[รีวิว] Hoshino Resorts RISONARE Tomamu สกีรีสอร์ทกิจกรรมแน่น ไม่ต้องเล่นสกีก็สนุกกับหิมะได้
ใครอยากเล่นหิมะ หรือ อยากลองเล่นสกี เดินทางสะดวก ครบวงจร ขอแนะนำ Hoshino Resorts Tomamu Hokkaido (โฮชิโนะ รีสอร์ท โทมามุ) สกีรีสอร์ทชื่อดังในฮอกไกโด ที่เรียกได้ว่าทั้งรีสอร์ทเป็นเมืองขนาดย่อมๆ และแม้คุณจะไม่เล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด ก็สามารถมีกิจกรรมทำตลอดหลายวัน ได้สัมผัสหิมะพร้อมวิวสวยๆ สมใจแน่นอนค่ะ
ไฮไลท์ที่นี่มีตั้งแต่ กระเช้ากอนโดล่าที่พาเราขึ้นไปบนยอดเขา, คาเฟ่ธีมเมฆที่ขนมน่ารักมากกก, Cloud Bar/Cloud Walk ที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ, ร้านอาหาร 20 กว่าแห่งภายในรีสอร์ท, Ice Village หรือหมู่บ้านน้ำแข็งที่มีโชว์ดอกไม้ไฟทุกวัน, เส้นทางสกีและสโนว์บอร์ดแบบ Ski-in Ski-out สำหรับทุกระดับ, ห้องกว้าง 100 ตร.ม. ที่มีซาวน่าและอ่างใหญ่ในห้องทุกห้อง, สระว่ายน้ำแบบ Wave Pool ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
Hoshino Resorts Tomamu
หากทุกคนที่พูดถึงฮอกไกโด หลายคนอาจจะนึกถึง Niseko ซึ่งต้องไปทางซ้ายจากสนามบิน New Chitose แต่วันนี้เราขอพามาทางขวา มากันที่เมือง Tomamu ซึ่งเป็นที่อยู่ของ Hoshino Resorts Tomamu ที่เรียกว่าทั้งบริเวณเป็นของรีสอร์ทเพียงแห่งเดียว แต่มีเส้นทางสกีถึง 29 เส้นทางเป็นของตัวเอง
นั่นหมายความว่า ฝั่งโทมามุจะถือว่าวุ่นวายน้อยกว่าฝั่งนิเซโกะที่มีโรงแรมกว่ายี่สิบแห่งและใช้ลานสกีร่วมกัน
ที่นี่เหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ ค่ะ คู่รัก กลุ่มเพื่อน ครอบครัว เด็ก ผู้ใหญ่ เค้ามีทุกมุมสำหรับทุกคนเลย เรียกว่าเหมาะสำหรับ
– คนที่อยากลองเริ่มเล่นสกี/สโนว์บอร์ด
– คนที่เล่นสกี/สโนว์บอร์ดเป็นอยู่แล้ว
– คนที่ไม่อยากเล่นสกี/สโนว์บอร์ด แต่อยากมีกิจกรรมในเมืองหิมะ
– คนที่ไม่อยากทำอะไรเลย อยากพักผ่อนท่ามกลางวิวภูเขาหิมะ
ที่นี่เปิดตลอดปี ทุกอย่างแทบจะเหมือนกันแค่เปลี่ยนฤดู
– ฤดูหนาว : 1 ธันวาคม – 1 เมษายน : กิจกรรมฤดูหนาว เต็มไปด้วยหิมะ สกีลิฟท์และเส้นทางสกีเปิดทั้งหมด มีหมู่บ้านน้ำแข็ง มีการเล่นสโนว์โมบิล วิวภูเขาหิมะอลังการ
– ฤดูร้อน : 26 เมษายน – 1 พฤศจิกายน : เส้นทางสายดอกไม้แห่งฮอกไกโด ลานที่เคยเต็มไปด้วยหิมะจะกลายเป็นสวนดอกไม้ มีฟาร์มพร้อมบรรยากาศเขียวขจีให้เราได้พักผ่อน มีกิจกรรมล่องแก่ง คาเฟ่บนภูเขากลายเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกชื่อดัง
*เรื่องวันเปิดปิดซีซั่นแต่ละปีเช็คบนเว็ปไซต์ของรีสอร์ทอีกทีเพื่อความชัวร์นะคะ
สุดท้าย ที่ Hoshino Resorts Tomamu จะแยกเป็น 2 โรงแรม คือ
1. RISONARE Tomamu อันนี้คืออันที่เราพักค่ะ ถือเป็นโรงแรมหรู ทุกห้องกว้าง 100 – 120 ตร.ม.
2. Tomamu The Tower จะเป็นโรงแรมที่เน้นความสะดวก ราคาจะดีกว่า ขนาดห้องเริ่มต้น 24 ตร.ม.
วิธีการเดินทาง
สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ สนามบิน New Chitose Airport (CTS) สนามบินหลักของฮอกไกโดอันเดียวกับที่ใช้เดินทางไปซัปโปโรเลยค่ะ
หากเช่ารถขับ จะใช้เวลาขับประมาณ 1 ชม. 40 นาทีค่ะ ทางด่วนขับง่าย แม้เป็นช่วงหิมะตก ทางด่วนจะค่อนข้างเคลียร์ค่ะ มีมาขับบนหิมะจริงๆ ในรีสอร์ท แต่ร้านเช่ารถส่วนใหญ่เค้าจะให้เป็น Snow Tire อยู่แล้ว ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ข้อดีของการเช่ารถคือ ไม่ต้องห่วงตารางเวลารถไฟ และ เวลาอยู่ในรีสอร์ท ก็ไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องใช้ Shuttle Bus ได้ค่ะ
แต่หากไม่สะดวกเช่ารถ อีกวิธีที่สะดวกมากๆ คือรถไฟ มันจะต้องเปลี่ยน 1 ครั้ง คือ จากสนามบิน New Chitose ไปที่สถานี Minami Chitose ซึ่งห่างกันแค่ 1 ป้าย 3 นาที จากนั้นจะเป็นรถไฟจาก Minami Chitose ไปสถานี Tomamu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งรอบรถไฟจะมีทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง
พอไปถึงสถานีรถไฟ Tomamu ทางรีสอร์ทจะมีรถ Shuttle Bus มาสแตนด์บายตามรอบรถไฟเลยค่ะ เค้าก็จะรอรับกระเป๋าทุกคน แล้วก็ไปรับกระเป๋าที่ล็อบบี้ได้เลย จากสถานีไปถึงรีสอร์ทนั่งบัส 5-10 นาที ขากลับก็เหมือนกัน ให้บอกที่รีเซปชั่นคืนก่อนเช็คเอาท์ว่าเราจะไปขึ้นรถไฟรอบไหน แล้วเค้าจะจองชัทเทิลบัสและบอกให้เรามารอที่ล็อบบี้ตามตารางเวลาค่ะ
เวลาอยู่ในรีสอร์ท ก็จะมี Shuttle Bus ตลอด ประมาณ 3 ครั้งต่อชม. แต่บางจุดที่มันอยู่ถัดกัน นัทก็เดินเอาค่ะ เค้าจะมีทางเดินกระจกแบบนี้ มันสวยมากเลยนะคะ
RISONARE Tomamu
ขอพามาชมห้องพักกันก่อนนะคะ อย่างที่บอกว่า RISONARE Tomamu จะเน้นมาเพื่อการพักผ่อน ทุกห้องภายในอาคารจะเป็นห้อง Suite ที่มีขนาดเริ่มต้น 100 ตร.ม. ทั้งหมด พักได้ตั้งแต่ 2-6 คน เวลากดจองก็จะสามารถเลือกรูปแบบห้องว่าพักกี่คน
โดยทุกห้อง มีอ่างอาบน้ำจากุชชี่ขนาดใหญ่อยู่ติดหน้าต่างกระจกบานโต เห็นวิวกว้าง เลย์เอาท์แบบนี้ทุกห้องเลยค่ะ มีซาวน่าในตัวทุกห้อง
ห้องนั่งเล่นแยกกับห้องนอน และห้องน้ำก็ยังแยกกับห้องสุขา แถมยังมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอีกด้วย
ภายในห้องนอน จะมีเตียง 4 ฟุต 2 เตียง นอนสบายมากๆ มีชุดโซฟานั่งเล่นในห้องนอน และมีการเตรียมชุดนอนไว้ให้ด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ครบครัน ทั้งสบู่แชมพู ที่ประทับใจคือมี สกินแคร์ พวกที่ล้างเครื่องสำอาง โลชั่นทาหน้า ไว้ให้ด้วยค่ะ มาตัวเปล่าได้เลย มีผงแช่น้ำ หวี มีดโกน สำลี คอตตอนบัต ทุกอย่างครบ
สำหรับมินิบาร์จะมีน้ำเปล่า และ ชุดชากาแฟ โดยพวกเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ เครื่องกาแฟ จะอยู่ที่เลาจ์ส่วนกลางที่มีห้องสมุด ตรงนั้นก็คือไปนั่งเล่น และแวะดื่มเครื่องดื่มได้ตลอดเลยค่ะ
Terrace of Frost Tree and KUMO Cafe
ไฮไลท์แรกของวัน วันนี้เรามาเริ่มกันจาก Resort Center เพราะที่นี่ เป็นทั้งจุดรวมสกีลิฟท์ไปเส้นทางสกีที่ยาวที่สุดของโทมามุ และหากใครไม่เล่นสกี ก็สามารถขึ้นกระเช้า Gondola ไปกลับ เพื่อขึ้นไปเที่ยวยังจุดต่างๆ บนเขาได้ หรือจะขึ้นไปแล้วเล่น Snow Kart ลงมาก็ได้ค่ะ
สำหรับค่าขึ้นกระเช้ากอนโดล่า จะอยู่ที่ 2,200Yen แต่ว่าถ้าจองห้องพักแบบมีตั๋วสกีลิฟท์ ก็สามารถใช้พาสขึ้นได้เลยนะคะ
*ตั๋วสกีลิฟท์ จะมีหลายแบบ เช่นแบบเหมาวัน, แบบ 4 ชั่วโมง, แบบหลังบ่ายสาม เป็นตั๋วสำหรับคนที่จะมาเล่นสกีค่ะ เพราะจะสามารถขึ้นสกีลิฟท์ทุกเส้นทางได้ ซึ่งสกีลิฟท์มันคืออันที่นั่งหย่อนขาอ่ะค่ะ จะไม่เหมือนกระเช้ากอนโดล่าสีเหลืองๆ และสกีลิฟท์นั้น จะขึ้นไปได้อย่างเดียว ลงไม่ได้ ต้องลงโดยสกีหรือสโนว์บอร์ดเท่านั้น ตั๋วสกีลิฟท์เหมาทั้งวันจะตกวันละ 7000Yen พูดง่ายๆ ก็คือค่าเข้ามาเล่นสกีต่อวันแหล่ะค่ะ
เราขึ้นมาบนกอนโดล่าแล้ว ใช้เวลาประมาณ 13 นาที ก็จะถึงอาคารด้านบน ซึ่งอาคารหลัก เค้าตั้งชื่อว่า Terrace of Frost Tree หรือ Muhyo Terrace เพราะในช่วงที่เย็นจัดมากๆ ต้นไม้จะถูกน้ำแข็งเกาะกลายเป็นสีขาวระยิบระยับ และบางวันเค้าจะมีโชว์ไฟด้วยค่ะ อย่างปกติกอนโดล่าจะเปิดถึงแค่บ่ายสามโมง แต่วันที่มีจัดไฟกับ Frost Tree เค้าจะเปิดช่วงเย็นด้วย ต้องเช็ควันบนเว็ปค่ะ
และลานเดียวกันนี้ ในช่วงฤดูร้อน เค้าจะเปลี่ยนเป็นชื่อ Unkai Terrace หรือ ระเบียงแห่งทะเลหมอก เพราะเค้าดังเรื่องวิวทะเลหมอกมากๆ ค่ะ นั่นทำให้ คาเฟ่ที่อยู่ด้านบนนี้ จึงเป็นธีมก้อนเมฆนั่นเอง
เรากำลังพูดถึง KUMO Cafe เพราะคำว่า Kumo แปลว่า เมฆค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนคาเฟ่ลอยฟ้า อากาศข้างในอบอุ่น มาแวะทานขนมน่ารักๆ กาแฟ หรือ ซอฟท์ครีมรูปก้อนเมฆ (Cloud Soft Serve) นัทแนะนำสุดเลย ราคา 700Yen ส่วนเครื่องดื่มร้อนจะอยู่ที่ 600Yen และ เครื่องดื่มเย็น 700Yen นอกจากนี้ก็อาจจะมีเมนูพิเศษอื่นๆ ด้วยค่ะ แต่ข้างบนนี้ไม่มีอาหารเสิร์ฟนะคะ
เดินออกจาก Terrace of Frost Tree มา เราก็ตรงไปยังจุดถ่ายรูปที่น่ารักมากๆ อย่าง Cloud Bar เก้าอี้บาร์ตัวยักษ์วิวอลังการ และ Cloud Walk ทางเดินลอยฟ้า 200 เมตร ที่ให้เราได้เห็นวิวรีสอร์ทโทมามุด้านล่าง เหมือนภาพวาดเลยค่ะ
พอเดินเล่นเสร็จแล้ว ใครจะกลับโดยกอนโดล่าก็ได้เลยนะคะ ใช้ตั๋วอันเดิม แต่เราเช่า Snow Kart 4200 ขึ้นมาด้วย (มันคือรถเลื่อนบนหิมะ ซึ่งเราต้องแบกขึ้นมาเองค่ะ เช่าจาก Resort Center ข้างล่าง นัทก็เอาขึ้นมาจอดไว้ตรงข้างนอกหน้าคาเฟ่แหล่ะ)
ความพิเศษของ Snow Kart คือการได้แล่นไปบนหิมะ ในเส้นทางเดียวกับเส้นทางสกีและสโนว์บอร์ด ซึ่งสำหรับคนที่เล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดไม่เป็น นี่คือประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ เราจะค่อยๆ ไหลลงมา มีลมโชยๆ วิวสวยอลังการ มันดีมากๆ ค่ะ เค้าให้เราใช้เส้นทาง 4200 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาวที่สุด มีป้ายบอกตลอดทาง ตรงกลางทางมีคาเฟ่ Mt Cafe SOL ด้วย เป็นเหมือนจุดพักกลางทางสำหรับคนเล่นสกี ซึ่งนัทเพิ่งรู้ว่า การมาเล่นสกีมันมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะ และเป็นทริปพักผ่อนจริงๆ การเล่น Snow Kart ก็ทำให้เรายิ่งอยากเรียนสกีไปอีกค่ะ
สำหรับค่าเช่า Snow Kart จะอยู่ที่ 3000 Yen และถ้ามีตั๋วสกีลิฟท์ จะอยู่ที่ 2000 Yen เท่านั้นค่ะ
กลับมาถึง Resort Center ส่วนอื่นๆ ก็จะมีร้านอาหารที่เป็นแนวฟู้ดคอร์ทนะคะ ร้านข้าวหน้าหมูอร่อยมากๆ มีกลิ่นหอมไหม้ ราเมงก็น่ากินค่ะ มีร้านกาแฟ มีร้านขายอุปกรณ์สกีเล็กๆ และมีจุดเช่าอุปกรณ์ด้วยค่ะ
ICE VILLAGE
หมู่บ้านน้ำแข็งที่เปิดเฉพาะช่วงเย็น เหมือนเข้าไปอยู่ในวินเทอร์วันเดอร์แลนด์เลยค่ะ เในหมู่บ้านจะเต็มไปด้วยโดมน้ำแข็ง ล้อมด้วยป่าสนที่มีหิมะเกาะอยู่ ซึ่ง Ice Village นี้ จะเปิดช่วงกลางธันวา ถึง กลางมีนา (โดมรูป Igloo ทำมาจากน้ำแข็งจริงๆ ดังนั้นวันที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ฮอกไกโดด้วยค่ะ) เวลา 17.00 – 22.00 น.
ผู้ที่พักที่ Hoshino Resorts Tomamu จะมีคูปองเข้าฟรีตลอดการเข้าพักอยู่แล้ว แต่หากใครมาเที่ยวเป็นเดย์ทริปจะมีค่าเข้า 600 Yen ค่ะ
ที่นี่สนุกมากกกก ไฮไลท์แรกที่ไม่อยากให้พลาดคือโชว์ดอกไม้ไฟที่มีทุกวัน เวลา 19.30 น. เป็นโชว์สั้นๆ แต่สวยงามค่ะ
ลานตรงกลางที่เราเห็นนั่นคือลาน Ice Skate (ค่าเช่ารองเท้าสเกต 1,200 Yen) ซึ่งนัทชอบมากกกกก เพราะปกติเป็นคนชอบลานไอซ์สเก็ตกลางแจ้ง ในธรรมชาติ มากกว่าลานสเก็ตในเมืองหรือในร่มอยู่แล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่ลานสเก็ตกลางแจ้งในป่าที่ได้ไปเล่น มักจะเกิดมาจากทะเลสาบแข็งตัวตามธรรมชาติซึ่งมันจะไม่ค่อยเรียบและคอนโทรลยาก ทำให้ชอบที่นี่มากๆ ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ก็มี Ice Slide สไลเดอร์น้ำแข็งที่เล่นได้ฟรีๆ เลยค่ะ มีซิปไลน์ข้ามลานไอซ์สเก็ตด้วย (ฟรีสำหรับแขกผู้เข้าพัก)
ภายในโดมในหมู่บ้านยังมี ร้าน Ice Ramen หรือ ราเมงน้ำแข็ง ซึ่งมันดีกว่าที่คิดมากๆ ปกติเรากินราเมงต้องรีบเดี๋ยวหายร้อน อันนี้คือ ต้องรีบเหมือนกันเพราะเดี๋ยวราเมงแข็ง! ในรูปที่ทุกคนเห็นเกร็ดน้ำแข็งเพราะถ่ายรูปนานค่ะ จริงๆ เค้าจะเสิร์ฟเป็นของอุณหภูมิห้องแล้วกินเลยฟีลโซบะเย็น
อีกไฮไลท์คือ Ice Bar บาร์ในโดมน้ำแข็งที่เสิร์ฟค็อกเทลในแก้วน้ำแข็ง สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีโรงแรม ซุปเปอร์มาร์เก็ตน้ำแข็ง ไอซ์เธียร์เตอร์ ไอซ์เชฟที่เสิร์ฟอาหารทานเล่น และยังมี Ice Chapel ไว้สำหรับถ่ายรูปแต่งงานด้วยนะคะ
Ski & Snowboard
จากนี้ไป นัทจะพิมพ์แค่ว่าสกีนะคะ แต่เวลาพูดถึงสกี ก็คือรวมทั้งสกีและสโนว์บอร์ดค่ะ คือค่าเรียน ค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าลิฟท์มันเท่ากันค่ะ
– การเล่นสกี
สำหรับคนที่เล่นสกีเป็นแล้ว จุดเด่นของที่นี่คือเค้าอนุญาตให้คุณลงแบบนอกเส้นทางได้ค่ะ (เรียกว่า Backcountry skiing / Off-piste skiing) ไม่ใช่ทุกที่ที่ให้ทำได้นะคะ สำหรับใครที่ชอบแนวนี้ ห้ามพลาดเลยค่ะ
ส่วนคนที่เล่นสกีปกติ ที่นี่มีเส้นทางสกีอยู่ 29 เส้นทาง ตั้งแต่ง่ายไปจนถึงยาก โดยมีเนินฝึกหัด 1 เส้นทาง, beginner 10 เส้นทาง, intermediate 14 เส้นทาง และ advanced 4 เส้นทาง
ทั้งหมดนี้เข้าถึงได้ด้วย Ski Lift 5 อัน และ กอนโดล่า 1 อันค่ะ
ทุกเส้นทางสกี อาคาร Risonare ที่เราพัก และ อาคาร The Tower รวมไปถึง Resort Center และ Hotalu Street ที่เป็นกลุ่มร้านอาหาร ออกแบบมาให้เป็นแบบ Ski-in Ski-out สามารถคอนเนคถึงกันหมดได้โดยการสกีค่ะ
หากใครไม่รู้จักคำว่า Ski-in Ski-out คำว่า Ski-in คือ สกีมาถึงประตู ถอดสกีไว้ที่รางเก็บสกีตรงประตูทางเข้าออก แล้วก็ขึ้นโรงแรมหรือเข้าร้านอาหารได้เลย ส่วน Ski-out ก็เช่นกัน เดินลงมาจากห้องหรือออกจากร้านอาหาร ใส่สกี แล้วสกีไปขึ้นสกีลิฟท์ แล้วเล่นสกีลงมากลับมาที่ประตูโรงแรม พร้อมขึ้นห้องได้เช่นกัน
แปลว่า ทั้งหมด ไม่ต้องแบกอุปกรณ์เลยค่ะ คือออกจากตึกโรงแรมด้วยการสกี และกลับเข้ามาที่เดิมด้วยสกีได้เลย ทุกจุดมีจุดจอดสกี/สโนวบอร์ดค่ะ
– การเช่าอุปกรณ์
ภายใน Hoshino Resorts Tomamu จะมีร้านเช่าอุปกรณ์สกีทั้งหมด 3 จุด ในตึก RISONARE, The Tower และ Resort Center ค่ะ ซึ่งใครเล่นเป็นแล้ว เน้นสะดวก ก็เช่าที่ร้านในตึกที่ตัวเองพัก สบายสุดค่ะ อย่างนัทอยู่ RISONARE ก็สกีออกไปขึ้นสกีลิฟท์ตรง The Tower แล้วสกีกลับมาเข้า RISONARE ชิลล์ๆ
แต่ถ้าใครมาเรียนครั้งแรก แนะนำให้ยืมที่ The Tower นะคะ เพราะเป็นที่อยู่ของ Snow Academy หรือ จุดสอนสกีนั่นเอง
สำหรับราคา เค้าจะมีตารางเลยค่ะ ว่าเราจะยืมอะไรบ้าง Full set เลยมั้ย หรือเฉพาะสกีกับบู้ท หรือจะแยกทีละไอเท็ม ก็มีหมดเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ 1 วัน ไปเรื่อยๆ ยิ่งมากวัน ราคาต่อวันก็จะถูกลงค่ะ
ทั้งราคาเช่าอุปกรณ์ ค่าตั๋วสกีลิฟท์ ค่าเรียน เช็คอีกทีได้ที่ > https://www.snowtomamu.jp/winter/en/ski/
– การเรียนสกี
นัทเพิ่งเรียนสกีครั้งนี้เป็นครั้งแรกค่ะ เราเรียนแบบไพรเวท 120 นาที (เรียนได้ถึง 5 คน) ครูสอนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เรียนประมาณ 2 ชม. พอเราคอนโทรลได้ ครูเลยพาไปขึ้นสโลปแรก นัทประทับใจมากกกก
สำหรับคลาสสกี จะมีทั้งแบบกรุ๊ปกับแบบไพรเวท และก็มีสำหรับเด็กด้วยค่ะ ราคากรุ๊ปจอย 4-6 คน จะเริ่มต้นคนละ 6,800¥ และ ราคาไพรเวทอยู่ที่ 19050¥ ค่ะ แต่ละช่วงของซีซั่นก็ราคาไม่เท่ากัน เช็คในเว็ปได้เลยนะคะ
นัทเรียนแค่วันแรก วันอื่นๆ ก็เริ่มขึ้นไปเล่นเองแล้วค่ะ เพราะเค้ามีเจ้าหน้าที่คอยขับสโนว์โมบิลตรวจอยู่ตลอดหากเราต้องการความช่วยเหลือ วิวข้างบนมันสวยมาก และความรู้สึกตอนลมตีหน้ามันดีมากๆ เลยค่ะทุกคน อยากให้มาลองนะคะ
Restaurants
มาอยู่สกีรีสอร์ทสามคืน ทานอาหารไม่ซ้ำกันซักวันเลยค่ะ จริงๆ ที่นี่มีร้านอาหารอยู่กว่า 20+ ร้าน แต่ถ้านับที่ฟู้ดคอร์ทของ Resort Center และใน Foresta Mall ด้วยก็น่าจะมีเกิน 30 ร้านเลย นัทยังได้ลองยังไม่ถึงครึ่งเลยค่ะ ทุกร้านน่ากินมากๆ ที่ได้ลองจะมีประมาณนี้ค่ะ
เวลาเปิดปิดของแต่ละร้าน นัทแนะนำให้เช็คในแผ่นพับซึ่งเค้าให้มาตอนเช็คอินได้เลยค่ะ แล้วในนั้นจะมีเขียนเลยว่า ควรจองล่วงหน้ามั้ย ซึ่งถ้าเค้าแนะนำให้จอง ก็ควรจองนะคะ เพราะร้านเต็มอยู่ค่ะ
Nininupuri น่าจะเป็นร้านที่ฮิตที่สุดในรีสอร์ท เสิร์ฟบุฟเฟต์ทั้งมื้อเช้าและเย็น มาในธีมร้านอาหารกลางป่า ห้องอาหารจะเป็นหน้าต่างกระจกบานโต สวยงามมากๆ ค่ะ ร้านจะตั้งอยู่ระหว่าง RISONARE และ The Tower โดยมีทางเดินเชื่อมจากทั้งสองฝั่งค่ะ
ไฮไลท์มื้อเช้าคือ โทสท์ที่ดีมากกก ข้าวชิราชิด้งแบบไม่อั้น ตอนเย็นมีเนื้อย่าง ซาชิมิ โซบะ ข้าวหน้าหมู และอาหารอีกหลากหลายเลยค่ะ
ราคามื้อเย็น : ผู้ใหญ่ 5,500Yen, เด็ก 7-11 ปี 4,000Yen, เด็ก 4-6 ปี 2,800Yen
ส่วนมื้อเช้าสามารถใช้คูปองอาหารเช้าที่รวมอยู่ตอนจองห้องพักได้ค่ะ
GRILLED AGI ร้านเนื้อย่างที่นัทมาทานอาหารเช้า เพราะร้านอยู่ชั้น 32 ตึกเดียวกับที่เราพักเลย วิวสวยอลังการมากๆ มองเห็นภาพรวมของลานสกีทั้งรีสอร์ท แนะนำให้มานะคะ อาหารเช้าเค้าจะให้เลือกจานหลัก มีสตูว์เนื้อ ข้าวหน้าเนื้อสับ หรือ เบอร์เกอร์เนื้อ แล้วก็จะมีพวกเครื่องเคียงอีกเยอะมากที่ตักได้เรื่อยๆ สตูว์เนื้อนุ่มดีค่ะ ชอบทาโกะดอง สลัดมันฝรั่ง มีขนมหวานปิดท้าย
นัทไม่แน่ใจราคา เพราะใช้คูปองอาหารเช้าที่รวมมาตอนจองห้องพักค่ะ
Buffet Dining ‘hal’ นัทคิดว่า ร้านนี้ทำคล้ายๆ กับ Nininupuri แต่ก็จะมีไฮไลท์ต่างกันนิดหน่อยค่ะ คอนเซปท์ร้านคือ “แซลมอนและปู” ร้านนี้จะตั้งแยกออกไป แต่สามารถเดินไปจาก The Tower ได้ค่ะหรือจะเอารถไปจอดหรือนั่งชัทเทิลบัสไปลงก็ได้ เป็นอีกหนึ่งบุฟเฟต์ที่เปิดทั้งอาหารเช้าและเย็น
เมนูไฮไลท์ – แฮนด์โรลซูชิ, ปลาดิบ หอยเชลล์ และ ปูหิมะ, ปูกราแตง, เนื้อย่าง
ราคามื้อเย็น : ผู้ใหญ่ 5,500Yen, เด็ก 7-11 ปี 4,000Yen, เด็ก 4-6 ปี 2,800Yen
ส่วนมื้อเช้าสามารถใช้คูปองอาหารเช้าที่รวมอยู่ตอนจองห้องพักได้ค่ะ
Otto Sette Restaurant
มื้อที่ประทับใจที่สุด ขอยกให้ห้องอาหาร Otto Sette ที่เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนจากแคว้น Piedmont และ Liguria แต่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลทั้งหมดจากฮอกไกโด ซึ่งนัทชอบหลายจานมากๆ เพราะมีความบาลานซ์ของรสชาติที่ดี ไม่น่าเบื่อตลอดคอร์ส อย่างจานอูหนิ จะเป็น Leek Panna Cotta น้ำมันมะกอกคุณภาพสูง และอูหนิพูนๆ หวานหอมลงตัว
จานชิราโกะนำเสนอเป็น ชิราโกะ Alla Mugnaia โดยนำมาราดเนยและซอสใส่จานร้อนที่โต๊ะ หอมฟุ้ง เสียง sizzling คือผ่อนคลายสุดๆ ตอนแรกนึกว่าจะเลี่ยนหรือคาว แต่ Alla Mugnaia มันก็คือ a la meuniere หนึ่งในวิธีเสิร์ฟปลาที่คลาสสิกที่สุดจริงๆ ส่วนเมนดิชเป็น Ezo Venison และเราเป็นคนชอบทานเกมส์มีทมาก แต่เพิ่งเคยทานกวางฮอกไกโดครั้งแรก เนื้อนุ่มนิ่ม เสิร์ฟกับกะหล่ำสามสไตล์
ในนี้เราจะเห็นโชว์ดอกไม้ไฟ ที่แสดงที่ Ice Village ทุกวันด้วยนะคะ แล้วก็มี non alcoholic drink pairing ที่ดีมากๆ ร้านอยู่ตึกเดียวกับที่เราพักเลย ทานเสร็จก็กดลิฟท์ลงไปนอน
คอร์สละ 13,500 Yen
Hotalu Street
ตรงนี้จะเป็นเวิ้งของร้านอาหารหลายๆ ร้านมารวมกันค่ะ เป็น Ski-in Ski-out Restaurants แห่งแรกของญี่ปุ่น เป็นเหล่าร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสกีเลยค่ะ สามารถสกีผ่านมาแล้วแวะทานได้เลย มีกองไฟให้ผิงไฟด้วย อาหารก็มีร้านหลากหลาย เช่น สเต็ก อาหารอิตาเลียน ร้านราเมง ร้านข้าวด้ง คาเฟ่ ซึ่งในเวิ้งนี้นัทได้ลองแค่สองร้านค่ะ
Garaku ร้านนี้คือร้าน Curry Soup ที่ฮิตและดังจนต้องต่อคิวในซัปโปโร และที่ซัปโปโรก็มีหลายสาขาค่ะ ส่วนสาขานี้คือมีเมนูพิเศษเพิ่มขึ้นมาเช่น ซุปแกงกะหรี่ซีฟู้ด อย่างไรก็ตาม Curry Soup มันไม่ใช่ข้าวแกงกะหรี่นะคะ เป็นอีกเมนูไปเลย คือเป็นแนวซุปแบบซุปไม่ข้นอ่ะค่ะ มีความหอม อร่อยดีค่ะ
Tomamu Wine House แม้ว่าญี่ปุ่นอาจจะไม่ใช่ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ของโลก แต่ไวน์จากฮอกไกโด ก็เป็นหนึ่งในไวน์น่าลอง และที่ไวน์บาร์แห่งนี้ ก็ได้รวบรวมไวน์ท้องถิ่น ที่ปลูกและผลิตในฮอกไกโดมาไว้ให้ได้ลองชิมค่ะ ชอบที่บาร์มีตัวเลือกให้สั่งเป็นแก้วเยอะมากหลายสิบชนิด และแต่ละแก้วก็ราคาน่ารักมากๆ ค่ะ
GAO Activity Center
กิจกรรมยังไม่หมดนะคะทุกคน ยังมีอีก เข้าสู่เซคชั่นสุดท้ายแล้ว เรามากันที่ GAO Activity Center เลย ที่นี่มีทั้ง Snowmobile, Snow rafting ฟีลล่องแก่งเรือยางบนหิมะ และยังมีกิจกรรมขี่ม้า ตกปลา เดินเทรค เยอะแยะมากมาย หลากหลายมากๆ
Snowmobile คือสนุกมากค่ะ เริ่มต้นที่ 10 นาที 3 กม. 3000¥ นัทว่าถ้าเทียบมันคือราคาฟีลพวกเจ็ทสกี
ถ้านั่งเรือยางแบบนี้ เริ่มต้น 2000¥ นัทไม่ได้เล่น แต่คนที่เล่นดูสนุกมากๆ ค่ะ เค้ามีเรือกล้วยแบบบานาน่าโบ้ทด้วย
ตรงด้านหน้าของ GAO Activity Center จะมีคาเฟ่ Farm Design เหมือนกับที่มีสาขาในไทยเลยค่ะ ข้างในน่ารักมากๆ มีเตาผิง เน้นนมฮอกไกโดเช่นกันค่า
Mina-Mina Beach
อีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Mina-Mina Beach เป็นสระมีคลื่น (wave pool) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตอนแรกเราก็งงๆ ว่า ไปถึงญี่ปุ่นไปเล่นน้ำที่ทำเหมือนชายหาดทำไม แต่มันดีมากค่ะทุกคน ฟีลข้างนอกหิมะตกโปรยปราย เราว่ายน้ำเล่นอุ่นๆ นอนลอยคอบนห่วงยางได้เลย คลื่นซัดเรื่อยๆ ชิลล์มากกกกก
นัทว่า ความสวยมันอยู่ที่ดีไซน์ที่เป็นกระจกทั้งหมด ดังนั้น ภาพภายนอกก็ยังเป็นวิวหิมะ แต่ด้านในเป็นชายหาด ในนี้มีให้ยืมชุดว่ายน้ำ มีร้านขายของ คาเฟ่ มีให้เช่าของเล่นพวก Pool Float แบบเอามาเปลี่ยนกี่แบบก็ได้ (1,100 Yen) มันน่ารักมากกกก นอกนี้ยังมีแพดเดิลบอร์ดให้เช่าพายด้วยนะคะ เจ๋งมาก
นอกจากนี้เค้ายังมีบ่อน้ำร้อน (หน้าตาเหมือนออนเซน แต่เค้าไม่ยอมเรียกว่าออนเซน เพราะเค้าถือว่า ไม่ได้ขุดน้ำแร่มาจากธรรมชาติ) ซึ่งห้ามถ่ายรูป สามารถไปดูในเว็ปนะคะ
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ด้วยความที่ Hoshino Resorts Tomamu เป็นเหมือนหมู่บ้านหรือเมืองของตัวเองที่มีครบทุกอย่าง ที่นี่ยังมี ห้องสมุด มีเลาจ์ที่เสิร์ฟน้ำตลอด มีโซนเด็กเล่น มีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายอุปกรณ์สกี มีตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ และ มี ตู้ ATM อีกด้วยค่ะ
สิ่งที่ไม่มีอย่างเดียวจริงๆ คือ ร้านขายยา ดังนั้น พวกยาสามัญพื้นฐานต้องเตรียมมาเองนะคะ แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุอื่นๆ เค้าจะมีทีมปฐมพยาบาล และ เจ้าหน้าที่คอยตรวจตราลานสกีอยู่ตลอดค่ะ
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินไปฮอกไกโดราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com หรือ Trip.com < คลิ๊กได้เลยนะคะ
ส่วนรถเช่า นัทเช่าผ่าน Klook : ทางไปจอง คลิ๊กที่นี่เลย!
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com