[รีวิว] Tenko โอมากาเสะหรูแห่งใหม่ ใจกลางสวนพฤกษศาสตร์ โรงแรม พูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ

หลังจากที่ได้รีวิวโอมากาเสะกันไปหลายแห่ง และได้รับเสียงตอบรับอย่างมากมาย วันนี้จะขอพาไปลอง ร้านโอมากาเสะร้านใหม่ล่าสุดในกรุงเทพ กับร้าน Tenko ซึ่งแอบอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์สงบๆ กลางโรงแรม พูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ ได้ฟีลร้านโอมากาเสะลับๆ ในญี่ปุ่นแบบสุดๆ
เชฟ Goji Kobayashi เชฟหนุ่มผู้ผ่านประสบการณ์ในร้านซูชิระดับไฮเอนด์และมิชลินสตาร์ ทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกา และร่วมงานกับร้าน Wako ในเมือง San Francisco ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ร้านนี้ โดยชื่อร้าน Tenko แปลว่าจิ้งจอกศักดิ์สิทธิ ในตำนานของญี่ปุ่น ที่จะงอกหางที่เก้า และแปลงร่างเปล่งสีทองเมื่อมีอายุครบ 1,000 ปี เปรียบได้กับเชฟซูชิ ที่ร่ำเรียนวิชา สั่งสมประสบการณ์มามากพอ ที่จะเปิดร้านซูชิของตัวเองได้
เครื่องไม้เครื่องมือของเชฟ Goji ในวันนี้ค่ะ จะเห็นว่า condiment ทั้งหลายจะเป็นของ premium ทั้งหมด ทั้งแท่งวาซาบิสดที่ปลอกเปลือกมาอย่างสวยงาม และส้ม Yuzu ที่พร้อมขูดเปลือกให้ความหอมค่ะ ในวันนี้ เรามาทานชุด Nigiri Omakase Course ราคา 4500 บาทเน็ต ซึ่งประกอบไปด้วยอาหาร 14 อย่างด้วยกันค่ะ

คอร์สแรกของวันนี้ เริ่มด้วย combo ของ ตับปลาอังโกะ (Ankimo) และ ถุงสเปิร์มปลาคอด (Shirako) โรยด้วยเปลือกส้ม Yuzu ขูดค่ะ รสชาติถือว่าลงตัว อร่อยค่ะ ได้ทั้งความหวานมัน เข้มข้นของ Ankimo ผสมผสานกับความ creamy เมือกๆ ของ Shirako ตัดเลี่ยนและเสริมความหอมด้วยซอสและเปลือกส้มค่ะ
ถัดจากจานแรก เราจะเริ่มคอร์สซูชิกันละค่ะ เชฟ Goji กำลังบรรจงเตรียมปลาตัวโปรดของเราค่ะ ซึ่งก็คือ Sayori นั่นเอง
Sayori หรือปลาเข็มญี่ปุ่น จากเมืองชิบะ เป็นปลาที่หาทานได้ไม่ง่ายนักในร้านซูชิทั่วไป รสชาติใส มีความมันเล็กน้อยแต่พอดี texture กรุบกรอบดีงามค่ะ
ต่อด้วย Yari Ika จากเมือง Kanagawa ชิ้นนี้เชฟบั้งมาดีมาก ตัวปลาหมึกนั้นหนึบ แต่ไม่เหนียวเลยค่ะ
ตามมาด้วย Hon Mirugai จากเมือง Nagazaki ค่ะ คำนี้ดีมากๆ หวานกรอบ เด้งสู้ฟันดีเลยล่ะค่ะ

เรามาต่อกันด้วยซูชิคำต่อไป คือ Katsuo Dai จาก Nagazaki เช่นกันค่ะ ปลาตัวนี้อยู่ในตระกูล Tai หรือ ปลากระพงนั่นเองค่ะ
ตามมาด้วย Tsuri Aji หรือปลาทูหางแข็งที่ถูกจับด้วยการตกปลาแทนการลากอวนค่ะ การตกแบบ line caught ทำให้เนื้อปลาช้ำน้อยกว่า texture และรสชาติจึงดีกว่าตามไปด้วยค่ะ นับเป็น Aji ที่อร่อยมากคำนึงเลยค่ะ
คำถัดมาเป็น Katsuo หรือก็คือปลาโอนั่นเอง นำมาย่างด้วยฟาง กลิ่นหอมมากๆ รสชาติเหมือน akami ชั้นดีแต่ complex กว่าไปอีกค่ะ
ลืมบอกไปว่า Shari หรือข้าวซูชิของร้าน Tenko นี้ เชฟใช้น้ำส้มสายชูสองชนิด ทั้งแดงและขาว เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว ไม่เปรี้ยวไม่หวานเกินไปค่ะ ติดอย่างเดียวว่าคำค่อนข้างเล็กมากๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเทรนด์ท้องถิ่นที่ซานฟรานรึป่าวนะคะ เพราะร้านโอมากาเสะในลอนดอนก็ปั้นคำเล็กประมาณนี้ทุกร้านเลย
ชิ้นถัดมา เป็นปลา Kamasu หรือที่เราอาจจะรู้จักในชื่อ barracuda ค่ะ เนื้อค่อนข้างนิ่ม มีความมันอยู่พอตัว แต่รสชาติไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่นัก
เรามาดู drink list ของทางร้านบ้างค่ะ จะเห็นว่ามี sake selection ที่หลากหลายมากๆ ร่วม 50 ฉลากได้ค่ะ ประทับใจคอสาเกอย่างแน่นอน เพราะมีของหายากหลากหลายตัวให้ลิ้มลองกัน ที่สำคัญ sake by glass นั้นใช้ของดีมากๆค่ะ ส่วนใครไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล ทางร้านก็มีชาญี่ปุ่นหลากหลายชนิดให้เลือกดื่มค่ะ
วันนี้เราเจาะจงเลือกสาเกสองตัวมา pairing กับซูชิของเราค่ะ ตัวแรกเป็นสาเกระดับ Junmai Ginjo ที่มีความหวานหอมในระดับที่ดี เหมาะกับการดื่มกับซูชิคำแรกๆที่รสชาติอ่อนค่ะ บางท่านอาจจะชอบดื่มสาเกระดับ Daiginjo ที่ราคาแพงกว่า เพราะมีความหอมและลื่นไหลมากกว่า แต่สำหรับเรา เราคิดว่ารสชาติมันใสไปสำหรับดื่มคู่กับอาหารค่ะ สาเกตัวที่สองของเราเป็นสาเก Junmai Genshu ซึ่งเป็นสาเกที่ undiluted รสชาติจะหนักแน่น เหมาะสำหรับซูชิคำหลังๆที่มีความเข้มข้นขึ้นค่ะ
ต่อกันที่ซูชิคำถัดไปค่ะ เป็นปลา Kohada ซึ่งหากินได้ง่าย แต่หาอร่อยได้ยาก ซึ่งเชฟ Goji ทำออกมาได้รสชาติดีทีเดียวเลยค่ะ ประกบกับคอมบุค่ะ
คำถัดไปเป็น highlight ของมื้อนี้ก็ว่าได้ ซึ่งก็คือ Nodoguro จากเมือง Akamatsu เป็นปลาที่หาทานยาก ราคาค่อนข้างแพง มีความมันและรสชาติที่อุมามิมาก ชอบมากๆค่ะ
เพิ่มระดับความเข้มข้นด้วยปลา Buri ช่วงส่วนท้องจากทาง Hokkaido ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ปลาก็จะมีความมันเป็นพิเศษ ขูดผิว yuzu มาด้นบนด้วย เพื่อตัดเลี่ยนค่ะ
เติมเต็มความเข้มข้นต่อไปด้วย Otoro จาก Kanagawa ค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการ aged แต่รสชาติก็ออกมาเข้มข้น และรสสัมผัสนุ่มนวลมากค่ะ
เราจบเมนู nigiri กันด้วยปลาไหล Anago ค่ะ คำนี้ทำได้ดีมากๆเช่นกัน ด้วยซอสที่รสชาติดี ไม่หวานจนเกินไป และปลาไหลที่ต้มมาอย่างพอดีมากๆ ทานแล้วรู้สึกดีค่ะ
พอจบคำก่อนหน้า เชฟก็ได้ถามเราว่า อยากได้อะไรเพิ่มไหม เราจึงไม่รอช้าขอเพิ่มไข่หอยเม่น หรือ Uni ค่ะ เพราะเป็นวัตถุดิบที่เราชอบมาก แต่เสียดายที่ไม่มีรวมอยู่ในชุด Nigiri omakase ค่ะ
Uni ของที่ร้านนั้นคุณภาพดีตามมาตรฐานค่ะ ส่วนสาหร่ายที่เห็นเป็นสาหร่าย จากทะเล Ariake มีความหอมกรอบกว่าสาหร่ายปกติทั่วไป แต่เราคิดว่ามันไปกลบความหวานหอมธรรมชาติของหอยเม่นไปค่ะ ก็น่าเสียดายอยู่ ถ้าเอามาทำ Torotaku น่าจะฟินค่ะ
ก่อนถึงของหวาน เชฟได้เสริฟ soup ให้เราได้ดื่มล้างปากค่ะ ตัว dashi ถือว่ากลมกล่อมดีทีเดียว
ปิดท้ายด้วยขนมหวานค่ะ เป็น Yuzu granita กับ สตอเบอรี่และองุ่นขาวบนเยลลี่ค่ะ รสชาติดีตามท้องเรื่องของวัตถุดิบค่ะ
บรรยากาศด้านนอกร้าน Tenko ค่ะ เป็นอาคารกลางโรงแรม ล้อมรอบไปด้วยน้ำ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวและความหรูหรามากค่ะ ด้านหน้ายังออกแบบมาเหมือนทางเข้าร้านซูชิแถวนิชิอาซาบุอะไรแบบนั้น ได้ฟีลมากๆ
โดยรวมแล้ว ร้าน Tenko ก็รับเป็นร้าน Omakase ที่ดีอีกร้านหนึ่งในกรุงเทพฯค่ะ ส่วนตัวชอบร้านที่ข้าวเปรี้ยวกว่านี้ และปั้นคำใหญ่กว่านี้สักหน่อย แต่ก็เป็น preference ของแต่ละคนนะคะ คุณภาพวัตถุดิบที่ใช้ ทุกอย่างอยู่ในเกรดดีถึงดีมาก โดยเฉลี่ยไม่แย่ไปกว่าร้าน Omakase ร้านอื่นค่ะ ในแง่ของราคา อาจจะดูเหมือนแรงไปสักนิดกับราคา 4,500 บาท สำหรับอาหารทั้งหมด แต่ราคาข้างต้นเป็นราคา net ไม่มีบวกแล้วก็นับว่ารับได้ค่ะ
ข้อดีของร้านที่สำคัญคือ ร้านนี้ เป็นร้านซูชิ Omakase ที่อยู่ใจกลางโรงแรม บริการชั้นยอด และเดินทางมาสะดวก มีที่จอดรถ แอบแวะช้อปคิงพาวเวอร์ได้ด้วย นักท่องเที่ยวที่มาพักก็สามารถที่จะได้ทานซูชิชั้นดีได้ทันทีโดยไม่ต้องออกไปเสาะหาเลยละค่ะ
อ้อ ที่นี่เปิดรอบเดียว คือเวลา 18.00 น. (เลทได้ไม่เกิน 30 นาที) รอบละ 10 ท่านนะคะ ต้องจองไปก่อนและต้องจองออนไลน์เท่านั้นนะคะ กดจองที่นี่ได้เลยค่ะ https://bit.ly/2Skroc7
ร้าน Tenko
ตั้งอยู่ในพฤกษศาสตร์ ชั้นล๊อบบี้โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ซอย รางน้ำ
เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดให้บริการวันจันทร์) เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
จำกัดเพียง 10 ที่นั่ง เปิดสำหรับการจองออนไลน์เท่านั้น
สามารถจองได้ที่ https://bit.ly/2Skroc7