[รีวิว] La Maison 1888 ดานัง ห้องอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาวแห่งเดียวในเวียดนามกลาง

admin November 11, 2024

หนึ่งในร้านที่เราอยากไปทานมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนี่คือห้องอาหารที่ดูแลโดยเชฟที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาวจากร้านที่เราชอบที่ปารีส และตัวร้านเองก็ได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาว พร้อมโลเคชั่นที่สวยงามมากๆ ในเวียดนาม เรากำลังพูดถึงร้าน La Maison 1888 ณ โรงแรม Intercontinental Danang Sun Peninsula Resort ห้องอาหารที่รับมิชลินสตาร์แห่งแรกและแห่งเดียวในเวียดนามกลาง

ห้องอาหาร La Maison 1888 นั้น เสิร์ฟ Haute Cuisine ฝรั่งเศสแท้ๆ ดูแลโดยเชฟ Christian Le Squer หนึ่งในเชฟระดับตำนานของฝรั่งเศส จากร้านที่เรากลับไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วนในรอบสิบปีอย่าง Le Cinq ที่ปารีส และแน่นอนว่า ถ้าเชฟทำให้เราไปปารีสได้ เชฟก็ทำให้เรามาดานังได้สบายๆ

ห้องอาหารแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโรงแรม Intercontinental Danang Sun Peninsula Resort แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนห้องอาหารในโรงแรมแบบที่เรานึกถึง ที่นี่ถูกออกแบบอย่างสวยงามโดย Bill Bensley เป็นอาคารแยกออกมา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหราเหมือนบ้าน สมชื่อ “La Maison” โดยมีชั้นล่างจะเป็นครัว ห้องเก็บไวน์ และห้องอาหารหลัก ส่วนชั้นสองจะเป็น dining room ที่มีธีมเป็นห้องของสามพี่น้องภายในบ้านที่มีรสนิยมแตกต่างกัน

นอกจากความสวยงามของห้องอาหารแล้ว เราต้องพูดถึงวิวสุดแสนอลังการของทะเลเวียดนาม พร้อมความใกล้ชิดธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ทแห่งนี้ ที่สำคัญ เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปง่ายมากๆ นั่งเครื่องบินชั่วโมงกว่าๆ ไปลงดานัง และ นั่งรถไปถึงรีสอร์ทบรรยากาศส่วนตัวนี้ใช้เวลาเพียง 35 นาทีจากสนามบินเท่านั้น

เมนูอาหารที่ La Maison 1888 นั้น จะมีทั้งเมนูซิกเนเจอร์คลาสสิกและเมนูอันโดดเด่นในแต่ละปีของเชฟ Christian Le Squer และมีเชฟ Florian Stein เป็น Chef de Cuisine อยู่ที่นี่ โดยตัวเมนูนั้นจะมีให้เลือกเป็น Tasting Menu 7 หรือ 10 คอร์ส ซึ่งมาในราคา 4,988,000++ VND และ 5,999,000++ VND หรือจะเลือกสั่งเฉพาะจานที่อยากทานเป็น A La Carte ก็ได้เช่นกัน

วันนี้เราเลือกเป็น Tasting Menu 7 คอร์ส เริ่มกันที่ Les Delicates Bouchees เปิดต่อมรับรสกันด้วย ของทานเล่น 3 อย่าง โดยชิ้นแรกนั้น เป็นบับเบิลโฟมรส Spritz อันสวยงาม บนแป้งทาร์ตบางกรอบ, ของทานเล่นสุดคลาสสิกอย่าง Foie Gras Terrine ที่ทวิสต์ด้วยเจล เสาวรส ตามมาด้วย Caviar Tart ทั้งหมดเสิร์ฟมาบนจานที่ออกแบบมาโดนเฉพาะอย่างสวยงามอย่างที่ใช้ที่ห้องอาหาร Le Cinq ที่ปารีส

Langoustine de Nos Cotes คอร์สที่สองของค่ำคืน เชฟบอกว่า เมนูนี้เป็นเมนูที่เสิร์ฟที่ร้านในปารีสของปีนี้ เป็นลางกุสตีนจาก Dublin Bay เสิร์ฟกับซอสมายองเนสอุ่นที่ตีขึ้นสดๆ มีความเนียนฟุ้ง พร้อม Buckwheat Pancake เป็นเมนูที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ชูโรงวัตถุดิบอย่างลางกุสตีนที่มีเนื้อฉ่ำและปรุงสุกมาอย่างพอดีได้ดีมากๆ

Bar Sauvage หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟ ปลา Japanese Wild Blackfin Seabass กับซอส Buttermilk และ Kaviari Caviar เป็นความกลมกล่อมและมีฮาร์โมนีมากๆ โดยซอส Buttermilk แบบนี้นั้น เป็นการคิดค้นและปรับการเสิร์ฟซอสที่เน้นหนักเนยให้เบาลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ได้รสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบมากขึ้น

Pistache de Homard Sorbet ถั่วพิตาชิโอ กับดอกส้ม ราดด้วย lobster bisque ร้อนๆ ประกอบกับ basil oil และส่วนผสมอีกมากมายในซอส เป็นอาหารที่บ่งบอกถึงความซับซ้อนของอาหารของเชฟได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชฟนั้นชอบที่จะเล่นกับอุณหภูมิที่ต่างกันของ component ต่างๆในจาน เพื่อให้ได้สัมผัสและรสชาติที่แปลกใหม่

Spaghetti Debout en Gratin ปิดท้ายของคาวด้วยเมนคอร์สที่เป็นซิกเนเจอร์ของเชฟอีกจาน จานนี้เป็น สปาเกตตี้แนวตั้ง ที่นำมาทำกราแตง ด้านในสอดไส้ด้วยซอสครีม แฮม เห็ด และเห็ดทรัฟเฟิลดำหั่นเต๋า อร่อยแบบคลาสสิก และสวยงามมากๆ

ของหวานนั้น เปิดด้วย Mignardises สองชิ้น เป็นสเฟียร์บนแผ่นแป้งบางเฉียบ 2 รสชาติ เพื่อปรับลิ้น ตามมาด้วยขนมหวานสุดคลาสสิก Chocolat Noir Au Lait de Caramel ที่นำมาร่ายเรียงกันอย่างโมเดิร์น ผสมผสานช๊อกโกแลต คาราเมล และเนยถั่วลิสง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมนม ปิดมื้ออาหารอย่างสวยงาม

ในส่วนของเครื่องดื่มนั้น ห้องอาหาร La Maison 1888 นั้นก็นับว่าไม่ธรรมดา เพราะเค้ามี Wine Cellar ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม เน้นหนักไปที่ไวน์ฝรั่งเศส จาก Burgundy และ Bordeaux โดยมีให้เลือกมากกว่า 450 ฉลาก และมี Sommelier ที่เก่งกาจ การันตีด้วยรางวัล Sommelier of The Year จาก Michelin Guide ปีล่าสุด มาคอยบริการ ซึ่งคุณ Toan Nguyen ที่เป็น Sommelier นั้น ก็ได้แสดงความสามารถในการแพริ่งไวน์กับอาหารในค่ำคืนนี้ได้อย่างดีเยี่ยม