[รีวิว] Angsana Maison Souvannaphoum โรงแรมแสนอบอุ่นที่จะทำให้ทริปหลวงพระบางชิลล์สุดๆ

หากพูดถึงหลวงพระบางแล้ว เราก็จะนึกถึงความชิลล์ ความสโลว์ไลฟ์ การได้พักผ่อนใช้ชีวิตอย่างช้าๆ ในเมืองที่เป็นมรดกโลก เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ ผู้คนน่ารัก ล้อมไปด้วยธรรมชาติ และในครั้งนี้ นัทก็ได้มีโอกาสมาพักที่โรงแรม Angsana Maison Souvannaphoum (อังสนา เมซง สุวรรณภูมิ) เป็นโรงแรมขนาด 24 ห้อง และ 3 แกรนด์สวีท ซึ่งนั่นทำให้เรารู้สึกได้พักผ่อน ปราศจากความวุ่นวาย โดยทีมพนักงานสามารถดูแลแขกผู้เข้าพักได้อย่างอบอุ่นและทั่วถึงจริงๆ ค่ะ

นอกจากบรรยากาศดีแล้ว ยังอยู่ในโลเคชั่นที่ดี เป็นต้นถนนหลักค่ะ เดิน 3-5 นาที ถึงตลาดมืด เดินไปอีกนิดนึงถึง Royal Palace และ ทางขึ้นพระธาตุพูสี แต่หากเดินไม่เก่ง ก็ยืมจักรยาน หรือ เรียกตุ๊กตุ๊กที่มีสแตนบายอยู่แถวหน้าโรงแรมอยู่ตลอดค่ะ โรงแรมอังสนาเป็นโรงแรมภายในเครือบันยันทรี ที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว มาตรฐานการบริการจึงดีมากๆ ค่ะ


A Warm Welcome to Luang Prabang

ใช้เวลาราว 15 นาทีจากสนามบิน เราก็เข้ามาสู่รั้วของโรงแรม และที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟ Welcome Drink กับ Welcome Snacks ธรรมดาๆ ทางพนักงานจะขอผูกข้อมือ ตามประเพณีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับเราเข้าสู่ Angsana Maison Souvannaphoum อย่างเป็นทางการ

ขอเกริ่นก่อนว่า เมืองหลวงพระบาง ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 1994 และ ณ จุดนั้น รัฐบาลอนุรักษ์ห้ามสร้างอาคารหรือต่อเติมอะไรแล้ว ดังนั้น โรงแรมในตัวเมืองหลวงพระบางส่วนใหญ่มาจากอาคารดั้งเดิม แต่ความพิเศษของที่นี่คือ เป็นพระตำหนักหรือ Royal Residence ที่ เจ้าสุวรรณภูมา (Prince Souvanna Phouma) เคยใช้ประทับอยู่ซึ่งพระองค์สำเร็จการศึกษาที่ปารีสและเมือง Grenoble ในฝรั่งเศส ทำให้อาคารนี้ หากเทียบกับพระราชวังหลักที่ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ใจกลางเมืองนั้น ที่นี่ก็จะมีกลิ่นอายความตะวันตกและดูนำสมัยกว่ามาก เล่าแบบสั้นสุดๆ คือ เจ้าสุวรรณภูมานั้น กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศลาว และได้ย้ายไปอยู่เวียงจันทน์ ส่วนที่นี่ยกให้เป็นของรัฐบาลดูแล ก่อนที่เครือ Banyan Tree จะเข้ามาดูแล และนำมารีโนเวทเป็นโรงแรม ดังนั้นที่นี่ก็จะคงคอนเซปท์ Live like a royal

ซึ่งนัทคิดว่า มันไม่ใช่แค่การได้อยู่วังเท่านั้น แต่พนักงานที่นี่ ดูแลแบบเป็นกันเอง แล้วเค้ามีการสอดแทรกวัฒนธรรมหลวงพระบางเข้ามาให้เยอะมาก นอกจากต้อนรับเราด้วยการบายศรีสู่ขวัญแล้ว อาหารที่เสิร์ฟก็มีการศึกษาทั้งตำหรับอาหารที่เคยเสิร์ฟในวัง ไปจนถึงอาหารหลวงพระบางแท้ๆ ตอนเช้าก็พาไปตักบัตรหน้าโรงแรม ตอนเย็นๆ ก็มาเล่นเปตองซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนลาว เรียกได้ว่า เราอาจจะคิดว่าเรารู้จักเพื่อนบ้านอย่างลาวดีพอแล้ว แต่จริงๆ ยังมีมุมน่ารักๆ ที่เรายังไม่รู้จักอีกเยอะมากเลยค่ะ


Garden Wing – Twin

สำหรับห้องพักที่เราเข้าพักนั้น จะอยู่ที่ Garden Wing ซึ่งเป็นอาคารใหม่ที่สร้างขึ้นในปี 1992 เพื่อทำเป็นโรงแรมค่ะ เค้าสร้างพอดี ก่อนที่ UNESCO จะประกาศมรดกโลกตอนปี 1994 และหลังจากนั้น ในเขตเมืองเก่าหลวงพระบางก็จะไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมด้วยเหตุผลของการอนุรักษ์

อาคาร Garden Wing นี้ มีห้องพักทั้งหมด 24 ห้อง ขนาด 34 ตร.ม. เป็นอาคารสองชั้น ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง จะมีระเบียงออกมาจากตัวห้องค่ะ อย่างนัทได้ห้องชั้นบน ก็จะเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำ ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว

สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันนะคะ แต่พอพูดถึงอังสนา และเครือบันยันทรี ก็ต้องยกให้เรื่องของความผ่อนคลายแนวสปา เช่น มีเตา Essential Oils มีธูปหอม ชุมคลุมอาบน้ำอย่างดี มีสลิปเปอร์ใส่ในห้อง รองเท้าแตะใส่ไปสระว่ายน้ำ

ส่วนมินิบาร์ก็มีชุดชากาแฟแบบ French Press ไว้บริการ

ห้องน้ำเป็นแบบฝักบัวและเรนชาวเวอร์ น้ำแรงมาก อุณหภูมิปรับง่าย อุ่นคงที่ อุปกรณ์ภายในห้องน้ำก็มีครบค่ะ มีทั้งแปรงผม และ หวีผม แปรงสีฟัน มีดโกน สำลี ส่วนพวกสบู่แชมพู ก็หอมแบบสปาเลยค่ะ

ดีเทลการตกแต่ง ก็จะแทรกความเป็นหลวงพระบาง ความเป็นล้านช้างไว้ได้อย่างน่ารักมากๆ

เช็คราคาและจองห้องพักได้ที่ >> Booking.com


Breakfast

สำหรับอาหารเช้าเชื่อว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายๆ คน อาหารเช้าที่นี่ต้องบอกเลยว่า ทานง่าย ถูกปาก โดยเฉพาะอาหารเช้าแบบลาว และแม้จะเป็นโรงแรมขนาดไม่ใหญ่นัก แต่อาหารเช้าจัดเต็ม และ มีการเปลี่ยนเมนูทั้ง 2 วันที่นัทไปพักเลยค่ะ

ไฮไลท์ของอาหารเช้าที่ห้ามพลาดเด็ดขาดดดดเลยนะคะ คือ “โยเกิร์ตทำเอง” ซึ่งมันมีความหอมมัน เกือบจะเป็นพุดดิ้งแล้ว แต่มันเนียนๆ หวานนิดๆ เค้าบอกคนท้องถิ่นก็ชอบแวะมาทานอาหารและโยเกิร์ตของที่นี่เป็นของหวานในมื้ออื่น

นอกจากนี้ก็จะมีเมนูไข่ มีเมนูอาหารร้อน สลัดหลวงพระบางซึ่งเป็นสลัดผักพื้นบ้านใส่ถั่ว เฟรชสดชื่นสุดๆ

อาหารร้อนก็จะมีเฝอ และ ข้าวซอยลาว ซึ่งจะมีรสชาติเข้มข้น โดยรวมคือถูกปากมากๆ ค่ะ


Swimming Pool & Poolside Bar

หากวันไหนไม่อยากออกไปข้างนอก หรือกลับมาจากในเมืองมาชิลล์ช่วงบ่ายๆ อยากแช่น้ำคลายร้อนพักผ่อน ก็สามารถมาได้ที่สระว่ายน้ำของโรงแรมเลยค่ะ เป็นสระน้ำขนาดกลาง บรรยากาศร่มรื่นและมีบาร์น่ารักๆ อยู่ เมนูค็อกเทลหลากหลาย ถือว่าทำได้ดีมากเลยนะคะ

ที่นี่ลดการสร้างขยะหรือการใช้พลาสติก สำหรับหลอดก็จะเป็นการนำใบตองมาม้วนซึ่งดูดน้ำง่ายมากเลยค่ะ


Petanque

นัทไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า เปตอง เป็นกีฬาที่ฮิตมากในหมู่คนลาว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เค้าทำกันเป็นปกติ เล่นกับเพื่อนที่ทำงาน แล้วพอนัทจองมาเล่น น้องๆ พนักงานก็ออกมาช่วยกันสอน แล้วก็เล่นกันเป็นทีม เค้าจริงจังกันมากเลย มันสนุกมากเลยค่ะทุกคน

บรรยากาศทางไป Garden Wing ตรงที่นัทมาเล่นเปตองกันค่ะ

เช็คราคาและจองห้องพักได้ที่ >> Booking.com


Elephant Blanc Restaurant

ที่ห้องอาหาร Elephant Blanc นอกจากจะเสิร์ฟอาหารเช้าแล้ว ก็ยังเสิร์ฟมื้ออื่นๆ อีกเป็น All Day Dining ค่ะ ในเมนูมีทั้งอาหารลาว อาหารไทย อาหารตะวันตก ซึ่งนัทบอกเลยว่า อาหารลาวเด็ดสุด

ที่นี่มีการศึกษาสูตรอาหารลาวแบบชาววังตามสูตรของ Phia Sing ซึ่งเป็นหัวหน้าพ่อครัวในวังมาก่อน แม้เราจะเคยคิดว่าเรารู้จักอาหารลาวอยู่แล้ว แต่อาหารลาวเองก็มีหลายภาค หลายแบบ เราได้ทานอาหารหลวงพระบางที่น่าสนใจและไม่เคยรู้จักมาก่อนหลายจานที่นี่ เป็นหนึ่งในความประทับใจมากค่ะ

อย่างจานแรกนั่นนัทหาเป็นภาษาไทยไม่ได้ แต่น่าจะเรียกว่า เลิ่นส้ม เป็นแกงที่ทำมาจากไข่ปลาหมัก รสชาติกลมกล่อม ไม่ได้ติดเปรี้ยวหรือรสจัดนะคะ ถือว่าดีเลย ส่วนตำหลวงพระบางนี่คือแซ่ปมากกกก มะละกอต้องมาแบบนี้นะ

ข้าวปุ๊น ที่หน้าตาคล้ายขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่รสชาติจะแตกต่างออกไปค่ะ รสชาติกลมกล่อม มีความหอมสมุนไพร

ออเดิร์ฟสำรับลาวนี่ก็ทานง่าย ไคแผ่น หรือสาหร่ายทอดนี่ห้ามพลาดเลยค่ะ แล้วเค้าทำแจ่วบองดีมาก เสิร์ฟกับไส้อั่วที่เป็นกึ่งๆ ไส้กรอกอีสาน


Prince of Laos Set

มาชมเซ็ทอาหารเย็นที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่กันบ้างค่ะ เซ็ทนี้ชื่อว่า Prince of Laos Set ต้องสั่งล่วงหน้าค่ะ เค้าจะเสิร์ฟมาบนเรือพญานาค ซึ่งสื่อถึงความมงคลตามความเชื่อแถบลุ่มแม่น้ำโขง

ก่อนทาน เค้าจะมาล้างมือ และเสิร์ฟ เวลคัมดริงค์

อาหารที่เสิร์ฟมาบนเรือพญานาคนี้ เป็นอาหารลาวชาววังตามตำหรับของ Phia Sing ซึ่งเราแทบไม่เคยทานเลย ยกเว้น “ลาบ” ซึ่งเป็นลาบแบบลาว และเค้าเชื่อว่าทานแล้วจะมีโชคลาภด้วยนะคะ

เมนูที่เสิร์ฟมาบนนี้ ได้เแก่ แกงเหลืองสมุนไพรเป็ด, แกงแดงปลาแม่น้ำโขง, ไคแผ่น (สาหร่ายทอด)กับไข่ทอดยัดไส้หมู อันนี้อร่อยมากค่ะ จิ้มแจ่วบองดีงามมาก, ผักนึ่งงา, ไส้กรอกในตะไคร้ และ เมนูเด็ดสุดวันนี้ เอาะหลามหมู ซึ่งมันจะเป็นสตูว์หมูที่มีความชาๆ จากสมุนไพรที่เรียกว่า ไม้สะค้าน (Chili Wood) หน้าตามันคือไม้เลยค่ะ พอเอามาตัดใส่แกงจะมีความเผ็ดๆ ชาๆ มันเจ๋งมากค่ะทุกคน

นอกจากเซ็ทบนเรือแล้ว ก่อนหน้าก็จะมี Amuse Bouche มีข้าวสวย มีซุปผัก และปิดท้ายด้วยขนมหวานค่ะ

หากใครอยากทานอาหารตะวันตก ที่นี่ก็มีเซ็ท Western เช่นกันค่า


Spa

ขึ้นชื่อว่า อังสนา และ เครือบันยันทรีแล้ว ขาดไม่ได้เลยคือ “สปา” ค่ะ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า หลังหลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้ สปาของที่นี่จึงจะซ้อนตัวอยู่ในเต๊นท์ แต่ภายในเป็นห้องดีเลยนะคะ

บรรยากาศเงียบสงบและรู้สึกธรรมชาติมากๆ เค้าไม่ตัดต้นไม้ใหญ่ด้วย ห้องสปาก็ดีเลยค่ะ สะอาด หอม

เทราพิสท์ดูแลดีมาก ของนัทเป็นพี่คนไทยที่อยู่ที่อังสนาภูเก็ตมาก่อน นวดโดนทุกจุด ผ่อนคลาย มาตรฐานสูง ปิดท้ายด้วยโยเกิร์ตของโปรดด้วย


Grand Suites

นอกจากห้องที่นัทพักแล้ว ตัวอาคารเดิมที่เป็น Royal Residence ก็จะมีห้องสวีท 3 ห้อง ที่มีเลย์เอาท์แตกต่างกันไปค่ะ ซึ่งสามห้องนี้ก็จะพิเศษจริงๆ

ห้องแรก Maison Suite ห้องของเจ้าชาย ขนาด 68 ตร.ม. เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในโรงแรม มีระเบียงใหญ่ด้านหน้า และอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ ทุกอย่างรีโนเวทภายในได้ดีทีเดียว

Laos Suite เป็นห้องขององค์หญิงมาก่อน ห้องนี้ขนาด 45 ตร.ม. และเห็นวิวสระว่ายน้ำกับทิวเขาลิบๆ มีอ่างอาบน้ำสไตล์วิคตอเรียน และ วอล์กอินโคลเส็ทค่ะ

Champa Suite เป็นห้องของพระราชธิดา มีขนาด 39 ตร.ม. มีพื้นที่โซฟานั่งเล่นค่อนข้างเยอะ มีมุมโต๊ะเขียนหนังสือ วิวสวนค่ะ

ด้านล่างของอาคาร ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่แสดงวัฒนธรรมหลวงพระบางอีกด้วยค่ะ วัฒนธรรม Laotian นั้น มีทั้งรากของล้านช้าง ชาวลาวเอง รวมไปถึงชาวเขาอีกด้วยค่ะ


Surrounding

ในช่วงเช้า ทางโรงแรมก็จะมีกิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียวซึ่งสามารถจองได้นะคะ เค้าจะเตรียมของตักบาตรไว้ให้ พระและเณรจะไม่ได้หยุดสวดเหมือนที่ไทย เพราะเดินกันเป็นร้อยรูปเลยค่ะ เราก็ต้องกะข้าวเหนียวและผลไม้กับอาหารให้พอดีๆ และสามารถกำข้าวเหนียวใส่เข้าไปในบาตรพร้อมอธิษฐานได้เลยนะคะ

โลเคชั่นของโรงแรม จะอยู่ประมาณ 400 เมตรจากต้นถนน ศรีสว่างวงค์ แต่นัทก็เดินสุดไปถึงวัดเชียงทองเลยนะคะ น่าจะ 2 กม ได้ แต่ใช้เวลาเดินทั้งวันอ่ะค่ะ เพราะมีที่เที่ยวตลอดทาง อย่างพระธาตุพูสีนี่คืออยู่ตรงกลางทาง นัทเดินไป ไหว้พระไป แวะคาเฟ่ไป แป้ปเดียว สุดตรงแม่น้ำคานแล้ว ส่วนอีกวัน เอาจักรยานไปปั่นย่านที่มีสะพานไม้ไผ่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อยเมื่อไหร่ก็เรียกตุ๊กตุ๊กได้ตลอดค่ะ

เช็คราคาและจองห้องพักได้ที่ >> Booking.com


โรงแรม Angsana Maison Souvannaphoum (อังสนา เมซง สุวรรณภูมิ)

ตั้งอยู่บนถนน เจ้าฟ้างุ้ม เพียง 15 นาทีจากสนามบิน และ 300 เมตรจากหลวงพระบางไนท์มาร์เก็ต

Website : https://www.angsana.com/laos/souvannaphoum
Tel. : +85671 254609
Email : reservations-maison@angsana.com


ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: