แพ็คกระเป๋า ตะลุยย่านอารีย์ อัพเดท 10 คาเฟ่ถ่ายรูปสวย และ Staycation ที่ JOSH Hotel

มาอัพเดทร้านใหม่ๆ คาเฟ่น่ารักๆ จุดถ่ายรูปสวยๆ ในย่านสุดชิคอย่าง “อารีย์” กันค่ะ วันนี้ Eat Chill Wander ขนมาให้ถึง 10 ร้าน แถมยังพาไปพักโรงแรมที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คแห่งย่านนี้อย่าง Josh Hotel อีกด้วย

ในฐานะคนบ้านไกลย่าน “อารีย์” นานๆ ทีจะได้มาซักครั้ง ประจวบเหมาะกับโอกาสที่ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ เลยขอทำกรุงเทพฯ เป็นที่เที่ยว ทำวันหยุดศุกร์เสาร์อาทิตย์ ให้กลายเป็นหนึ่งทริป จัดกระเป๋าลากมาเที่ยวย่านร้านอาหารและคาเฟ่สุดฮิปแห่งนี้ บอกเลยว่า ถ้าสนุกกับการไปคาเฟ่ฮอปปิ้งที่ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ฉันใด การมาเที่ยวอารีย์ก็สนุกแบบนั้นแหล่ะ!

สำหรับชาวอารีย์และคนที่แฮงก์เอาท์ย่านนี้เป็นประจำ บทความนี้อาจจะฟังดูไม่เมคเซนส์เลย แต่ลองแกล้งๆ เปิดใจ เปลี่ยนบ้านให้เป็นที่เที่ยวดูซักครั้งก็ไม่เสียหายนะ อาจจะติดใจก็ได้! ตามมาเลย


Day 1

ลากกระเป๋านัดกันมาเจอที่ BTS อารีย์ เราขอลองไปทานร้านใหม่ที่มีชื่อว่า “Kinlenn Eatery&Play” แม้จะชื่อว่า กินเล่น แต่พวกเรากินไม่เล่นนะจ้ะ เพราะอาหารไทยรสชาติจัดจ้าน แต่มีความคอมฟอร์ท เติมพลังก่อนไปตะลุยย่านนี้ ที่สำคัญ แม้จะอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ร้านมีที่จอดรถนะคะ (อ่านรีวิว Kinlenn ฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่)

ข้างกับร้าน จะมีร้านที่ดูโมเดิร์นและมินิมอล แต่กลับมีดีเทลน่ารักๆ อย่าง Moomin Pop Bubble Tea Bar อยู่ แม้จะเป็นบาร์ชานมไข่มุก แต่บอกเลยว่าร้านนี้ไม่ธรรมดา นอกจากคาแรคเตอร์น่ารักๆ อย่างมุมินแล้ว เครื่องดื่มที่นี่ ยังถูกคิดค้นมาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะตัวเม็ดป๊อปอันใหญ่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทานแล้วสดชื่นมากๆ

จาก BTS อารีย์ ก็กลับรถมาเข้าซอย อารีย์กัน มุ่งหน้ามายัง อารีย์ ซอย 4 ฝั่งเหนือ เพื่อมาเช็คอินที่โรงแรม JOSH Hotel โรงแรมที่เราจะใช้เป็นฐานในการสำรวจและคาเฟ่ฮอปปิ้งย่านนี้กัน!

นอกจากโลเคชั่นที่สะดวกแล้ว โรงแรม Josh Hotel ยังมีการตกแต่งที่ใช้มู้ดแอนด์โทนอย่างกับหลุดออกมาจากหนัง Wes Anderson เลยกลายเป็นเสมือนแลนด์มาร์คของย่านอารีย์อีกหนึ่งแห่งไปแล้ว

เชื่อว่า สาวๆ หลายคน น่าจะเคยแวะมาถ่ายรูปที่นี่กันบ้างแหล่ะ แต่ขอกระซิบบอกว่า ถ้าได้มาพักเนี่ย คนละบรรยากาศกันเลยนะ ช่วงนี้มีโปรไม่แพงเลย! หารกันถูกกว่าค่าแท๊กซี่ไปกลับอีก!

หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ขอเอาของขึ้นมาเก็บให้เรียบร้อย เราพักห้อง Family Room ซึ่งเป็นเตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงสองชั้นอีกหนึ่ง พักได้สูงสุด 4 คน

เอาจริงๆ ห้องแคบกว่าโรงแรมที่ปกติเราชอบไปพักมากๆ แต่ถ้าเทียบกับ โลเคชั่น ดีไซน์และคอนเซปท์ ฟังก์ชั่น รวมไปถึงราคา ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ คิดว่าถ้าตัวเองเป็นนักท่องเที่ยว ก็คงมองว่าที่นี่คุ้มดีนะ อย่างห้องนี้ช่วงที่เราไป คืนละ 1200.- หารกัน 4 คน เหลือ 300.- อยู่ๆ ไป ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรนะ ชิวดี เปิดห้องมานั่งเม้าท์กันยังคุ้มเลย!

ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเล่นๆ มุมไหนก็ดู Wes Anderson ไปหมด ในโรงแรมมีอีกหลายมุมเลย แต่เดี๋ยวโพสท์จะยาวเกิน ไปอ่านรีวิว JOSH Hotel ฉบับเต็มได้ คลิ๊กที่นี่

เราลงมาทานอาหารเย็นกันชั้นล่างของโรงแรมเลย ร้านนี้อยู่ด้านหน้า เดิมเคยชื่อ Ari Recipe แต่ตอนนี้เค้าทำเป็นคอนเซปท์ใหม่ ชื่อว่า “Kisu Izakaya”

สระว่ายน้ำที่โรงแรมปิดสองทุ่ม คุณพี่คะ เรารู้ว่าทุกคนเคยมาถ่ายรูปที่สระว่ายน้ำโรงแรม Josh แต่ถ้าคุณยังไม่เคยมาตอนกลางคืน ขอให้คิดใหม่ ตอนกลางคืนบรรยากาศโคตรดีเลย เป็นการมาสระว่ายน้ำโรงแรม Josh ที่ไม่ได้มาเพื่อถ่ายรูป แต่มาแบบสนุกจนลืมเวลาเลย


Day 2

เมื่อคืนลากยาวไปหน่อย วันนี้ตื่นสายๆ ไปเลยจ้าาา

มื้อสายรวบมื้อเที่ยง เราไม่ไปไหนไกล เดินลงมากิน Brunch กันที่ชั้นล่างโรงแรมนี่แหล่ะ ร้าน Casa Lapin เค้าย้ายจากตรงปากซอย มาเปิดที่นี่ที่เดียวแล้วนะ

Casa Lapin x Josh Hotel จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ในการทานมื้อสายควบเที่ยง เติมพลังก่อนไปคาเฟ่ฮอปปิ้งกัน

แอบเดินไปช้อปแผ่นเสียงนิดนึง ตรงล็อบบี้มีเครื่องเล่นเปิดฟังได้นะ

ซักพักเราก็ไปคาเฟ่ฮอปปิ้ง ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของย่านนี้ และเราฮอปโดยการเดินจริงจัง เอ๊าาา ที่ทุกคนเห็นเราเที่ยวสิงคโปร์เราก็เดินนะ ไม่ได้ร้อนน้อยกว่านี้หรอก!

ออกมาจากโรงแรมก็จะเจอแหล่งท่องเที่ยวล่าสุดที่ฮิตมากๆ อย่าง GUMP ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะจริง แต่คนก็เยอะมากๆ เช่นกันค่ะ ขนาดมาวันธรรมดานะ ยังไง ไปถ่ายรูปก็อย่าลืมอุดหนุนร้านค้า ร้านอาหารในโครงการด้วยนะคะ

จากนั้นเราก็เดินไป Hamlet x Chuanpisamai ในอารีย์ ซอย 3 จัดร้านได้อลังการ สวย แฟรี่เทลทุกมุมเลยค่ะ ชอบมากๆ ที่นี่คนเยอะมากๆ เช่นกัน

ด้วยความที่ตอนไป คนเยอะมากกกก เลยไม่ได้ลองสั่งเมนูของหวานเลยค่ะ แต่ก็ไม่เห็นเมนูที่เป็นขนมหวานเป็นจานอลังการๆ เหมือนที่ร้านเก่านะคะ ส่วนเมนูเครื่องดื่มโอเคค่ะ

“Blacksmith” ร้านนี้เก๋มาก อยู่ใน อารีย์ ซอย 3 เช่นกัน เดินถึงกันได้เลยค่ะ ที่นั่งด้านล่างจะเป็นโซนเอ้าท์ดอร์ ส่วนห้องแอร์อยู่ด้านบน เมนูเครื่องดื่มร้านนี้ทำได้ดีเลยค่ะ ทั้งรสชาติ แก้วที่ใช้ พรีเซนเทชั่น ดีเลย

เรามาตอนบ่ายเป็นคาเฟ่ แต่ตอนเย็นเสิร์ฟดินเนอร์ด้วยนะคะ ลองมาทานกันได้

“Atomic Pills” เราเดินกันไปจบการคาเฟ่ฮอปปิ้งวันนี้ ที่ Atomic Pills ค่ะ คาเฟ่ที่หมอตั้มจากรายการ Master Chef และเพื่อนๆ หมอทำขึ้น โดยตั้งความหวานทุกเมนูไว้ที่ 0% คำนวณแคลเลอรี่ไว้ให้เสร็จสรรพ ใครชอบเครื่องดื่มหวานน้อยจะชอบที่นี่มากๆ

ใครเดินไม่ไหว แนะนำนั่งแท๊กซี่เอานะคะ ส่วนเราคือเป็นปลื้ม เพราะเป็นคนชอบเดินมากๆ แล้วคิดดูว่า เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย แค่ได้เดิน explore ย่านนี้ยังแฮปปี้เลยค่ะ อากาศมันก็ไม่ได้ร้อนกว่าสิงคโปร์ หรือ อิตาลี/ญี่ปุ่น หน้าร้อนนะคะ เดินในร่ม โอเคนะ

เย็นนี้ เราจบวันกันที่ “ROHA” เนื่องจากเพิ่งดูซีรีส์เกาหลีจบจ้า ก็เลยขอจัดอาหารเกาหลีซักหน่อย

อาหารใช้ได้เลยค่ะ มีเมนูหลากหลาย มีคนบอกติดเค็ม ซึ่งเราว่าก็เค็มอยู่ แต่เราชอบนะ ทานหมดเกลี้ยง

The KEY  ปิดท้ายวันนี้ด้วยบาร์ลับของ Mr.JOSH เค้าแหล่ะ กลับมาดื่มกันที่โรงแรมเนี่ยแหล่ะค่ะ สบายใจดี ดื่มเสร็จก็ขึ้นไปนอนได้เลย

สำหรับ The KEY เป็นบาร์ลับสไตล์ Speakeasy ซึ่งเราต้องไปขอกุญแจกันที่ล๊อบบี้ก่อนนะคะ ถึงจะไขเข้ามาในบาร์แห่งนี้ได้ ค๊อกเทลแต่ละตัว ก็จะเป็นเรื่องราวการเดินทางของ Mr. JOSH ที่เป็นเหมือนไอค่อนของโรงแรมแห่งนี้นั่นเอง

Day 3

2 คืนผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะตะลุย 10 ร้านกันได้ชิวๆ เพราะมีฐานเป็นโรงแรมแถวนี้เนี่ยแหล่ะค่ะ วันสุดท้ายก่อนเช็คเอาท์ เราเลยชิวกันอยู่ที่ห้อง เม้าท์กันยาวๆ นี่ยังไม่อยากกลับเลยนะ!

หากใครไม่ค่อยได้มาอารีย์ และ มีอยากทำกรุงเทพให้เป็นที่เที่ยว ก็ลองตามรอยกันดูนะคะ <3


หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: