่ไกลๆ พร้อมวิวทะเลแบบพาโนราม่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ เลยค่ะ ธรรมชาติล้วนๆ

Six Senses Samui (ซิกเซ้นส์ สมุย) ไม่ตัดต้นไม้ใหญ่ และ วางเลย์เอาท์ของวิลล่า ลงไปตามที่ธรรมชาติจะเอื้ออำนวย ความเขียวชะอุ่มทำให้เราจะได้รู้สึกถึงพลังของธรรมชาติอย่างแท้จริง และไม่ใช่แค่ร่างกายเราที่ได้พักผ่อน แต่เป็นที่ที่รู้สึกว่าจิตใจ หรือ Mind ของเราได้พักผ่อนไปด้วย

คลิ๊กที่นี่ เพื่อเช็คโปรโมชั่นและสำรองห้องพักผ่าน >> Agoda.com
คลิ๊กที่นี่ เพื่อเช็คโปรโมชั่นและสำรองห้องพักผ่าน >> Booking.com

Ocean Front Pool Villa Suite

ห้องพักทุกห้องภายในรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นวิลล่าส่วนตัวค่ะ เริ่มตั้งแต่ Hideaway Villa ซึ่งไม่มีสระว่ายน้ำในตัว แต่มีเพียงไม่กี่ห้องนะคะ ซึ่งวิลล่าเริ่มต้นก็มีขนาดกว้างถึง 130 ตร.ม.แล้วค่ะ จากนั้นจะเป็น Pool Villa ที่มีสระส่วนตัวทั้งหมดค่ะ นอกจากสระส่วนตัวในห้อง สระว่ายน้ำส่วนกลางที่นี่ยังมีอีก 2 แห่ง เป็น Infinity Pool วิวอลังการทั้งสองเลยค่ะ

ส่วนห้องแบบที่เราพักในครั้งนี้ ชื่อว่า Ocean Front Pool Villa Suite มีขนาดถึง 300 ตร.ม. นับว่าเป็นวิลล่าที่พื้นที่เยอะมากๆ มีห้องน้ำ 2 ห้องด้วยนะคะ ห้องน้ำหลักก็มีทั้งอ่างอาบน้ำ และ Outdoor Shower

สิ่งที่เราชอบมากๆ คือดีไซน์ที่ให้วิลล่ามีสองชั้น ชั้นบนเป็นส่วนอินดอร์ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน วอล์กอินโคลเส็ท และ ห้องน้ำ 2 ห้อง ส่วน deck ชั้นล่างจากเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ขนาด 18 ตร.ม. และ เป็นที่นั่งเล่นทั้งหมดเลยค่ะ มีทั้งโซฟาใหญ่ เดย์เบดอาบแดด เก้าอี้นั่ง เรียกได้ว่า สามารถชิลล์กันทุกอริยาบทเลย แล้วตรงนี้ วิวสวยอลังการมากๆ ชอบมากที่ได้เห็นวิวนี้แบบเป็นส่วนตัว บรรยากาศโรแมนติกมากๆ ค่ะ

อีกจุดเด่นของการเข้าพักที่นี่ คือ Guest Experience Manager เรียกสั้นๆ ว่า GEM ค่ะ เป็นคนที่เราสามารถแชทขอทุกอย่างผ่านแอพได้ แล้วนำมาให้เร็วมากๆ ดูแลดีเสมือนมี Butler ส่วนตัวเลยทีเดียว

รถบักกี้มาส่ง ผ่านรั้วมา ก็จะเข้ามาเจอกับห้องที่ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักค่ะ

จากห้องนอนและห้องนั่งเล่น เราก็จะเห็นวิวแบบนี้เลย เครื่องนอนนอนสบายมากๆ ค่ะ ตอน Turn Down ทางโรงแรมจะเอามุ้งลงด้วยค่ะ

ภายในห้องก็จะมี ทีวี เครื่องเสียง Philips มีเครื่องทำกาแฟ ชุดชา และน้ำดื่มที่นี่ เป็นขวดแก้วแบบเติมด้วยนะคะ ดีมากๆ

ลงมาที่ชั้นล่างค่ะ ที่นี่มีการเดินขึ้นลงบันไดนิดนึงนะคะ ทั้งตัวรีสอร์ท ร้านอาหาร สปา และ สระว่ายน้ำ หากใครมีปัญหาเรื่อง accessibility อาจจะต้องลองเช็คก่อนนะคะ

ชอบพื้นที่ตรงนี้มาก วิวอลังการจริงๆ ค่ะ

ห้องน้ำค่ะ อ่างอาบน้ำจะเป็นแบบบิลท์อินลงไป น่ารักมากๆ

อ่างล้างหน้าแบบ His & Her พร้อมอุปกรณ์ครบค่ะ

Outdoor Shower พื้นที่เยอะมาก

ตอน Turn Down แอบมียาหม่องมาวางไว้ให้ด้วย

Breakfast with The Panoramic View

สำหรับอาหารเช้า จะเสิร์ฟที่ห้องอาหาร Dining on the Hill ซึ่งเป็นห้องอาหารที่มีวิวแบบพาโนราม่า อลังการมากๆ ค่ะ โดยอาหารเช้าที่นี่ เมนูค่อนข้างเฮลตี้ แล้วมีทั้งเมนูพื้นฐานไทย-ตะวันตก และ เมนูที่ครีเอทขึ้นมาเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของที่นี่ ที่สำคัญ ปรุงสดใหม่ทุกจาน ที่รีสอร์ทมีฟาร์มเป็นของตัวเอง เราได้ไปเก็บไข่ไก่สดๆ มาทำเป็นอาหารเช้าด้วยค่ะ

อีกสิ่งที่ประทับใจ คือพี่พนักงานดูแลดีมากๆ คุณแฟนเพิ่งเริ่มทานคีโตเลยแจ้งไป ทางพี่พนักงานและเชฟ ก็ช่วยกันดูแล พลิกแพลง และ ครีเอทออกมาเป็นอาหารเช้าแบบคีโตให้ ถือว่าเป็นความใส่ใจในรายละเอียดของที่นี่

ได้เอาไข่ไก่สดๆ มาให้ทางเชฟทำค่า Toast อร่อยมาก

Farm on the Hill

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Six Senses เน้นเรื่องความยั่งยืน และ การอนุรักษ์ Farm on the Hill ก็เป็นหนึ่งในโครงการนั้น ทั้งการเลี้ยงไก่ เพื่อนำไข่มาใช้ เลี้ยงแพะนำมูลมาทำปุ๋ย และ ปลูกผักและสมุนไพร สำหรับใช้ในครัว ซึ่งมีเนื้อที่ค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ ไปเดินชมได้ เราได้ให้อาหารแพะด้วย

The Infinity Pool and The Best Sunset in Samui Island

สำหรับสระว่ายน้ำของ Six Senses Samui (ซิกเซ้นส์ สมุย) จะมีทั้งหมด 2 สระค่ะ คือสระที่อยู่ตรง Dining on the Hill เป็นสระแบบ Infinity Pool ขนาดใหญ่มากๆ วิวสวย บรรยากาศสงบมาก ส่วนอีกสระจะเป็นสระที่ติดหาด ซึ่งเป็นหาดส่วนตัวของ Six Senses ค่ะ และเป็นหาดเดียวภายในรีสอร์ท

มาชมสระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณนี้กันก่อนค่ะ บริเวณนี้จะมีทั้ง Daybed และ โซฟา เต็มไปหมดเลยค่ะ สามารถมานั่งพักผ่อน และ ชมพระอาทิตย์ตกได้ ข้างๆ จะมี Library ที่มีหนังสือ โต๊ะพูล แล้วก็บอร์ดเกมส์ค่ะ มานั่งเล่นได้ มีจักรยานให้ยืมด้วย

ส่วนตอนกลางคืนในบางวัน จะมีกิจกรรม Movie under the star ซึ่งเป็นการฉายหนังแบบเอาท์ดอร์ เสิร์ฟน้ำและป็อปคอร์น บรรยากาศดีมากกกกก ลมเย็นสบาย นอนดูหนังแบบวิวกว้างๆ สูดกลิ่นธรรมชาติ มองขึ้นไปก็เห็นดาวเต็มฟ้า ฟินมากค่ะ กิจกรรมนี้ต้องจองก่อน เพราะมีที่นั่งจำกัดนะคะ แล้วทางโรงแรม จุดไล่ยุงไว้แล้ว เราไม่โดนยุงกัดเลยค่ะ

สระว่ายน้ำยาวมากๆ ตรงไม้ไผ่ๆ ไกลๆ นั่นคือจุดชาวเวอร์ข้างสระค่ะ

ช่วงเย็นแสงจะสวยมากกกก อันนี้เป็นทางเดินเข้ามาจาก Dining on the Hill

มุมไม้ไผ่ ก็ถ่ายรูปสวยนะคะ

และนี่คือไฮไลท์ของเราค่ะ พระอาทิตย์ตกลงน้ำ ดวงกลมๆ แบบนี้เลย และ เห็นแบบนี้ทั้ง 2 คืนที่พักที่นี่เลยค่ะ ประทับใจมากๆ สวยมากค่ะ

บริเวณนั่งเล่น

ห้อง Library ค่ะ ด้านบนจะมีตาข่ายๆ ที่ไปนอนเล่นได้ด้วย เด็กๆ ที่ชอบปีนป่ายน่าจะชอบ

Movie under the Star ห้ามพลาดเลยค่ะ

Drift at the Beach

ลงมาที่สระว่ายน้ำอีกแห่ง รวมถึงชายหาดส่วนตัวของโรงแรมกันค่ะ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ ห้องอาหารสไตล์บีชบาร์สุดชิค ชื่อว่า Drift at the Beach ด้วยนะคะ (ภายในรีสอร์ทมี 3 ห้องอาหาร 2 บาร์ เราได้มา Drift at the Beach และ Dining on the Hill ส่วนอีกห้องอาหารคือ Dining on the Rock ซึ่งปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงโควิดค่ะแต่อาจจะเปิดเป็นบางช่วง สามารถเช็คกับทางโรงแรมได้ค่ะ)

ซึ่งตรงนี้เป็นอีกจุดที่เชื่อว่า สายถ่ายรูปน่าจะชอบ ให้บรรยากาศเหมือนบีชบาร์แถวเมดิเตอเรเนียนเลยค่ะ บาร์ก็เก๋ สระว่ายน้ำก็ดีไซน์สวย สวยหลายมุมมากๆ จะมานั่งชิลล์ก็ดีค่ะ ทานอาหารคอมฟอร์ทๆ แช่น้ำสวยๆ พายเรือคายัค เป็นจุดที่ relaxing มากๆ

อีกหนึ่งมุมซิกเนเจอร์

มาชมอาหารกันค่ะ อาหารที่นี่จะมีไฮไลท์เป็น Wood-fired oven ที่ทำให้เรามั่นใจว่าพิซซ่าเด็ดแน่นอน แล้วก็กระทะ Grill ค่ะ โดยอาหารก็ยังมีความเฮลตี้ตามคอนเซปท์โรงแรม ซึ่งเราชอบเมนูของ Drift at the Beach นะคะ มีความผสมผสาน มีความสดชื่น ความคอมฟอร์ท ความเฟรช ทานง่าย และ เหมาะกับบรรยากาศเมดิเตอเรเนียนแบบนี้มากค่ะ

อย่าลืมมาถ่ายภาพมุมนี้กันนะคะ

Cocktail Workshop at Drinks on the Hill

ก่อนดินเนอร์อย่าลืมแวะมาที่บาร์นะคะ เค้ามีสอนทำค๊อกเทลกันแบบไม่มีค่าใช้จ่าย รับไปเลย 1 ดริงค์! สามารถขอคุณ GEM จองให้เราก่อนได้ค่ะ วันนี้ที่บาร์สอนทำ Mojito ค่ะ

หรือใครจะมานั่งเล่น อาบแสงสวยๆ ก็แนะนำเลยค่ะ บรรยากาศดี เครื่องดื่มดีเลย ที่สำคัญ ใช้ตะไคร้แทนหลอดพลาสติกค่ะ

Sunset at Dining on the Hill

มาทานอาหารที่นี่ตอนเช้ากันแล้ว แวะมาทานมื้อเย็นด้วยนะคะ แนะนำให้ไปนั่งเล่น จิบค๊อกเทลตรงสระว่ายน้ำก่อน หรือ จะไปคลาสทำค๊อกเทลก็ได้ แสงสวยตั้งแต่ 5 โมงแล้วค่ะ แล้วมาชมพระอาทิตย์ตกที่ห้องอาหารก็งดงามมากๆ

สำหรับห้องอาหารนี้ ปกติจะเสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก และมีเมนูอาหารตะวันตกอยู่ด้วย แต่ในช่วงโควิดนี้ ห้องอาหาร Dining on the Rock ซึ่งเป็นอีกห้องอาหารหลักของรีสอร์ท จะปิดทำการชั่วคราว จึงทำให้เมนูที่ Dining on the Hill มีทั้งเมนูอาหารไทย ตะวันตก และมีเมนูตามธีมของแต่ละวันด้วยค่ะ อย่างวันที่เราไปจะเป็นธีมทาปาส

ที่นี่แม้จะเป็นแบบเปิดโล่ง แต่มีลมพัดตลอด และที่สำคัญ ทางรีสอร์ทจะมีการจุดยาไล่ยุง ทำให้เราไม่เจอยุงเลยค่ะ

มาชมอาหารไทยก่อนนะคะ อาหารไทยทำออกมาได้รสชาติจัดจ้านแบบไทย (แต่เราแจ้งพนักงานไปด้วยนะคะว่ารสจัดแบบไทยได้) วัตถุดิบมีความสด แล้วชอบที่ทุกจานมีผักให้ทานค่ะ

ส่วนด้านล่างนี้เป็นเมนู อาหารตะวันตกค่ะ ด้านบนเป็นเมนูทาปาส ที่ทำออกมาได้ดีแบบเซอร์ไพรส์เลยค่ะ รสชาติกลมกล่อม เมนูสร้างสรรค์ ทานง่ายมากๆ ด้านล่างเป็นอาหารตะวันตกทั่วไป สลัดบูราต้า เฟรชมากๆ สเต๊กไก่ชิ้นใหญ่ ตามด้วยของหวานค่ะ

Indulge yourself in the nature….

สุดท้ายนี้ ขอเก็บตกซักนิดค่ะ บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ท เต็มไปด้วยต้นไม้แบบนี้จริงๆ มันเขียวมากๆ แม้แต่ดีไซน์ของถังขยะ หรือ มุมเอ้าท์ดอร์ฟิตเนส ก็ยังมีการดีไซน์ให้กลมกลืนไปทั้งหมด ส่วนห้องฟิตเนสเองก็เป็นวิวที่มองเห็นทั้งป่าไม้และทะเล ซึ่งเป็นวิวที่สวยมากๆ สำหรับการออกกำลังกายค่ะ