[รีวิว] Park Hyatt Siem Reap โรงแรมหรูกลางเมืองที่ให้คุณรู้จักเสียมราฐมากกว่านครวัด

จุดหมายปลายทางหลักของหลายๆ ท่านที่ไป “เสียมราฐ” น่าจะหนีไม่พ้นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง “นครวัด” แต่สิ่งที่ทำให้นัทกลับไปเสียมราฐอีกหลายครั้ง คือเหล่าโรงแรมหรูแบรนด์ชั้นนำระดับโลกหลายแบรนด์ที่เลือกที่จะเปิดที่เมืองอันท่องเที่ยวของกัมพูชาแห่งนี้ และหนึ่งในโรงแรมที่ดีไซน์สวยที่สุด หรูที่สุด เป็นหนึ่งโรงแรมที่นัทประทับใจที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ต้องยกให้ Park Hyatt Siem Reap (โรงแรม พาร์ค ไฮแอท เสียมเรียบ) เลยค่ะ

โรงแรม Park Hyatt Siem Reap ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเสียมเรียบ เดินเพียงนิดเดียวก็จะถึงย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่ และ สามารถปั่นจักรยานไปยัง neighborhood ที่นัทชอบมากๆ ได้ เดินทางไปวัดต่างๆ สะดวกมาก ตัวโรงแรมเองเป็นโรงแรมแห่งแรกในกัมพูชาที่สถาปนิกชื่อดังอย่าง Bill Bensley เป็นคนออกแบบ เส้นสาย การตกแต่งภายใน มีความเท่และร่วมสมัยมากค่ะ


Upon Arrival

มาถึงแล้ว เราก็จะถูกเชิญมานั่งที่ The Living Room กันก่อนเลยค่ะ การออกแบบของ Bill Bensley ที่นี่จะมีส่วนผสมของตัวสถาปนิก กับ ความเป็น Park Hyatt และ สถาปัตยกรรมแขมร์ มีความคม เท่ มีมิติและดีเทลเยอะๆ แบบที่เค้าชอบใช้ อย่างไรก็ตาม โรงแรมแห่งนี้ เคยเป็นโรงแรม Hotel De La Paix โรงแรมที่เป็นเสมือนไอค่อนของเมืองเสียมเรียบตั้งแต่ปี 1957

ในระหว่างเช็คอิน ทางโรงแรมจะมีเมนู Welcome Drink ให้เลือกด้วยนะคะ มีหลากหลายเลย สดชื่นมากๆ

คอร์ทยาร์ดใจกลางโรงแรมที่มีคอนเซปท์เป็น Tree of Life  มีเอเลเมนท์ทั้งดินน้ำลมไฟอยู่

ส่วนนี่คือบรรยากาศใน The Living Room ที่นอกจากเราจะมาเช็คอินแล้ว ยังเป็นที่เสิร์ฟอาหารเช้า และ มี Happy Hours ในช่วงเย็นอีกด้วยค่ะ


King Bed with Garden View

สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีทั้งหมด 104 ห้องรวมถึงสวีท ซึ่งเป็นจำนวนที่ทำให้เรารู้สึกว่าโรงแรมบรรยากาศมีชีวิตชีวาแต่ไม่วุ่นวายและเหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ

ห้องพักมีหลากหลายรูมไทป์เหมาะกับหลายความต้องการ อย่างที่นัทพักจะเป็นห้องแบบเริ่มต้นแต่มีวิวคอร์ทยาร์ดตรงกลางค่ะ ห้องขนาด 35 ตร.ม. กว้างขวาง อยู่สบาย

ไฮไลท์ของโรงแรมคือ ยังมีห้องสวีทที่มีครัว ห้องสวีทที่มีห้องน้ำขนาดใหญ่และอ่างอาบน้ำสวยมากๆ ห้องพูลสวีทที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว คือตอบโจทย์หลากหลายจริงๆ

การตกแต่งภายในใช้วัสดุตกแต่งดีมากๆ และเราสัมผัสได้ตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงแรม จนมาถึงในห้องเลยค่ะ แม้การออกแบบอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ทุกมุมเป็นความหรูหรา มีความคลาสสิก และจัดเลย์เอาท์ได้ดี

เครื่องนอนสัมผัสดีมากๆ รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่กลับมาถึงเตียง อุณหภูมิภายในห้องปรับง่าย แอร์เย็นฉ่ำดีมากค่ะ

Welcome Fruits & Snack ที่จัดไว้ในห้อง

มินิบาร์ ที่มีเครื่องชงกาแฟเนสเปรสโซ่ และ ชาจาก Harney & Sons พร้อมแก้ว ถ้วยชาต่างๆ มีแก้วเผื่อเทคอะเวย์ไว้ให้ด้วยค่ะ

สิ่งที่นัทชอบมาที่สุดภายในห้องต้องยกให้ห้องน้ำเลยค่ะ เป็นแบบสามารถเปิดประตูบานเลื่อนได้ทำให้เป็นแบบ Semi-open อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ มีเรนชาวเวอร์และฝักบัว น้ำไหลแรงอุณหภูมิคงที่ ภายในห้องมีของใช้ให้ครบ และนัทประทับใจมากๆ ที่โรงแรมใช้ผลิตภัณฑ์ของ Le Labo ซึ่งเป็นแบรนด์ที่นัทชอบมากค่ะ


Breakfast

ใครที่เป็นสายอาหารเช้าไม่ต้องห่วงเลย เพราะทำได้ดีทั้งแบบตะวันตกและแบบแขมร์เลยค่ะ เนื่องจากอาหารแขมร์มีความคล้ายไทยแต่ไม่เหมือนนะคะ ก็จะทานง่าย ถูกปาก

ไฮไลท์ของที่นี่คือเบเกอรี่โฮมเมดอบสดใหม่ทุกวัน หอมมากๆ มีสลัดสโมคแซลมอน มีเมนูอาละคาร์ทให้ทำสดๆ ทีละจาน อย่างอโวคาโดโทสท์ คืออโวคาโดพูนมากๆ ก๋วยเตี๋ยวก็ดีค่ะ ผลไม้ท้องถิ่นสดๆ น่าทานทุกอย่างเลย


The Dining Room

ที่นี่จริงจังเรื่องอาหารมากๆ และมีเชฟชาวกัมพูชา อย่าง Chef Pisith Theam รวมไปถึงทีมเชฟ มีการศึกษาอาหารขแมร์ และตัวเชฟเองก็เป็นรุ่นที่สามที่ทำสืบทอดกันมาแล้วค่ะ อาหารกัมพูชาที่นี่ใช้วัตถุดิบที่ดี และสื่อสารเรื่องราวของแต่ละภูมิภาคได้ดีมากๆ เมนูมีทั้งแบบ A La Carte และแบบคอร์ส ซึ่งแต่ละคอร์สเชฟจะนำแรงบันดาลใจมาจากจังหวัดต่างๆ ของกัมพูชา ทำให้เราได้รู้จักประเทศนี้มากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ทางห้องอาหารยังมีโชว์อัปสราทุกวัน เป็นหนึ่งในไฮไลท์ ที่หากใครหามื้อดีๆ ที่เสียมเรียบก็ไม่ควรพลาดที่นี่เลยค่ะ


Swimming Pool

สระว่ายน้ำที่นี่มีสองสระนะคะ อยู่คนละชั้นและคนละจุดด้วย ดีไซน์สวยทั้งสองสระเลย

ชั้นบนจะมีเป็น Free-Form Pool ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำรูปทรงอิสระที่ตกแต่งให้ลื่นไหลไปกับสวนอันร่มรื่น มีกลิ่นอายทรอปิคอล และในแต่ละดีเทลก็จะมีลายเส้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะขแมร์อยู่ค่ะ มีโซนที่เป็นสระเด็ก และ จากุซซี่ด้วย

สระว่ายน้ำชั้นล่างจะเป็น Lap Pool ซึ่งเป็นสระมาตรฐานที่ว่ายจริงจังได้เลย แต่สระสวยมากๆ มาเล่นน้ำผ่อนคลายก็ได้ มิติของกรอบซุ้มตรงนี้ คือถ่ายรูปออกมาสวยมากค่ะ


The Glasshouse Deli Patisserie

คาเฟ่แนวฝรั่งเศสที่อยู่บริเวณด้านหน้าของโรงแรมค่ะ หากใครได้ชิมเบเกอรี่ในไลน์อาหารเช้าแล้วติดใจ ก็อย่าลืมแวะมานะคะ ที่นี่ทำเบเกอรี่เองทุกอย่าง รวมไปถึงไอศครีมก็ทำเองค่ะ มีชุดอาฟเตอร์นูนที และ เมนูอาหารแบบอิ่มๆ เลย

จริงๆ นัทตอนแรกนัทแวะมาดื่มกาแฟกินขนม แต่ทางร้านบอกว่า มีเชฟคนเกาหลีอยู่ และแนะนำให้ลองเมนูไก่ทอดเกาหลี ซึ่งอร่อยมากกกกก ดีทั้งไก่ทอดเกาหลี แซนวิชเนื้อบูลโกกิ เลยค่ะ พวกเครื่องดื่ม นอกจากกาแฟแล้ว ยังมีน้ำผักผลไม้สดที่แนะนำมากๆ ค่ะ


The Spa at Park Hyatt Siem Reap

ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ ยังเป็นที่อยู่ของสปา ซึ่งพอเดินเข้ามาแล้วบรรยากาศผ่อนคลายมากๆ เลยค่ะ มีสะพานผ่านบ่อน้ำ มีเสียงเพลงคลอ รู้สึกสงบ โดยทรีทเม้นท์จะมีทั้งเทคนิคแบบสากล และ การนวดแบบขแมร์ ซึ่งคล้ายการนวดไทย หายเมื่อยแน่นอนค่ะ

นอกจากนี้ ยังมีฟิตเนสให้บริการอีกด้วยนะคะ


Cycling in The City

สิ่งที่โดดเด่นและนัทยกให้เป็นไฮไลท์ของการมาพักที่ Park Hyatt Siem Reap คือ Guest Experience Team ซึ่งทางทีมได้ไปเสาะหาและนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เราได้รู้จักและสัมผัสกับเมืองนี้ให้ได้มากที่สุด

โดยกิจกรรมแรกที่เราไปร่วมคือ Cycling in The City (มีค่าใช้จ่าย 10$++) ซึ่งวันนี้ทางทีมได้ส่งคุณเจย์ หัวหน้าทีมชาวไทยมาพาเราไปค่ะ คุณเจย์รู้จักแทบจะทุกซอกทุกมุมของเมืองเสียมเรียบ และพาเราไปเที่ยวย่านที่ฮิปมากๆ แถววัดโบ มีการพาไปชมเวิร์คช้อป และเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะขแมร์ แวะวัด Damnak ที่ที่มีหอสมุด แวะวัดโบ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ รวมถึงเล่าประวัติต่างๆ เรื่องราวสนุกๆ ให้เราฟัง ตามด้วยการแวะทานอะไรสดชื่นตามคาเฟ่สวยๆ ที่มีทั้งกาแฟท้องถิ่น เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ของชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ค่ะ

นอกจากนี้ หากใครที่ฟิตและชอบปั่นจักรยานมากๆ เค้ามีโปรแกรมไปปั่นจักรยานที่นครวัดด้วยนะคะ หากใครสนใจ คุยกับที่โรงแรมได้เลย


Taste of Cambodia

จากทัวร์ปั่นจักรยาน วันนี้ นัทขอไปทัวร์สายอาหารบ้างค่ะ เนื่องจาก Chef Pisith Theam รวมไปถึงทีมเชฟ ได้มีการศึกษาอาหารขแมร์อย่างจริงจัง ทางทีมเชฟก็จะพาเราออกนอกเมืองไปชมวิถีชาวบ้าน ในการทำเมนูขึ้นชื่ออย่าง Num Banh Chok เมนูที่นิยมทานเป็นอาหารเช้า และเห็นได้ทั่วไปตลอดวันในกัมพูชา

Num Banh Chok ตัวเส้นจะเป็นแนวเดียวกับขนมจีนค่ะ แต่ตัวน้ำแกงจะมีความละมุน ไม่เหมือนกับน้ำขนมจีนที่ไทย อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ของการมาทัวร์นี้ คือการชมการทำขนมจีนเส้นสดแบบวิถีชาวบ้าน เนื่องด้วยทุกวันนี้ การผลิตเส้นเริ่มไปใช้โรงงานกันเยอะแล้ว นัทเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ ว่าเส้นขนมจีนเค้าทำกันยังไง ทำไมเรียก rice noodle และทำไมถึงออกมาเป็นแบบที่เราทาน

ซึ่งตอนเริ่มทัวร์ ทางเชฟจะพาไปเดินตลาดกลางเมืองเสียมเรียบกันก่อนค่ะ ที่นี่ก็จะมีวัตถุดิบสดใหม่มากมาย ผักผลไม้จะเหมือนกับที่ไทย แต่ก็มีบางอย่างที่นัทไม่เคยเห็นเช่นกันค่ะ ข้าวที่นี่มีหลายชนิดมากๆ และ ข้าวกัมพูชาได้รับรางวัลค่อนข้างเยอะ ข้าวสวยที่นี่คืออร่อยค่ะ

อย่างในตลาดนี้ ก็จะมี Num Banh Chok เช่นกัน

จากนั้นเราก็จะไปบ้านที่อยู่นอกเมือง เป็นคนละบรรยากาศกับในเมืองเสียมเรียบเลยค่ะ เราจะไปดูขั้นตอนการทำขนมจีนจริงๆ ว่าถ้าไม่มีอุตสาหกรรมหรือโรงงาน แล้วเมื่อก่อนชาวบ้านที่เค้าทำขายเค้าทำยังไง

ก่อนอื่นเค้าจะนำข้าวไปแช่ และนำมาบดในโม่หิน เสร็จแล้วจึงนำไปนวด จริงๆ มันหลายขั้นตอนและใช้ความเชี่ยวชาญพอสมควรเลย

จากนั้นนำไปต้ม ขึ้นมาก็จะเป็นขนมจีน ซึ่งนัทแอบชิม เส้นนุ่ม ลื่น แบบรสสัมผัสดีมากๆ เลยค่ะ ทางเชฟบอกว่า อยากให้มาชมจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าบ้านแบบนี้เค้าจะเลิกทำเมื่อไหร่ แล้วมันเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการกินของที่นี่ แต่ตัวเส้นที่เสิร์ฟในโรงแรมจะต้องมาจากซัพพลายเออร์ที่มีใบรับรองมาตรฐานต่างๆ ของโรงแรมค่ะ

มีขนมจีนแล้วก็ต้องมีภาชนะด้วย ระหว่างทางกลับ ทางโรงแรมก็จะพาเราแวะ Khmer Ceramics & Fine Arts Centre เป็นโรงเซรามิคที่อนุรักษ์การทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีเทคนิคการทำและลวดลายแบบท้องถิ่น

นัทได้ลองปั้นด้วยค่ะ หรือหากใครไม่อยากไปชมการทำขนมจีนแบบเส้นสด ก็สามารถจองทัวร์มาศูนย์เซรามิกได้เช่นกันนะคะ

ภายในทัวร์นี้ จะรวมอาหารเย็นแบบ 3 คอร์สแล้วนะคะ ซึ่งเราก็จะได้ทาน Num Banh Chok เป็นเมนดิช เสิร์ฟพร้อมสตาร์ทเตอร์และของหวานค่ะ ที่นี่เค้าทำตัวแกงเนียนละมุนมากๆ เลย เข้ากับเส้นสดมาก และมีผักทานแกล้มเยอะมากค่ะ


Afternoon Tea at The Dining Swing

จากห้องอาหาร The Glasshouse ที่เราชอบขนมและเบเกอรี่ของเค้ามากๆ ทางร้านมีเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. ซึ่งนัทขอแนะนำให้ทุกคนมานั่งกันที่ชิงช้าอันใหญ่ หรือ Swing at The Dining Room วิวคอร์ทยาร์ด ที่ชิลล์มากๆ ตัวชิงช้านี่คือเป็นโซฟาที่นั่งๆ นอนๆ สบายมากค่ะ สามารถไกวให้มัน swing นิดๆ ชิลล์มาก

ตัวขนมและพวกของว่างคาวก็ทำดีเลยค่ะ นัทชอบ Tartine ของเค้ามาก มีหน้า สโมคแซลมอนอโวคาโด, มะเขือเทศมอสซาเรลล่า, หน้ากุ้งซอสมาโย ส่วนสโคนก็ทำได้ดีเลยนะคะ ขนมหวานที่นัทชอบจะเป็นตัว สตรอเบอร์รี่ชอร์ทเค้ก เนียนมากๆ คัพเค้กก็ดีค่ะ


Suites

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นแล้วว่า ที่นี่มีหลายรูมไทป์ และห้องแบบอื่นก็สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ อย่างห้อง Park Suite นี่นัทชอบมาก เพราะมีห้องน้ำขนาดใหญ่ กว้างขวาง ดูสบายตา

อีกห้องที่นัทชอบคือ Two Bedroom Pool Suite เหมาะสำหรับครอบครัวมากค่ะ เพราะมีสองห้องนอน ห้องนี้จะอยู่ใช้ล่าง มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้อารมณ์เหมือนพูลวิลล่าเลยค่ะ

หากใครอยากมาชม นครวัด-นครทม ซักครั้งในชีวิต นัทขอแนะนำ Park Hyatt Siem Reap (โรงแรม พาร์ค ไฮแอท เสียมเรียบ) เพื่อประสบการณ์การพักผ่อนที่ไร้ที่ติเลยค่ะ


อ่านรีวิวเสียมเรียบกันต่อ!!

25 ที่เที่ยว เสียมเรียบ ที่มีมากกว่า นครวัด (โบราณสถาน-คาเฟ่-ร้านอาหาร-ทะเลสาบ)

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: