[รีวิว] Banyan Tree Veya Phuket – มากกว่าการพักผ่อน กับโปรแกรมสร้างสมดุลสุขภาพ

หากพูดถึงแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทหรูชื่อดังอย่าง Banyan Tree (โรงแรม บันยันทรี) เราก็จะนึกถึงการพักผ่อน ที่มีการผสมผสานด้านสปาและ wellness มายาวนาน และล่าสุด เครือ Banyan Tree ได้มีการเปิดตัว Banyan Tree Veya (บันยันทรี เวยา) ที่จะผสานการพักผ่อนแบบสุขภาพที่ดี มุ่งเน้นการปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ มีการออกแบบโปรแกรมสุขภาพแต่ละบุคคลอย่างจริงจังเลยค่ะ

เริ่มแรกเลย นี่ไม่ใช่โปรแกรมออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก หรือ detox แต่เป็นการเน้นการสร้างสมดุลของร่างกายและจิตใจ ผ่านการเข้ามาพักผ่อนที่นี่ เราเป็นคนนึง ที่รู้สึกว่าไลฟ์สไตล์เฮลตี้มันยากนิดนีงค่ะ แต่พอได้มาพักผ่อนกับโปรแกรม ของโรงแรม เราก็เปลี่ยนใจเลย มาทำความรู้จัก Banyan Tree Veya กันนะคะ


Banyan Tree Veya

โรงแรม Banyan Tree แห่งแรกในโลกนั้น คือที่ภูเก็ตนี่เองค่ะ และเมื่อเปิดตัว Banyan Tree Veya (บันยันทรี เวยา) ก็เริ่มที่ภูเก็ตเช่นเดียวกัน เป็นเซคชั่นเฉพาะที่อยู่ภายใน Banyan Tree Phuket (โรงแรมบันยันทรี ภูเก็ต) อีกทีค่ะ

คำว่า Veya นั้น เป็นคำที่ Banyan Tree ตั้งขึ้นมา โดยให้ความหมายว่า To Weave เป็นการสอดประสานทุกอย่างเข้าด้วยกันค่ะ ทั้งการทานอาหาร การพักผ่อน การขยับร่างกาย การอยู่กับธรรมชาติ จิตใจ ลมหายใจ ทุกอย่างสามารถผสานและถักทอไปด้วยกัน และในที่สุด ก็จะเป็นไลฟ์สไตล์สุขภาพที่ยั่งยืนค่ะ

ทุกท่านที่เข้าพัก จะมีผู้ให้คำปรึกษาและโปรแกรมส่วนตัว มาดูว่า เราไม่สมดุลตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นการนอน อาหาร ความเครียด ความใกล้ชิดกับธรรมชาติ การพัฒนาตนเองต่างๆ ด้วยหลัก 8 pillars ซึ่งตลอดการเข้าพักนั้นมีคลาสกว่า 50 คลาสต่อสัปดาห์ แล้วไม่ใช่คลาสออกกำลังกายนะคะ มีตั้งแต่ การหายใจ ทำสมาธิ ทำน้ำมันนวดสมุนไพร คลาสที่เน้นการเพิ่มพลังบวกและอยู่กับตัวเอง

ส่วนของเราพิเศษกว่า เพราะเป็นโปรแกรม Veya Circle ซึ่งมีจัดขึ้นเรื่อยๆ และมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ระดับโลก เช่น นักโภชนาการ ครูสอนโยคะ มาทำคลาสตลอด 3 วัน 2 คืนนี้ค่ะ (แต่ถึงจะไม่มีอีเว้นท์ Veya Circle ที่นี่ก็มีคลาสตลอดนะคะ) ที่แนะนำมากๆ เพราะ เราไม่รู้สึกว่าถูกบังคับอะไรเลย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ได้รู้จักร่างกายและจิตใจตัวเอง และแม้จะอยู่ที่นี่แค่ 3 วัน 2 คืน แต่ก็รู้สึกว่า ผ่านก้าวแรกที่เคยรู้สึกว่ายาก มาได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ


The Villa

Banyan Tree Phuket นั้น ตั้งอยู่บริเวณหาดลากูน่า ของภูเก็ต เป็นโลเคชั่นที่เหมาะมาก เพราะมีลากูนใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกสงบ มีทางลงหาด ห้องทุกห้องเป็นพูลวิลล่าทำให้เป็นส่วนตัวมากกก เหมือนหลุดไปอีกโลกเลย

ตอนนี้ Banyan Tree Veya ประกอบไปด้วยวิลล่าที่มีสระส่วนตัว พร้อมจากุซซีน้ำอุ่นตลอดเวลา ถึง 23 หลัง

ภายในห้องนอน ยังถูกออกแบบเพื่อรับนักเดินทางที่อยากจะผสานไลฟ์สไตล์เฮลตี้ขั้นสุด อาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ถ้าได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง จะเห็นถึงความใส่ใจในทุกองค์ประกอบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ม่านทึบแสง น้ำมันหอมระเหย ผ้าปูที่นอนและชุดคลุมที่เป็นเส้นใยออร์แกนิค ใส่สบายมากๆ ระบบไฟช่วยในการนอนหลับ เสียงเพลง หมอนเพื่อสุขภาพ เสื่อโยคะ

ตรงนี้จัดสรรพื้นที่ได้ดีเลยค่ะ เขียวชะอุ่ม บ่อจากุซซี่จะอุ่นอยู่ตลอด ส่วนฝั่งสระว่ายน้ำก็สดชื่น แล้วข้อดีของสระว่ายน้ำสีนี้คือ ตอนดึกๆ ก็จะดูสว่างสดใส น่าว่ายเล่นตลอดเลยค่ะ

ห้องน้ำและห้องแต่งตัว มีพื้นที่ใหญ่เลยทีเดียว มีของให้ครบครันทั้ง ผ้าเช็ดตัวชายหาด รองเท้าสลิปเปอร์ก็ดีมากๆ ค่ะ มีเสื่อโยคะ สายรัดออกกำลังกาย เตารีด ดรายเป่าผม

ส่วนฝั่งมินิบาร์นี่ก็ใส่ใจไปจนถึง ของว่างและเครื่องดื่ม เพราะยังเน้นเรื่องสุขภาพอยู่ค่ะ

ความใส่ใจยังไม่จบนะคะ ภายในห้องจะมีสเปรย์ที่ไว้ฉีดหมอนก่อนนอนให้ผ่อนคลาย serum ไว้แตะๆ แล้วก็ Face mist ไว้ฉีดหน้าให้สดชื่นค่ะ มี Singing Bowl ซึ่งเป็นศาสตร์การบำบัดด้วยคลื่นเสียง

ทำกิจกรรมเสร็จก็มีน้ำมะพร้าวลูกใหญ่ ที่เห็นสีแอบคล้ำนิดๆ เพราะเป็นมะพร้าวออแกนิค ไม่แช่สารค่ะ นอกจากนี้ ยังมีนำสครับธรรมชาติมาวางไว้ให้เราตอนเทิร์นดาวน์ด้วยค่ะ


Veya Circle

ปกติที่ Banyan Tree Veya จะมีโปรแกรมสุขภาพ และ คลาสกว่า 50 คลาสอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะมาพักในวันไหน แต่นัทมีโอกาสไปเข้าพักช่วงที่ทางรีสอร์ทมีการจัดโปรแกรม Veya Circle ที่เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติมาถึง 5 ท่าน ซึ่งในครั้งนี้ เค้าจะเน้นเรื่องระบบการย่อยค่ะ แต่ละท่านก็จะทำคลาสที่ผสานการเคลื่อนไหวของร่างกาย กระตุ้นระบบการย่อย หรือแม้แต่ การนวดแบบ Chi Nei Tsang, การบำบัดด้วยเสียง ที่เป็นการรับพลังบวก ซึ่งทุกคลาส มันไม่ได้จบอยู่แค่ที่เรามา แต่เรายังนำกลับมาใช้ต่อได้อีกด้วยค่ะ

บุคคลากรทุกท่านที่นัทได้เจอ รวมถึงเพื่อนๆ ร่วมคลาส คือพลังบวกมาเต็มมากๆ เลยกลายเป็นการพักผ่อนที่พิเศษ และ มันมากกว่าการแค่มานอนพักที่รีสอร์ทมากเลยค่ะ กิจกรรมก็ไม่เหนื่อย และ ไม่แน่นเลย ค่ะ ใครบอกว่าอยากมาแบบขี้เกียจๆ ก็ยังได้ค่ะ เพราะแต่ละคลาสนั้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ

สำหรับโปรแกรมแต่ละบุคคล ก็จะเริ่มจากการทำแบบสอบถามที่ค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ จากนั้นก็จะมีการให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองและฝึกอบรมด้านการแพทย์แผนตะวันออก และธรรมชาติบำบัด ตามแนวทางของ Veya บนหลัก 8 Pillars of Wellbeing เอกสิทธิ์เฉพาะของบันยันทรี ภายหลังการประเมินผล ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เข้าพักแต่ละท่าน

ก่อนมาเราจะได้ทำแบบสอบถามอย่างละเอียด ที่จะคำนวณทั้ง 8 pillars of wellbeing ให้กับเรา

พอได้โปรแกรมแล้ว ก็จะมีคลาสต่างๆ อย่างคลาสนี้เป็นคลาสเช้าค่ะ ชื่อว่า Ocean Breath ที่เราจะได้ฝึกหายใจ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า เราก็หายใจกันเป็นอยู่แล้ว แต่การฝึกนี้ จะมีทั้งการฝึกให้ลมหายใจทั้งสองฝั่งสมดุลกัน และการสร้างความตระหนักรู้ของตนเองค่ะ

ในช่วงที่นัทไป จะมีคลาสที่นำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ 5 ท่าน ได้แก่ คุณ Ocean Bloom, Ksenia Mochalova, Morgane Quinchon, Angelina Driftmeyer และ Juan Jimenez จัดกิจกรรมเช่น โยคะ ฟรีดอม โฟลว์(Yoga Freedom Flow) ที่ผสานการเคลื่อนไหวของร่างกาย ระบบการย่อยอาหาร จิตใจและพลังงานให้เป็นหนึ่งเดียว เวิร์กชอปการบำบัดด้วยเสียง (Sound Therapy Journey) หยั่งรู้การเดินทางของจิต มุ่งเน้นการรับรู้ภายในจิตใจ อารมณ์แห่งปัจจุบัน เวิร์กชอปการนวดบริเวณท้อง (Chi Nei Tsang) เพื่อช่วยระบบย่อยอาหารและผ่อนคลายพลังงานด้านลบ

อย่างคนนี้คือคุณ Angelina Driftmeyer ที่มาทำ Sound Therapy Journey สองวันเลย เรารู้สึกได้ถึงการเปิดรับพลังงาน และ การอยู่กับตัวเอง ที่ทำให้นิ่งและโฟกัสมากๆ เลยค่ะ

นอกจากคุณแองเจลิน่าแล้ว ยังมีคุณมอร์แกน และคุณ Oceanbloom ที่เราเลิฟมากๆๆๆๆ เลยค่ะ คุณมอร์แกนพูดถึง Mindful Eating ได้ดีมาก เปลี่ยนมายด์เซ็ทเราในระดับหนึ่งเลย แต่พอดีว่ามีเนื้อหาที่เป็นลิขสิทธิ์จึงไม่ได้ถ่ายภาพมาค่ะ

นอกจากคลาสแบบนั้นแล้ว ยังมีกิจกรรมที่จัดขึ้นที่ The Apothecary เสมือนห้องปรุงยาของทางสปา อย่างการทำน้ำมันนวด หรือ ลูกประคบค่ะ กิจกรรมยังไม่หมดนะคะ บอกแล้วว่าเป็นกิจกรรมเบาๆ ที่เน้นสุขภาพกายและใจสุดๆ เลย อันนี้เป็นการทำน้ำมันนวดสมุนไพรค่ะ

อีกกิจกรรมเป็น Herbal Tea Tasting ที่จริงจังมากๆ ในเรื่องของสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละตัว มีการเบลนด์ที่แตกต่างกันไป


Breakfast

สำหรับแขกผู้เข้าพักฝั่ง Veya ทุกท่านจะสามารถสั่งอาหารเช้ามาที่ห้องได้ค่ะ เป็นคนละเมนูกับที่ห้องอาหาร The Watercourt ซึ่งเป็นห้องอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ

อาหารเช้าที่นี่เฮลตี้มากๆ ตอนแรกอ่านเมนูแล้วตกใจนิดนึงค่ะ ว่าจะทานได้มั้ย สรุปอร่อยเลยค่ะ ไข่ขาวออมเล็ททูน่ามากับมะเขือเทศที่หวานแบบธรรมชาติ สลัดมะเขือย่าง รสชาติดี อิ่มท้องกำลังดีเลยค่ะ สลัดอโวคาโด้คอร์นก็ดีมากเลย


Restaurant

อาหารที่นี่ก็เป็นเอกลักษณ์จนเรื่องว่า Veya Cuisine เลยค่ะ เป็นอาหารแนว Flexitarian ที่ผสมผสานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเข้ากับอาหารเอเชีย ซึ่งสิ่งที่เน้นมากๆ คือ โภชนาการที่ครบถ้วน ผักค่อนข้างเยอะ ไม่มีน้ำตาล โซเดียมต่ำ และยังใช้วัตถุดิบทุกส่วนเพื่อสร้างขนะให้น้อยที่สุดด้วยค่ะ

ห้องอาหารหลักของที่นี่จะตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำหลักค่ะ สำหรับกิจกรรม Veya Circle ในครั้งนี้ มีการเชิญเชฟ James Noble มาร่วมทำดินเนอร์พิเศษ

ส่วนวันอื่นๆ ที่นี่ก็มีเชฟท้องถิ่นที่อยู่ประจำ บอกเลยว่าทำอาหารออกมารสชาติจัดจ้านใช้ได้เลยค่ะ Gazpacho ที่เลือกทำเป็นสีเขียว กลมกล่อมด้วยเมล่อนและถั่ว เย็นชื่นใจ, สลัดแซลม่อน เมนูง่ายๆ ที่ลงตัว ลาซานญ่าผักนี่ท็อปฟอร์มมากๆ ค่ะ มีความเข้มข้น ทุกเลเยอร์อร่อยหมดเลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นจานผัก ส่วนบราวนี่ก็ไร้แป้งนะคะ เป็นเบสอโวคาโด้กับถั่วแดง


ในช่วงที่เราไป บางวันก็จะจัดเป็น Picnic Lunch ในสวนริมลากูนค่ะ บรรยากาศดีมากๆ เลย เป็นการเพิ่มความใกล้ชิดกับธรรมชาติ เมนูอาหารก็ยังคงคอนเซปท์ของ Veya Cuisine ค่ะ เราได้ทานเป็น บีทรูทที่นำมาทำเป็น Ravioli แล้วก็ พาสต้าจาก Zucchini เสิร์ฟกับไก่กอและ ปิดท้ายด้วย โอ้เอ๋ว น้ำใบเตยที่ปลูกอยู่ในสวน เย็นชื่นใจ


Banyan Tree Spa

หลังจากเริ่มรู้จักกับคอนเซปท์ของ Veya มากขึ้น เราก็จะมาที่อีกมุมที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ นั่นคือ สปา นั่นเองค่ะ
ห้องสปาของที่นี่จะเป็นวิลล่าเป็นหลังๆ มองเห็นวิวสวนภายนอก รับแสงธรรมชาติ (แต่ตอนทำไม่ต้องห่วงนะคะ เค้ามีที่ปิดตาให้ค่ะ)

อย่างที่บอกไปว่า Banyan Tree เป็นรีสอร์ทที่สร้างสปาควบคู่กันมาอยู่แล้ว จึงมีผลิตภัณฑ์สปาเป็นของตัวเองอีกด้วยค่ะ

แต่ทรีทเมนท์ที่โดดเด่นของที่นี่ แล้วอยากชวนให้ทุกคนลอง คือ Weightless Therapy หรือ การทำสปาที่ไร้น้ำหนัก เพราะเราจะถูกลอยอยู่ในน้ำ ไม่มีแรงกดทับ รู้สึกเบาสบาย เวลายืดก็ยืดได้สุดทุกส่วนเลยค่ะ

เราจะใส่ที่อุดหู แต่ว่ามีหูฟังที่ได้ยินเสียงก้องกังวาล ชนิดที่ว่า เคลิ้มมากๆ เลยค่ะ รู้สึกผ่อนคลายดีมาก เพราะไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกเลย ตัวเบามากๆ ค่ะ


Sanya Ruk Cruise

ตกเย็นก่อนอาหารเย็น ขอไปล่องเรือ Sanya Ruk ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Destination Dining ของ Banyan Tree ที่ไม่ว่าไปที่ไหนในโลก ก็จะสามารถจัดดินเนอร์สุดพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์จากสถานที่นั้นๆ ได้ค่ะ

อย่างการล่องเรือครั้งนี้ เปลี่ยนบรรยากาศไปเลย เพราะอยู่ในลากูน แล้วลากูนที่นี่ใหญ่มากกกก เรือค่อยๆ ลอยช้าๆ นิ่งๆ ไปจนถึงรีสอร์ทอื่นๆ ในลากูน่าเลยค่ะ เราก็จะเห็นวิวที่สวยและแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง วันนี้ เรามาเป็น pre-dinner เลยเป็นคานาเป้และแชมเปญจ์ค่ะ


Surrounding

สิ่งที่ทำให้ Banyan Tree Phuket เหมาะกับการพักผ่อน และ ผสานเป็นส่วนหนึ่งของ Banyan Tree Veya ได้อย่างสมบูรณ์คือบรรยากาศโดยรอบที่ร่มรื่น และ เป็นส่วนตัวมากๆ เพราะทุกห้องมีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเองค่ะ ที่นี่เดินเล่นก็ดี ปั่นจักรยานก็สนุก

ที่มีอุโมงค์ดอกลีลาวดี ที่ตอนเช้าๆ จะมีกิจกรรม Conscious Grounding ให้เราได้สัมผัสกับพื้นดินค่ะ ส่วนกิจกรรมทางน้ำ ก็มีทั้งคายัค แพดเดิลบอร์ด แล้วก็เรือถีบด้วยนะคะ มาตอนพระอาทิตย์ตกคือฟินมากๆ แล้วเล่นง่าย เพราะน้ำนิ่งค่ะ

ตรงนี้เป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางค่ะ เชื่อมกันอยู่ข้างๆ ก็จะเป็นสระว่ายน้ำที่มีลักษณะคดเคี้ยว สวยงาม เต็มไปด้วยต้นมะพร้าวสูง

มีมุมสวยๆ หลายมุมเลยค่ะ สงบมากๆ จริงๆ เห็นแบบนี้ แขกเข้าพักเยอะมากนะคะ ซึ่งเราเจอแค่ตอนอาหารเช้าที่ห้องอาหาร แต่ช่วงเวลาอื่นๆ คือแทบไม่เจอเลยค่ะ

รีสอร์ทมีโซนที่ข้ามถนนไปก็ถึงหาดเลยค่ะ ซึ่งพวกเราปั่นจักรยานมาแป๊ปเดียว

ถือเป็น 3 วัน 2 คืนที่สมบูรณ์แบบมากๆ มาพักผ่อนและสุขภาพดีทั้งกายและใจไปพร้อมกันนะคะ


Banyan Tree Veya Phuket (โรงแรม บันยันทรี เวยา ภูเก็ต)

ตั้งอยู่ภายในลากูน่าภูเก็ต ติดหาดบางเทา

Tel. : +6676372400
Website : https://veya.banyantree.com/en/destinations/phuket
Email : veya-phuket@banyantree.com

error: