ท่ามกลางกระแส ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ที่มาแรงมากๆ หนึ่งในร้านที่ฮิตและจองยากสุดๆ ต้องยกให้กับร้าน Seasoning 36 อาหารแบบ Home Cooking สุดไพรเวท จองเต็มกันกว่า 3 เดือนล่วงหน้า อาหารทุกจานนั้นถูกรังสรรค์โดยเบนซ์-อัครเดช เตชะเกสรี หรือ ที่หลายคนเรียกติดปากว่า เชฟเบนซ์ นั่นเอง

ร้าน Seasoning 36 นั้น ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นบ้านของเชฟเบนซ์นั่นเอง ทำให้ความรู้สึกเวลาที่มาทานทุกครั้งจะเหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อน และตัวเชฟเบนซ์เองก็เป็นคนอัธยาศรัยดีมากๆ เวลาไปทานก็จะรู้สึกสนุกสนาน อบอุ่น ไม่เกร็ง เลย ชวนคุยไปคุยมาก็จะทราบว่า เชฟเบนซ์ไปเรียนทำอาหารที่นิวยอร์ก และเคยฝึกงานอยู่ที่ร้านอาหารที่นั่นมาก่อนอีกด้วย

สำหรับอาหารของร้าน Seasoning 36 นั้น ต้องบอกว่า เป็นอาหารแบบ คอมฟอร์ตฟู้ดสุดๆ มีความละเอียดอ่อน มีรสมือที่ดีมากแบบกลับไปทานได้เรื่อยๆ เลย เชฟมีเทคนิคในการจัดการวัตถุดิบแต่ละชนิดได้ดี และ มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีค่ะ ดังนั้น ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะเป็นร้านเชฟส์เทเบิ้ลแบบ fine dining ที่มีทีมครัวหลายๆ คน ที่นี่ เชฟเบนซ์ทำเองทั้งหมดคนเดียว ดังนั้น อาจจะไม่ได้เทคนิคเว่อวังอลังการแบบเต็มไปด้วยโฟม เจล โมเลกูล่าเทคนิค อะไรแบบนั้นนะคะ

ที่นี่ โดยปกติจะมี 2-3 รูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นคอร์สอาหารไทยแบบโมเดิร์น อาหารญี่ปุ่น หรืออาหาร ตะวันตก แล้วแต่ว่าเราอยากจะทานอะไร โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาท ต่อท่าน ตามแต่วัตถุดิบที่ใช้ แต่แอบบอกว่า อยากทานอะไรก็ลองรีเควสท์ไปก่อนได้นะคะ

การจองให้ทักไปที่ไลน์ @seasoning36 ได้เลยค่ะ ปกติทางร้านจะรับจองรอบละกรุ๊ปเลย ทำให้เต็มตลอด แต่ถ้าจองครั้งนึงก็จะไปทานกันได้ 6-8 คนเลยค่า

สำหรับวันนี้ เรามาทานคอร์สอาหารไทย-โมเดิร์นกันค่ะ

เริ่มต้นด้วย ปลากุเลาย่าง ในซอสคล้ายต้มข่าที่หอมน้ำมันพริกและผิวมะนาวมากๆ ปลากุเลานั้นปกติเราจะเห็นนำไปทำปลาเค็มค่ะ แต่เชฟนำไปหมักเกลือแบบญี่ปุ่นเพื่อดูดน้ำส่วนเกินในปลาออก ทำให้ลดความคาวและเพิ่มความเฟิร์มให้กับเนื้อสัมผัส ความนัวของต้มข่าและปลาที่กรอบฟูนั้นเข้ากันมากค่ะ ทำปลากุเลาได้ดีมาก

ต่อไปเป็น Signature Dish นั่นก็คือ กุ้งแช่น้ำปลาซอสมะม่วง – กุ้งลายเสือสดๆ ตัวโต ลวกและดองน้ำปลา จนได้กุ้งที่เนื้อแน่น หวาน เด้ง ทานกับ อโวคาโดพูเรคล้ายๆ กับ Guacamole ข้างล่างแต่ทำรสชาติเหมือนน้ำจิ้มซีฟู๊ด ทำให้มีความมันและอูมามิของอโวคาโด และราดด้วย mango puree เพิ่มความหวานหอม เสริมสร้างความกลมกล่อมให้กับอาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี

ปูผัดพริกเผา – เชฟนำเนื้อปูม้าสดหวานมาผัดกับพริกเผา พริกแห้ง ผักแพว แกล้มด้วยชมพู่ และโรยด้วยไข่แดงเค็ม จานนี้จะออกหวาน เผ็ด กลมกล่อม และได้ความสดชื่นและความเขียวจากผักแพวมาเพิ่มมิติรสชาติให้น่าสนใจมากขึ้น

เป็ดตุ๋นมะนาวดอง – อกเป็ดรมควันชิ้นหนาที่อร่อยมากๆ เสิร์ฟมาในซุปไก่ที่ตุ๋น โครงไก่ หอมใหญ่ มะเขือเทศ และมะนาวดอง เคี่ยวรวมกันไป 3-4 ชม. จนได้ซุปที่เปรี้ยวหวาน กลมกล่อม อูมามิสุดๆ โดยเชฟบอกว่าเคล็ดลับอยู่ที่การปลอกเปลือกมะดาวดอง เพราะจะทำให้รสขมหายไป

ปลาเก๋าแดงคุณภาพดีมากๆ นำไปทอดจนหนังกรอบ เนื้อนุ่มฟู เสิร์ฟกับ มะม่วงน้ำปลาหวาน น้ำตาลมะพร้าว และผักขแยง ที่พอเอามารวมกันแล้วมีความแปลกใหม่ และลึกซึ้งดี

มัสมั่นไก่ย่าง – นี่อาจจะเป็นหนึ่งในแกงมัสมันที่เนียนเบา และอร่อยที่สุดจานหนึ่งที่เราเคยทานมาเลย สะโพกไก่นั้นถูกนำไป pan seared จนหนังกรอบเนื้อนุ่ม วางมาบนมันบดเนื้อเนียนละเอียดที่ปรุงรสด้วยน้ำกะทิ ราดด้วยแกงมัสมันที่รสชาติบาลานซ์สุดๆ ได้ความเปรี้ยว หวาน หอม สดชื่น จากมะขามเปียก และส้มซ่า

ปิดท้ายด้วยขนมหวานประจำร้าน สาคูต้น น้ำตาลโตนดคาราเมลและกะทิ มีความหอม หวาน มัน สาคูต้นนั้นคือสาคูแท้จากต้นจริงๆ โดยทุกวันนี้ที่เราเห็นสาคูส่วนใหญ่จะเป็นสาคูที่ทำมาจากแป้งค่า

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ร้านนี้เป็นร้านประจำของหลายๆคน ก็คือตัวเชฟเบนซ์นั่นเอง ที่ทำให้ประสบการณ์ทานอาหารบ้านเพื่อนที่ Seasoning 36 นั้น นอกจากได้ทานอาหารอร่อยแล้ว ยังมีความสนุกเฮฮาตลอดมื้ออาหาร ไปทานจนกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้วค่ะ

สำหรับเรา Seasoning 36 เป็นร้านที่เราคิดว่าคุ้มค่าค่ะ อาหารมื้อสุดไพรเวทนี้ 7 คอร์ส ราคาเพียง 1,900 บาทเท่านั้น ซึ่งเราคิดว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับรสชาติอาหาร วัตถุดิบที่ใช้ และความยุ่งยากในการตระเตรียมอาหาร และถึงแม้ว่าการจัดจานหรือความซับซ้อนของอาหารจะไม่ได้มากมาย เท่ากับร้านอาหารสไตล์ไฟน์ไดนิ่งหลายๆร้าน แต่ร้าน Seasoning 36 นั้นเป็นร้านที่ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี และเชฟเบนซ์นั้นมีรสมือที่ดี สามารถทำอาหารให้รสชาตินั้นออกมาอร่อย ทานง่าย หลายครั้งก็มีความแปลกใหม่ที่เราไม่เคยได้ทานที่ไหนมาก่อน

---

ร้าน Seasoning 36

ตั้งอยู่ในซอย แสนสบาย 2 สุขุมวิท 36 มีที่จอดรถในซอยหน้าบ้าน

เปิดเฉพาะมื้อเย็น รับ 1 โต๊ะต่อวัน

จองได้ที่ ไลน์ @seasoning36
โทร. 081-459-8403