[รีวิว] Antito ร้านอาหารอิตาเลียนสุดป็อป ใจกลางสาทร กับเมนูอิตาเลียนท้องถิ่นไม่ซ้ำใคร

บนชั้น 14 ของโรงแรม อีสทิน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของร้านอาหารอิตาเลียนแห่งใหม่ใจกลางเมือง “Antito” (แอนติโต้) ชื่อที่ผสมผสานคำว่า Antipasti ที่แปลว่าอาหารเรียกน้ำย่อยในภาษาอิตาเลียน และชื่อกลางของเชฟ Amerigo Tito Sesti ไว้ด้วยกัน
เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกคุ้นชื่อเชฟ เพราะเชฟเป็นหัวหน้าเชฟผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ถึง 5 ปีซ้อน อย่างร้าน J’aime by Jean Michel Laurent ซึ่งร้านที่เชฟได้รางวัลนั้น เป็นร้านประจำที่เราชมเสมอว่า เชฟเป็นคนละเอียดมากๆ อย่างเช่น ทั้งการลงจาน ซอสและคอนดิเม้นท์ต่างๆ อย่างการ Brunoise ผักก็ออกมาเท่ากันทุกชิ้นอย่างกับเอาไม้บรรทัดวัด
และด้วยความที่เชฟเป็นคนอิตาเลียน มีคนกระซิบมาตลอดเลยว่า เชฟทำอาหารอิตาเลียนอร่อยมาก ทำให้เราอยากลองทานอาหารอิตาเลียนฝีมือเชฟมากๆ
วันนี้เลยได้โอกาส มาที่ร้านใหม่ ตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะสไตล์ Pop Art ด้วยบรรยากาศกึ่งเอ้าท์ดอร์ข้างสระว่ายน้ำ ได้บรรยากาศสดใสมากเลยทีเดียว
หลังจากดูเมนูแล้ว ต้องบอกว่า อาหารอิตาเลียนที่เชฟทำที่นี่ น่าสนใจมาก และ เชฟพยายามจะนำเสนอเมนูท้องถิ่น ที่ไม่ค่อยเห็นในร้านอิตาเลียนนอกประเทศอิตาลี
ถ้าให้เทียบก็คงเหมือนเวลาเราไปร้านอาหารไทยที่ต่างประเทศ จะมีเมนูชื่อซ้ำๆ กัน อยู่ 20-30 เมนู ซึ่งพวกเราก็ทราบกันดีว่า อาหารไทยมีเมนูเยอะกว่านั้นเยอะมากกกก อิตาลีก็เช่นกัน ไม่ได้มีแค่พิซซ่ากับพาสต้าเส้นยาวๆ เท่านั้น เชฟเลยเลือกที่จะหยิบเมนู ที่อาจจะเป็นที่รู้จักน้อยกว่า มานำเสนอค่ะ — ซึ่งถ้าใครตาม blog อิตาลีเรา จะทราบว่าเราชอบลองทานของกินแต่ละแคว้นในอิตาลีมากๆ เพราะมันหาทานที่อื่นยาก เลยรู้สึกแฮปปี้มากๆ
เริ่มจาก Amuse Bouche พายฟักทองที่เป็นชิ้น Savory ไม่ธรรมดาเลย
Prawn Carpaccio (ราคา 620.-) ใช้กุ้งลายเสือเนื้อหนุบ สะดุ้งน้ำเร็วๆ แช่ในน้ำมัน กับมะเขือเทศและมะเขือม่วง ตัวมะเขือม่วงแช่น้ำมันนี่ทำให้นึกถึงอิตาลีมากๆ เลยค่ะ รสชาติโดยรวมกลมกล่อม นัวดีมาก
Parmigiana Express (ราคา 280.-) การทำเมนู Eggplant Parmesan หรือมะเขือม่วงอบชีสที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นค่ะ ปกติแล้ว เมนูนี้จะเป็นเมนูที่ทำเตรียมไว้ พอสั่งก็นำมาอบ คล้ายๆ ลาซานญ่า แต่ว่าเชฟเลือกที่จะสร้างสรรค์ใหม่โดยการทำสดๆ เมื่อมีออเดอร์ เริ่มจากย่างมะเขือ ราดซอส โรยชีส แล้วนำไปอบใหม่เลย จะได้เมนูนี้ ในเวอร์ชั่นที่ไลท์ขึ้นค่ะ เพราะปกติมันจะแน่นๆ หนักๆ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสมะเขือเทศอีกแล้วค่ะ
The Cuttlefish Salad (ราคา 380.-) ตัวปลาหมึกทำเทกเจอร์มาได้แบบบางแต่ยังกรุบ เข้ากับแตงกวาที่แทบไม่มีกลิ่นเขียวของแตงกวาเลยค่ะ สลัดทั้งจานกลมกล่อมไปด้วยกลิ่นรสแฝงของ Spicy Fennel Vinaigrette ที่ทำออกมาได้ดีมาก เป็นสลัดที่รสชาติค่อนข้างไลท์นะคะ
Pizza Fritta (ราคา 380.-) พิซซ่าที่เอาแป้งไปทอดก่อน แล้วเอามาโรยหน้าตามปกติ เป็นของที่หาทานได้แถวๆ Napoli เท่านั้น จานนี้ดีมากๆ ไม่เคยทานมาก่อนเลย แป้งพิซซ่าพอเอาไปทอดมันจะมีความกรอบข้างนอก ข้างในยังหนุบเหมือนเดิม ตัวซอสมะเขือเทศที่เค้าทำเอง รสชาติดี กลมกล่อม โปะชีส Burrata ไปแล้วพอดีมากๆ
จานนี้ อยากให้ลองค่ะ
Cavatelli Arrabiati (ราคา 330.-) พาสต้าเส้นสด ที่ทำจากแป้งโฮลวีท สมัยนัทเรียนอิตาลี ใครกลัวเลี่ยน นัทจะแนะนำซอส อาราบิอาต้า เนี่ยแหล่ะค่ะ เพราะมันไม่เลี่ยน แถมสั่งเผ็ดๆ ได้ ซึ่งของที่นี่ ตอนเอามาเสิร์ฟจะได้กลิ่นหอมสโมคๆ มาทราบทีหลังว่ามาจาก ริคอตต้ารมควัน ส่วนตัวซอสก็กลมกล่อม มีความเผ็ดจากพริกแห้งนิดๆ เข้ากันดีมากๆ กับพาสต้าค่ะ
Veal Ossobuco in Gremolada (ราคา 980.-) Ossobuco คือสตูว์เนื้อตุ๋นกับผัก ไวน์ขาว และซุปค่ะ หลังจากนั้นจึงนำมาใส่ Gremolada ซึ่งปกติจะเป็น พาสลีย์ กระเทียม และ เลม่อนเซสท์ แต่ที่นี่เชฟใส่ เซสท์เปลือกส้มเข้าไปด้วย
ปกติ Ossobuco ที่เราเคยทานมักจะเสิร์ฟมากับริซอตโต้แซฟฟรอนแบบมิลานหรือมันบดค่ะ ตัว Ossobuco จะมาพร้อมน้ำสตูว์เยิ้มๆ แต่ของที่นี่ จะไม่ได้มีน้ำสตูว์ มาเป็นแบบแห้ง แต่รสชาติไม่แห้งนะคะ เนื้อชุ่มฉ่ำ เครื่อง Gremolada เข้ากับเนื้อมากๆ เสิร์ฟพร้อมกับ แครอทพูเร เพื่อเพิ่มความหวาน เป็นเครื่องเคียง
Pineapple and Almond Cake (ราคา 250.-) เค้กอัลมอนด์ปกติที่อิตาลีมักจะใช้ลูกแพร์หรือแอปเปิ้ล แต่เชฟบอกว่า พอมาเมืองไทย คิดว่าสัปปะรดเข้ากับเค้กตัวนี้มากๆ เลยนำมาทำ เสิร์ฟคู่กับสัปปะรดซอร์เบ และ คาราเมลค่ะ
Meringata (ราคา 310.-) อีกหนึ่งเค้กตามธรรมเนียมของชาวอิตาเลียน ที่ข้างในจะเป็นไอศกรีมและข้างนอกเป็นเมอแรงโรยๆ หน้าตาจะดูขรุขระนิดนึงค่ะ แต่ที่นี่เชฟทำออกมาหน้าตาสวยงามมาก และเราเลือกรสไอศกรีมเจลาโต้ ที่ชอบไว้ข้างในได้เลยนะคะ
นอกจากโซนห้องอาหารแล้ว ยังมีโซนบาร์ พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ มีโปรโมชั่น Happy Hour ด้วยนะคะ มองไปเห็นวิวกรุงเทพฯ บรรยากาศดีสุดๆ
ห้องอาหาร Antito (แอนติโต้)
ตั้งอยู่ชั้น 14 โรงแรม Eastin Grand Hotel Sathorn (อีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ) ถนนสาทร ใกล้ BTS สุรศักดิ์
โทร. : 02-210-8100
เว็ปไซต์ : www.eastingrandsathorn.com
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมทาง : www.facebook.com/AntitoBangkok