[รีวิว] ชุดน้ำชายามบ่าย The Lounge Afternoon Tea, โรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok

หลังจากที่เราตั้งหน้าตั้งตารอการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่จาก เครือโฟร์ซีซั่นส์ (Four Seasons Hotel) เครือโรงแรมในดวงใจของเรา มาพักใหญ่ ซิตี้โฮเทลแห่งล่าสุดอย่าง โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ก็ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการอย่างสง่างามบนถนน เจริญกรุง ในวันที่ 18 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา

และแน่นอนว่า เมื่อ โฟร์ซีซั่นส์ เปิดตัวในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ทางโรงแรมก็มาพร้อมกับห้องอาหารที่ทำให้เราอยากไปลองให้ครบทุกห้อง ทั้ง Yu Ting Yuan ห้องอาหารจีนกวางตุ้งที่ยกทีมเชฟอิมพอร์ทเหมือนวาร์ปไปฮ่องกง, Riva del Fiume อาหารอิตาเลียนจากเหนือจรดใต้ ที่ได้ทีมเชฟยกกันมาจากอิตาลีเน้นๆ, Brasserie Palmier อาหารฝรั่งเศสในบรรยากาศสบายชวนนั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ เรายังไม่ได้ไปลองเองนะคะ เพราะ ต้องบอกเลยว่า ด้วยชื่อเสียงของโรงแรมตั้งแต่เปิดมา ห้องอาหารเต็มเกือบทุกห้องเลยค่ะ ส่วนเราแอบจองชุดน้ำชายามบ่าย Afternoon Tea at The Lounge ทัน ซึ่งเป็นหนึ่งในอาฟเตอร์นูนทีที่โดดเด่นและดีที่สุดของปีนี้เลย จึงขอมารีวิวให้เพื่อนๆ ฟังกันก่อนค่ะ

ก่อนจะไปถึงชุดน้ำชายามบ่าย ขอพาชม โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) กันซักเล็กน้อยค่ะ คอนเซปท์การตกแต่งที่นี่จะเป็นแบบ Urban Oasis ค่ะ ความผ่อนคลาย สีเขียว สายน้ำ ใจกลางเมืองที่โมเดิร์น แค่ก้าวเข้ามา เรารู้สึกได้เลยค่ะ ว่า เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลก สิ่งที่ชอบมากๆ คือ ชิ้นงานศิลปะที่ตกแต่งอยู่ได้อย่างสวยงามลงตัว เข้ากับเรื่องราวที่เกี่ยวกับสายน้ำ ผู้ออกแบบได้ curate งานศิลปะออกมาไม่แพ้อาร์ตแกลเลอรี่ดังๆ ของโลกเลยค่ะ เฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกชิ้น วัสดุดี และ คิดมาอย่างละเอียดมากเลยค่ะ แค่ไปเดินชมของพวกนี้ เราเดินอยู่เกือบชั่วโมงเลยทีเดียว

หากใครอยากอ่านรีวิวฉบับเต็มการไป Staycation ที่โรงแรม โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ คลิ๊กที่นี่ ได้เลยนะคะ!





Afternoon Tea at The Lounge

หลังจากที่เพลิดเพลินกับการชมงานตกแต่งต่างๆ ภายในโถงล็อบบี้ และ The Lounge บริเวณที่เราจะมานั่งทานอาฟเตอร์นูนทีกันแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มชุดน้ำชายามบ่ายของเราค่ะ

The Lounge ออกแบบมาอย่างหรูหรา แต่ให้ความรู้สึกสบายตา มีทั้งฝั่งที่เป็นเสมือน Library ที่เหมือนกับแกลเลอรี่งานศิลปะ และ ฝั่ง Terrace ที่สามารถนั่งผ่อนคลายบรรยากาศริมน้ำด้านนอก ออกแบบอย่างกลมกลืนไปกับเซ็นทรัลคอร์ทยาร์ด ที่มีน้ำนำพาสายตาทอดยาวเชื่อมไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา

ความพิเศษของอาฟเตอร์นูนทีที่นี่ คือเค้าใส่ใจกับของทุกๆ ชิ้น และ ประสบการณ์ตลอดการทานนั้น เป็นประสบการณ์ที่คล้ายเวลาไปทานอาหารไฟน์ไดนิ่งเลยค่ะ ความปราณีต ละเมียดละไม วัตถุดิบ ทุกอย่างทำออกมาได้ดีมากๆ นี่ไม่ใช่อาฟเตอร์นูนที ที่รวบรวมขนมมาวางรวมกันเยอะๆ แต่เป็นเสมือนคอร์สขนมคาวหวาน ที่คิดมาเป็นอย่างดี ให้เราได้หลุดออกจากความวุ่นวายจากโลกภายนอกไปเลยค่ะ

ที่นี่ เค้ามีเสิร์ฟระหว่างทางหลายชิ้นเหมือนกันค่ะ ดังนั้น หากใครอยากไปเซอร์ไพรส์เอง ไม่อยากโดนสปอย ขอให้ข้ามตรงนี้ไป แล้วโทรจองได้เลยค่ะ!!

ชุด Afternoon Tea at The Lounge สนนราคาอยู่ที่ ท่านละ 1,350 บาท++  ค่ะ

สำหรับชาของที่ โรงแรม โฟร์ซีซั่นส์​ กรุงเทพฯ จะใช้เป็นชาจาก JING Tea ซึ่งเรามักพบเจอในร้านมิชลินสตาร์ทั่วโลกค่ะ

สำหรับขนมคาวหวานในชุดนั้น จะถูกเตรียมและประกอบเมื่อเราสั่งเสร็จค่ะ เพื่อความสด อย่างเช่น พวกแป้งทาร์ทก็จะไม่นิ่ม ครีมก็จะมีความฟู

ก่อนที่เซ็ทจะถูกยกมาเสิร์ฟ  ก็จะเริ่มด้วย Amuse Bouche จานนี้ค่ะ Young Coconut, Tangerine Sorbet, Pina Colada Foam เป็นการเปิดคอร์สได้อย่างสดชื่นมากๆ ค่ะ ตัว Sorbet เปรี้ยวสดชื่น เข้ากับโฟมได้ดี ละมุนมากๆ ค่ะ

จานนี้ เซ็ทก็จะถูกยกมาเสิร์ฟค่ะ ซึ่งภายในเซ็ทจะมี ของว่างคาว (Savory Delicacies) 4 ชิ้น และ ของหวาน (Petit Tart Collections) 4 ชิ้นค่ะ ซึ่งถ้าเรามา 2 คน ขนมก็จะมี 2 ชุดตามจำนวนคนค่ะ

เริ่มจากชั้นบน ของว่างคาว ได้แก่ Wonton Lobster, Tarragon Tacos ล็อบสเตอร์บนทาโก้กรอบ, Mushroom, Parmesan Cheese, Herb Tartlet ทาร์ทเล็ทชีสรสชาติเข้มข้น, Whisky Foie Gras Praline คำนี้เราชอบมากๆ และ แซลมอนอะโวคาโด ทุกคำมีความปราณีต คิดว่า สู้ Amuse Bouche ตามร้านไฟน์ได้นิ่งได้เลย มีแค่ชิ้นล็อบสเตอร์ที่คิดว่า จืดไปนิด นอกนี้กลมกล่อม รสชาติดีค่ะ

ส่วนชั้นล่างเป็นของหวาน Petit Tart Collections เนื่องจากทุกชิ้น มาในรูปแบบทาร์ท ซึ่งที่นี่ก็กรุทาร์ทเอง ทำให้ตัวแป้งทาร์ทมีหลากหลาย และ เหมาะกับขนมหวานชิ้นนั้นจริงๆ ค่ะ

เชฟ พยายามใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมากที่สุด อย่างช๊อคโกแลตที่นี่ใช้ จะใช้เป็นช๊อคโกแลตจากเชียงใหม่ รวมไปถึงผลไม้ท้องถิ่นเอง อย่างขนม 4 ชิ้นนี้ จะมีชิ้นที่เป็นสตรอเบอร์รี่ ซึ่งใช้สตรอเบอร์จากเชียงใหม่ ออกแนวเฟรชที่สุด, มีชิ้นที่เป็น Passion Fruit ออกเปรี้ยวทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยนหรือหนักเกินไป, มี Vanilla Pineapple ซึ่งเรารู้สึกว่ามันหวานไปนิด แต่เชฟบอกว่า เค้าใช้ความหวานจากสัปปะรดล้วนๆ เลย ทานแพร์กับชิ้นอื่นๆ แล้วก็บาลานซ์ดีค่ะ ปิดท้ายด้วย Chocolate Hazelnut ซึ่งใช้ช๊อคโกแลตจากเชียงใหม่ ชิ้นนี้น่าจะหนักที่สุด ทำให้ประสบการณ์ในวันนี้ ค่อนข้างครบถ้วนค่ะ

ทาร์ทขนมหวานทุกชิ้น เนื้อเนียนละมุน วางไส้และเกลซมาอย่างไรที่ติเลย

ยังไม่จบแค่นี้นะคะ มีอีกค่ะ





ระหว่างทานไปถึงแต่ละช่วง ก็จะมีเมนูอื่นๆ เข้ามาเสิร์ฟด้วยค่ะ อย่างผักในรูปด้านซ้าย ทำหน้าที่เหมือนเป็น Palate Cleanser ล้างปากจากของคาวไปของหวาน

มีซอฟท์เสิร์ฟ ที่ทำแบบสดๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างรสที่เราทานจะเป็น Fior di Latte เนื้อเนียน กับ มะม่วงค่ะ เนียนมากกกก แล้วเค้าใช้วัตถุดิบล้วนๆ ลงไปปั่นเลย เนื้อซอฟท์เสิร์ฟนี่ ข้น เนียน ดีเลยค่ะ

ขนมยังไม่หมดนะคะ ตามมาด้วย 1 ชิ้นที่เค้า dedicate ให้กับผลไม้ไทย (Thai Fruit Delicacy) อย่างซีซั่นนี้ ใช้เป็นส้มกับน้ำผึ้งป่า เราชอบชิ้นนี้มากๆ เพราะเราทานกันมาเยอะแล้ว ชิ้นนี้เลยไม่หนักเลยค่ะ ถือเป็นชิ้นที่เบา สมูท เนียนนุ่มมากๆ ค่ะ

สุดท้ายแล้วจริงๆ ค่ะ ปิดท้ายด้วย Chiang Mai Chocolate ซึ่งเป็นจุดที่เราชอบมากๆ ที่เชฟเรียนรู้ของท้องถิ่น ใช้ และ ยกระดับของดีบ้านเราขึ้นมาค่ะ อย่างชิ้นปิดท้ายชิ้นนี้ เป็น ช๊อคโกแลตมูส ที่ตอนแรก เราก็รู้สึกอิ่มมากกก และเกือบจะไม่ทานแล้วค่ะ แต่เชฟบอกว่า เค้าคิดมาแล้ว ว่าชิ้นนี้มันต้องไม่หนัก แต่เค้าอยากให้เรามีความกลมกล่อม หอมหวลของช๊อคโกแลต ติดปากกลับบ้าน

สรุปว่า ทานเข้าไป เหมือนละลายหายในปากเลยค่ะ นุ่มละมุนมากจริงๆ ค่ะ

ส่วนแก้วนี้เป็น ซิกเนเจอร์ ช็อกโกแลตร้อน สำหรับคนไม่ทานชากาแฟค่ะ เป็นช็อกโกแลตข้น ไม่หวาน รสช็อกโกแลตเต็มปากเต็มคำค่ะ

โฉมหน้าของเชฟ Bruce Trouyet, Executive Pastry Chef ที่ดูแลและรังสรรค์ขนมหวานในวันนี้ ส่วนผู้ที่ดูแลของว่างคาวจะเป็น เชฟ Andrea Accordi, Executive Chef ที่ดูภาพรวมทั้งของเดอะเลาจน์ และ ห้องอาหารภายในโฟร์ซีซั่นส์ทั้งหมดค่ะ บอกเลยว่า ออกมาเป็น ดินแดนของฟู้ดดี้เลย





The Lounge (เดอะ เลาจน์)

ตั้งอยู่ภายใน โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ถนน เจริญกรุง

ชุดอาฟเตอร์นูนที เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 14.00 – 17.00 น. ในราคาท่านละ 1,350 บาท++

และยังให้บริการ
อาหารเช้า 6:30 น. – 11:00 น.
All-day Dining 11:30 น. – 23.00 น.
เครื่องดื่ม 11:30 น. – 23.00 น.

โทร. : 02 032 0888
เว็ปไซต์ : http://www.FourSeasons.com/Bangkok/

error: