[รีวิว] Four Seasons Hotel Bangkok (โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ) พักผ่อนริมแม่น้ำในบรรยากาศรีสอร์ทหรูระดับโลก
ท่ามกลางความคึกคักของถนนเจริญกรุงที่มีประวัติศาสตร์คู่กับกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน มีโรงแรมระดับโลกที่ถูกดีไซน์ให้กลายเป็นเหมือนโอเอซิสแห่งการพักผ่อน ที่ที่เต็มไปด้วยสวนสีเขียว ผลงานศิลปะ วิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และ ดีไซน์คอนเซปท์ที่เชื่อมโยงกับการไหลของสายน้ำ เรากำลังพูดถึง โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) โรงแรมที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในกรุงเทพฯ ในช่วงปีที่ผ่านมา
หากพูดถึงเครือโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์แล้ว ไม่ว่าจะไปตั้งอยู่ส่วนไหนของโลก ก็จะผสมผสานกับสเน่ห์ของท้องถิ่นจนมีเอกลักษณ์เฉพาะไปในแต่ละสาขา ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในพระราชวังที่ปารีส, บูดาเปสท์, อิสตันบูล, ฟลอเรนซ์, หรือจะเป็นโรงแรมที่พาเราไปสำรวจมุมต่างๆ ในโลก ทั้ง เซเรนเกติ, เชียงราย, โบราโบรา, เกียวโต, มาราเกช, หรือซิตี้โฮเทล โรงแรมกลางเมืองในโลเคชั่นที่ดีที่สุดอย่างที่ฮ่องกง หรือ นิวยอร์ค …ทั้งหมดนี้คือโรงแรม Four Seasons ที่เราเชื่อว่าเป็นโรงแรมในฝันของใครหลายๆ คนทั่วโลกรวมถึงตัวเราเองด้วยค่ะ
แล้ว Four Seasons ที่กรุงเทพฯ มีจุดเด่นอะไร? นอกจากเรื่องของห้องพักและการบริการแล้ว เราให้สามส่วน คือ 1. คอนเซปท์การตกแต่ง 2. ห้องอาหาร และ 3. The Urban Wellness Centre
พูดถึงคอนเซปท์การตกแต่งกันก่อนนะคะ คอนเซปท์การตกแต่งที่นี่จะเป็นแนวคิดแบบ Urban Resort นำความผ่อนคลาย สีเขียว สายน้ำ มาอยู่ใจกลางเมืองที่สุดแสนจะโมเดิร์น แค่ก้าวเข้ามา เรารู้สึกได้เลยค่ะ ว่า เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลก เงียบสงบมากจริงๆ ค่ะ ส่วนสิ่งที่เราชอบมากๆ คือ ผลงานศิลปะที่ตกแต่งอยู่ได้อย่างสวยงามลงตัว เข้ากับเรื่องราวที่เกี่ยวกับสายน้ำ ผู้ออกแบบได้ curate งานศิลปะออกมาไม่แพ้อาร์ตแกลเลอรี่ดังๆ ของโลกเลยค่ะ เฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกชิ้น วัสดุอย่างดี และ คิดมาอย่างละเอียดมากเลยค่ะ แค่ไปเดินชมของพวกนี้ เราเดินอยู่เกือบชั่วโมงเลยทีเดียว — เราชอบที่มันสื่อถึงเรื่องราวของความเป็นกรุงเทพฯ ชีวิตริมน้ำ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาบ้านทรงไทย หรือ ลายไทยมาใส่เลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนที่สองคือ ห้องอาหาร ที่ยกระดับแวดวงอาหารของกรุงเทพฯ ขึ้นไปอีกขั้น ทั้ง Yu Ting Yuan ห้องอาหารจีนกวางตุ้งที่ยกทีมเชฟอิมพอร์ทเหมือนวาร์ปไปฮ่องกง, Riva del Fiume อาหารอิตาเลียนจากเหนือจรดใต้ ที่ได้ทีมเชฟยกกันมาจากอิตาลีเน้นๆ, Brasserie Palmier อาหารฝรั่งเศสในบรรยากาศสบายชวนนั่ง แล้วยังมี BKK Social Club บาร์ค็อกเทลที่เพิ่งคว้าอันดับ 90 บาร์ที่ดีที่สุดในโลก จากการประกาศรางวัล World’s 50 Best Bars 2021 ในปีนี้อีกด้วย
สุดท้ายคือ The Urban Wellness Centre ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เราได้มีโอกาสไปใช้บริการฟิตเนส และ เข้าคลาสที่สระว่ายน้ำ กันมาก่อนล็อคดาวน์ ตอนนั้นทางโรงแรมจัดคลาส Singing Bowl หรือการใช้คลื่นเสียงจากขันทิเบตในการทำสมาธิ และ บำบัดเราออกจากความวุ่นวาย ซึ่งตอนแรกเราเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้เข้าคลาสนี้แล้ว เป็น 45 นาที ที่รู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มอิ่มอย่างมหัศจรรย์ทีเดียวค่ะ
เกริ่นมายาวมากๆ ตามเราเข้ามาชมห้องพัก และ การไป Staycation ที่ Four Seasons Hotel Bangkok กับเราเลยค่ะ
Premiere River View
โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) มีห้องพักทั้งหมด 299 ห้อง โดยเริ่มต้นที่ห้อง Deluxe Room, Deluxe River-View Room และ Premiere River View ซึ่งเป็นห้องขนาด 50 ตร.ม. เลย์เอาท์เดียวกัน แต่ต่างกันที่วิวค่ะ โดยห้องแบบที่เราพักจะเป็น Premiere River View ซึ่งเห็นวิวพาโนรามาของแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเต็มๆ เลยค่ะ
ส่วนห้องไทป์ถัดไปจะเป็นห้อง Suite ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 77 ตร.ม. ไปจนถึง Presidential Suite 450 ตร.ม. เลยค่ะ
รายละเอียดของการตกแต่งภายในห้องพัก ก็ยังคงรักษาความสวยงาม หรูหราเอาไว้ เป็นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่ดูอบอุ่น และ อยู่สบาย หน้าต่างเต็มบานแบบ Floor-to-Ceiling ทำให้เห็นวิวสวยๆ ของริมน้ำ สามารถชมพระอาทิตย์ตกจากห้องนอนได้เลย
เราคงไม่ต้องพูดถึงเครื่องนอนที่นอนสบาย หมอนทรงสี่เหลี่ยมโลโก้โฟร์ซีซั่นส์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่เราเห็นก็อยากกลับไปพักแล้ว
ภายในห้องมีโซฟาฝั่งโต๊ะทานอาหาร ซึ่งที่นี่ เป็นอีกที่ที่ทำ In-Room Dining ได้ดีมากๆ หากใครไม่สะดวกออกจากห้อง เมนูอาหารตะวันตกของ In-Room Dining ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ
ภายในพื้นที่ 50 ตร.ม. พร้อมเพดานที่ค่อนข้างสูงทำให้เรารู้สึกโปร่งสบาย ทางโรงแรมออกแบบห้องน้ำมาค่อนข้างใหญ่ และเราชอบพื้นที่ส่วนนี้มากค่ะ
Mini Bar ที่มีทั้งเครื่องชงกาแฟ กาต้มน้ำ อุปกรณ์ในการทำค็อกเทล พร้อมค็อกเทลสูตรเด็ดจาก BKK Social Club (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
รายละเอียดที่เราบอกว่าทางโรงแรมเลือกทุกอย่างมาเป็นอย่างดีนั้น รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในห้อง และ ของทานเล่นในมินิบาร์ด้วยค่ะ บ่งบอกถึงความใส่ใจแบบสุดๆ ไปเลย
ของทานเล่น เราทานเป็นบางอัน แต่อร่อยมากๆ
นอกจากนี้ยังมี Complimentary เป็น ขนม Welcome ที่เหมือนยกมาจาก Patisserie ชั้นดี และ ช๊อคโกแลตเคลือบสตรอเบอร์รี่ กับ แครกเกอร์ต้มยำ ที่เราทานแล้วหยุดไม่ได้
ห้องน้ำที่ให้พืนที่กว้างขวาง อ่างแบบ His & Her บนท็อปหิน พร้อม Bathroom Amenities ครบครัน ที่นี่ใช้ชุดสบู่แชมพูของ Maison Francis Kurkdjian แบรนด์น้ำหอมที่เราชอบมากเป็นอันดับต้นๆ พอเห็นว่าใช้ของแบรนด์นี้ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นหอมๆ เลยค่ะ หอมฟุ้งงง
อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เราชอบมากๆ
ชุดคลุมที่นี่จะเป็นแบบนุ่มนิ่มค่ะทุกคน สบายมากๆ
ของใช้อื่นๆ สามารถติดต่อพนักงานผ่านแท็บเล็ตได้เลยนะคะ รีเควสท์ของใช้ต่างๆ ได้ มีลำโพงไร้สายด้วยค่ะ
Riva del Fiume
Breakfast…
ภายในโรงแรมจะมีห้องอาหารอยู่ 3 ห้องค่ะ ซึ่งเราขอเริ่มจากห้องนี้ เพราะเป็นห้องที่เสิร์ฟอาหารเช้า ส่วนตั้งแต่เที่ยงไปจะกลายไปเป็นห้องอาหารอิตาเลียน ที่ขนเมนูมาจากทุกภูมิภาคของอิตาลี พร้อมเตาอบ wood fired oven ทำให้พิซซ่าที่นี่ดีงามมากค่ะ
เริ่มจากช่วงอาหารเช้า ซึ่งมีที่นั่งทั้งด้านใน ระเบียงริมน้ำ แล้วก็ระเบียงริมสระว่ายน้ำค่ะ ห้องอาหารนี้เป็น Pet-friendly นั่งริมระเบียงคือชิลล์มากๆ เลยค่ะ
อาหารเช้าที่นี่ครบครันและจัดเต็มมากๆ ที่สำคัญคือ selections ของแต่ละหมวด เค้าใช้ของดีและมีให้เลือกเยอะ เช่น Cold cuts กับ ชีส ก็จะมีให้เลือกหลากหลาย และเป็นของดีเลยค่ะ
เบเกอรี่อบใหม่ หอมน่าทานมากๆ ขนมปังแบบอิตาเลียน แยมโฮมเมด puff pastry น่าทานสุดๆ ครัวซองต์อร่อยเลยค่ะ
สลัดก็มีสลัดมอสซาเรลล่า ไปจนถึงส้มตำ มี hummus ดิบต่างๆ แซลมอนชิ้นโต อาหารไทย เกี๊ยวน้ำ โจ๊ก ข้าวต้ม
ผลไม้ก็ไม่ได้มีแค่ผลไม้ไทยค่ะ เราชอบสตรอเบอร์รี่กับบลูเบอร์รี่ เลยชอบมากๆ ที่ที่นี่มีในไลน์อาหารเช้าค่ะ
Lunch and Dinner…
พระอาทิตย์เริ่มตก เราเดินเล่นกันริมน้ำ ก่อนจะมานั่งที่ห้องอาหาร Riva del Fiume อีกครั้ง
อาหารอิตาเลียน คือหัวใจหลักของห้องอาหารนี้ เชฟ Andrea บอกว่า “อาหารแต่ละจานบอกเล่าเรื่องราว ทั้งที่เกี่ยวกับวัตถุดิบ เรื่องราวของครอบครัวและเพื่อนฝูง เรื่องราวของความรัก ในแต่ละสูตรอาหารล้วนสื่อให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ และการพัฒนาที่เกิดขึ้นในห้องครัวทั่วประเทศอิตาลี ผมพยายามอย่างยิ่งในการรักษาแก่นแท้ของอาหารแต่ละจาน ที่คัดสรรมาเสิร์ฟที่กรุงเทพฯ”
ซึ่งเชฟเลือกที่จะใช้วัตถุดิบจากทั่วประเทศอิตาลีจริงๆ ค่ะ ทั้ง Cruschi จาก Basilicata, Capers จาก Sicilia น้ำมันมะกอกคุณภาพเยี่ยม
ส่วนเซคชั่นของเมนูที่เราชอบเป็นการส่วนตัว ต้องยกให้พวก Crudo ค่ะ Crudo คือการเอาอาหารทะเลสดไปแช่หรือหมักหรือบ่ม ตามสูตรของแต่ละเมนู แต่เป็นของที่เราชอบมากๆ และที่นี่ก็มีให้เลือกหลายเมนูเลย ทำได้ดีมากเลยค่ะ
นอกจากนี้ เราขอแนะนำเนื้อ Mayura วากิวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่เลี้ยงในออสเตรเลีย ดีงามมากๆ เลยค่ะ
Yu Ting Yuan
ห้องอาหารนี้ ถือเป็นห้องอาหารซิกเนเจอร์ของโรงแรมเลยค่ะ เป็นห้องอาหารยอดนิยมที่จองยากมากๆ มาตั้งแต่เปิดเลย โดยเฉพาะมื้อเที่ยงซึ่งเสิร์ฟติ่มซำค่ะ
เชฟ Qiu Xiao Gui หัวหน้าเชฟของห้องอาหาร Yu Ting Yuan นั้นเดินทางมาจากกวางโจวเลยค่ะ เป็นเชฟที่เคยได้รางวัลมากมายและมีประสบการณ์จากร้านสองดาวมิชลินสตาร์อยู่แล้วด้วยค่ะ
สำหรับ Yu Ting Yuan ส่วนตัวขอยกให้ของย่างเลยค่ะ หมูหัน หมูแดง ส่วนพวกติ่มซำก็จะเป็นสไตล์ไส้แน่นๆ เต็มคำ ซุปจะรสชาติไปทาง delicate นะคะ รสค่อนข้างเบาแต่มีความซับซ้อนของรสชาติอยู่ อ่อ แล้วก็ puff pastry ขนมอบต่างๆ ดีมากค่ะ
มีเมนูที่อาจจะไม่ยอดฮิตแต่เราชอบกันมากๆ คือ หม่าโผโทฟู ค่ะ มันเนียนมากมีความชานิดๆ เครื่องเทศถูกต้องมากๆ กลับมาทานหลายครั้งแล้วค่ะ
Brasserie Palmier
จากบราสเซอรี่สไตล์ฝรั่งเศส ที่มาตั้งอยู่ในประเทศเขตร้อน ทำให้ Brasserie Palmier ได้นำความสดชื่น ความเขียวชะอุ่ม บรรยากาศสบายๆ ริมแม่น้ำ มานำเสนอพร้อมกับเมนูปลาและอาหารทะเล
เชฟตั้งใจเลือกเมนูต้นตำหรับของฝรั่งเศสที่เข้ากับบรรยากาศของเมืองเขตร้อน และทำออกมาได้ถูกใจเรามากๆ
หอยนางรมสด ไวน์ดีๆ ฟัวกราส์เทรีน ซุปหัวหอม และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ปลาสดสารพัดชนิด ล็อบสเตอร์ หอยแมลงภู่ ที่สดและปรุงออกมาได้ดีมากค่ะ
วันไหนอากาศเย็นๆ แนะนำนั่งเทอเรซข้างนอกเลย อย่าลืมสั่งของหวานด้วยนะคะ
Afternoon Tea at The Lounge
ความพิเศษของอาฟเตอร์นูนทีที่นี่ คือเค้าใส่ใจกับของทุกๆ ชิ้น และ ประสบการณ์ตลอดการทานนั้น เป็นประสบการณ์ที่คล้ายเวลาไปทานอาหารไฟน์ไดนิ่งเลยค่ะ ความปราณีต ละเมียดละไม วัตถุดิบ ทุกอย่างทำออกมาได้ดีมากๆ นี่ไม่ใช่อาฟเตอร์นูนที ที่รวบรวมขนมมาวางรวมกันเยอะๆ แต่เป็นเสมือนคอร์สขนมคาวหวาน ที่คิดมาเป็นอย่างดีเลยค่ะ
BKK Social Club
สุดท้ายในหมวด Dining แต่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ BKK Social Club บาร์ที่กลายมาเป็นร้านโปรดในดวงใจของเราตอนนี้ค่ะ
ล่าสุด ที่นี่ได้รับอันดับที่ 90 บาร์ที่ดีที่สุดในโลก จากการประกาศรางวัล World’s 50 Best Bars 2021 ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เพราะที่นี่มี selection ของลิเคียวและสปิริตที่ใหญ่มากกก มีของหายาก แถมวัตถุดิบที่นำมาผสมเป็นค็อกเทล ก็ผ่านการคิดค้น ทำเองจากเทคนิคต่างๆ จนลงตัวสุดๆ
BKK Social Club ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งมีสีสัน มีความครึกครื้น มีชีวิตชีวา ค็อกเทลซิกเนเจอร์แต่ละแก้วจะมีเรื่องราวและแรงบันดาลใจมาจากที่นั่น
ส่วนตัวนัท ชอบที่สุดคือ แก้วที่เป็น Pina Colada แบบเกือบใส น่าจะเป็น Pina Colada ที่ดีที่สุดที่เคยทานมาแล้วค่ะ ชอบมากๆ
Swimming Pool
สระว่ายน้ำของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ มี 2 แห่งค่ะ คือโซนริมน้ำ ที่มีสระใหญ่ 2 สระ และ สระเด็ก อยู่ด้วยกัน
ส่วนอีกสระนึงจะอยู่ฝั่งฟิตเนส/Wellness Center ซึ่งฝั่งนั้นจะเป็นสระตามมาตรฐาน และใช้ทำคลาสต่างๆ เช่น แอโรบิคในน้ำ โยคะบนแพดเดิลบอร์ด อะไรแบบนี้ด้วยค่ะ
สำหรับสระหลัก บรรยากาศดีมากกกก มีความเขียว ร่มรื่น แล้วก็มีทุกอย่างให้พร้อมเลยค่ะ ทั้งครีมกันแดด น้ำดื่มเย็นๆ ผ้าเช็ดตัว นิตยสาร อ้อ แล้วก็มีของว่างที่สดชื่นสุดๆ ให้ทานด้วยค่ะ
Surrounding
ชมเรื่องการตกแต่งมาเยอะ เลยขอพาชมรอบโรงแรมหน่อย
ตรงนี้จะเป็นโซนล็อบบี้ค่ะ มีการตกแต่งด้วยน้ำ และเปลี่ยนดอกไม้สดอยู่ตลอดเลยค่ะ
เดินจากด้านในลิงค์มาถึงตรง courtyard ก็จะเป็นน้ำสลับกับความเขียวของต้นไม้ บรรยากาศรีสอร์ทและเงียบสงบมากๆ เหมือนไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่เลย
Kids’ Club
สำหรับใครที่พาเด็กๆ มากันเป็นครอบครัวนะคะ ห้อง Kids’ Club ที่นี่น่ารักมากกกกกกก น่ารักจนเราอยากไปเล่นเอง แล้วกิจกรรมเพียบเลยค่ะ
Art Space by MOCA at Four Seasons
แกลเลอรี่แสดงงานศิลปะแห่งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของโรงแรมและ MOCA ค่ะ โดยจะจัดแสดงผลงานศิลปะไปเรื่อยๆ สามารถมาชมได้ไม่มีค่าใช้จ่ายค่า
Charms of Charoenkrung Experience
เป็นคล้ายๆ ทัวร์ 1 วันจากทางโรงแรม (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ซึ่งตอนแรกเราคิดว่า ทำมาเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติแหล่ะ แต่พอได้ลองมาสัมผัส ปรากฎว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยทราบเกี่ยวกับถนนเจริญกรุง และยังมีมุมลับในกรุงเทพอีกมากมายเลยค่ะ
คุณ ธนรัตน์ หัวหน้า Concierge ของโรงแรม ผู้มีประสบการณ์การทำงานกับโฟร์ซีซั่นส์อย่างยาวนาน และมีความผูกพันกับย่านท้องถิ่นย่านนี้ ได้เล่าเรื่องราวของถนนสายแรกของประเทศไทย เล่าเรื่องสนุกๆ ว่าทำไมตรงนี้ตรงนั้นถึงสร้างแบบที่เราเห็น แต่ละจุดมีความหมายว่าอย่างไร และมีเรื่องเล่าที่เราไม่เคยทราบเยอะมากกก
ในการเดินเที่ยวครั้งนี้ เราได้ไปทั้งสตูดิโอ พิพิธภัณฑ์ โรงหนังปริ้นซ์ ระหว่างทางก็ได้แวะทานขนมและเครื่องดื่มอร่อยๆ ก่อนที่จะนั่งเรือชัทเทิลส่วนตัวของทางโรงแรมกลับ ชมวิวสวยๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกด้วยค่ะ
ใครสนใจลองติดต่อโรงแรมดูนะคะ เป็นโปรแกรมที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวเลยค่ะ
สำหรับใครที่อยากพักผ่อนและหาประสบการณ์สุดยอดในกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นที่ที่มาตรฐานสูง คุ้มค่า และจะได้รับประสบการณ์ชั้นเลิศอย่างแน่นอนค่ะ
โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River)
ตั้งอยู่ เลขที่ 300 ถ. เจริญกรุง แขวง ยานนาวา เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120
เว็ปไซต์ : https://www.fourseasons.com/bangkok/
โทร : 02-032-0888