[รีวิว] Kitaohji Ginza ร้าน Kaiseki แบบพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกับสุดยอดวัตถุดิบ ใจกลางทองหล่อ
วัฒนธรรมการทาน Kaiseki เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เราชอบมากที่สุด เพราะเราจะได้เห็นความละเอียดอ่อน ประณีต ความใส่ใจ ที่สำคัญ ไปทุกฤดู เมนูไม่เคยเหมือนกันซักฤดู เพราะเชฟจะต้องใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และดึงรสชาติออกมาให้ได้ดีที่สุด ถ้าพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่น แนว Kaiseki ในเมืองไทยแล้ว หนึ่งในร้านที่เต็มที่เรื่องความประณีตและวัตถุดิบอันดับต้นๆ ของกรุงเทพ ต้องยกให้ ร้าน Kitaohji อันโด่งดัง ที่มีสาขาอยู่มากมายในประเทศญี่ปุ่น และได้เข้ามาในเมืองไทยกว่า 5 ปีแล้ว ภายใต้ความร่วมมือของบริษัทบุญรอด และร้าน Kitaohji ที่ต้องการจะนำร้าน Kaiseki เฉพาะทางมาให้คนไทยได้ลิ้มลองกันค่ะ
โดยในช่วงแรกที่ร้านเปิดนั้น ทางร้านเสิร์ฟ Kaiseki เท่านั้น และได้ปรับให้มีเมนู A-La-Carte ในครั้งล่าสุดที่เราได้ไปรับประทานมา มีเมนูเด็ดๆ หลายจานเลยค่ะ
ขับรถเข้ามาใน ทองหล่อ ซอย 8 ไม่เกิน 300 เมตร เราก็ถึงที่หมาย ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านมา เราได้พบกับบรรยากาศความเงียบสงบ และความขลัง ของร้าน Kitaohji ที่ถอดแบบความเรียบหรูมาจากร้านแม่ที่โตเกียวมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
Kaiseki with Produce from Yamanashi
เดือนสิงหาคม – กันยายน นี้ทางร้าน Kitaohji ได้จัดโปรโมชั่น Kaiseki โดยใช้วัตถุดิบจากเมือง Yamanashi เป็นหลัก (คนไทยรู้จักจังหวัดยามานาชิกันดี เพราะเป็นที่ตั้งของทะเลสาบ คาวากูจิโกะ ทั้งห้านั่นเองค่ะ) โดยมีอยู่สองเซตด้วยกัน ซึ่งต่างกันที่วัตถุดิบหลัก นั่นคือ ชุดนึงจะเป็นเนื้อ Koshu Gyu และ อีกชุดเป็น Seafood ค่ะ สนนราคาอยู่ที่ เซตละ 4,500++ ค่ะ
เริ่มต้นกันด้วย Zensai หรือ Amuse Bouche หน้าตาสวยงาม Component แต่ละอย่าง มีความพิถีพิถันในการทำมากๆ รวมถึงภาชนะที่ใช้ ก็เข้ากับอาหารได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอาหารตาและอาหารปากในคราวเดียวกัน
ในส่วนของอาหารจานที่สองนั้น คอร์สเนื้อจะเป็น Roasted Beef ทานคู่กับ Yuzu Kosho อร่อยเข้ากันมากค่ะ ตัวเนื้อนั้นเป็นเกรด A4 นุ่มมากๆ ส่วนคอร์สซีฟู้ดจะเป็น เป๋าฮื้อนึ่งค่ะ
มาถึง Sashimi Course เป็น แซลมอนค่ะ แต่ไม่ใช่แซลมอนธรรมดา ที่เราทานกันทั่วไป แต่นี่เป็นแซลมอนธรรมชาติ จากเมือง Yamanashi ค่ะ เนื้อจะมีความหอม แน่น และมันน้อยกว่าค่ะ
มาถึง Main Course ของชุด Seafood กันบ้าง เป็นขาปู Taraba และปลา Madai ห่อและย่างใน ใบโอบะ ค่ะ เสริฟมาคู่กับซอสมิโสะ ที่มีส่วนผสมของไวน์แดงจากเมืองยามานาชิ ขาปูสดเด้ง หวานมาก ไม่ผิดหวังค่ะ
ส่วนจานนี้เป็นคอร์สจากเซ็ทเนื้อค่ะ
ถัดจาก Main Course จะเป็นคอร์สอาหารแป้งค่ะ โดยเสริฟเป็น Sansai Soba ซึ่งที่ร้าน Kitaohji นั้นใช้เส้นโซบะคุณภาพดี มีความเหนียวกว่าร้านทั่วไป และน้ำซอสก็อร่อยเข้มข้นมากค่ะ
ในส่วนของขนมหวาน เป็น เจลลี่องุ่น Shine Muscat ค่ะ เด้งดึ๋ง องุ่นหวานกรอบ งดงามตามท้องเรื่อง ปิดท้ายเซตอาหารไปได้อย่าง elegant มากๆ ตามสไตล์ร้าน Kaiseki ชั้นดี
เมนูจาก ยามานาชิ มีถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ!!
A La Carte
ด้วยความที่มาเปิดร้านในกรุงเทพ ทางร้านจึงทำเมนูแบบสั่งแยกได้เพื่อเอาใจแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะค่ะ ทำให้ Kitaohji สาขากรุงเทพนั้น เป็นร้านเดียวที่มีเมนูแบบ a la carte ให้เราได้เลือกรับประทานกันด้วยค่ะ
Unagi Shirayaki (2,000++) ใช้ปลาไหลจากเมือง Kouchi อย่างดี มาย่างขาว ทานกับซอสลับ สูตรของทางร้าน เนื้อปลาไหล นุ่มฟู สาวกปลาไหลไม่น่าผิดหวัง ทางร้านให้แปรงมาทาซอสเองด้วย
A4 Black Wagyu Sirloin Teppan Yaki 100g (2,000++) เนื้อวากิวชั้นดี ย่างแบบ Teppan Yaki ตัวเนื้อไม่มันจนเกินไป เหมาะสำหรับการทำ Teppan Yaki เพราะถ้ามันกว่านี้ แล้วหั่นหนาเท่านี้ จะเลี่ยนมากค่ะ ทานคู่กับ วาซาบิขูดสดๆ เพิ่มความหวานและความสดชื่น
อ้อ ลืมบอกไปอย่างนึงว่า ที่ร้านทำซอสเอง และมีซอสเยอะมากกกกก แทบจะทุกจานหรือส่วนประกอบในจานจะมีซอส หรือ เครื่องปรุงเฉพาะ แยกให้หลายอย่าง ซึ่งเราคิดว่า เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและความใส่ใจของร้านเลยค่ะ
Charcoal Grilled Taraba (3,200++) ปูทาราบะเกรดพรีเมี่ยม ของที่นี่นั้นมาจาก Hokkaido โดยคัดเลือกปูที่ขนาดใหญ่พิเศษมากๆ มาให้เราได้ทานกันค่ะ เรื่องความอร่อยนั้นหายห่วง หวานเด้งเลยละค่ะ
พิสูจน์ความใหญ่เบิ้มของพี่ปู Taraba กันค่ะ ไปญี่ปุ่นยังไม่ได้ทานตัวใหญ่ขนาดนี้เลย เรียกได้ว่า คอนเนคชั่นวัตถุดิบเค้าดีจริงๆ ต้องยอมเค้าล่ะ ร้านที่ได้ของดีๆ นี่มันดีจริงๆ
ถัดมาเป็น สุกี้ยากี้เนื้อ เราจะได้พบกับความงดงามของเนื้อ A5 ที่แล่มาชิ้นใหญ่
จี่ลงไปในกระทะเหล็กที่เพิ่งผัดเห็ดและผักลงไปขลุกขลิกกับซอสสุกี้ยากี้ โบกสักสามสี่ครั้ง เป็นอันใช้ได้ เนื้อนั้นนุ่ม ละลายหายไปทันทีที่เคี้ยว พูดได้คำเดียวว่า “เด็ด”
Unagi Donabe Gohan (2,500++) ข้าวอบปลาไหล ย่างซอสหวานที่เคี่ยวกันมาตั้งแต่เปิดร้าน หม้อนี้ดีงามตามแบบฉบับข้าวหน้ลาไหลที่ควรจะเป็น ถ้วยท้ายๆ สามารถรีเควสน้ำชามาเทผสมกัน กลายเป็น ochazuke ได้ค่ะ
ในส่วนของ Dessert ทางร้านจะเน้นหนักไปทางผลไม้ตามฤดูกาลค่ะ ซึ่งช่วงซัมเมอร์นี้ ที่โดดเด่นก็จะเป็น พีช และองุ่น Shine Muscat ค่ะ
นอกจากนั้น ขนม Signature ของร้านที่ควรลองก็คือมะม่วงย่าง ราดด้วยซอสวานิลลาค่ะ ไม่คิดว่ามันจะเข้ากัน แต่เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว (และที่สำคัญคือเป็นวัตถุดิบไทย ไม่กี่อย่างในร้าน) อันนี้ฟินมากกกกก ต้องโดนนะคะ
อ่านว่าถึงตรงนี้แล้ว เราขอแอบกระซิบว่า ร้านนี้ยังเหมาะสำหรับนักดื่มมากค่ะ เพราะมีสาเกให้เลือกหลากหลาย และได้ยินว่ากำลังจะทำ wine list ใหม่ให้ไฉไลขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญ ครีบปลากระเบนแดดเดียว อร่อยแบบ หันมาอีกทีหมดจานแล้ว อ่ะค่ะ เหมาะสำหรับเป็นกับแกล้มนักดื่มได้ดี เรียกว่าเป็นเมนูที่เหมือนจะธรรมดา แต่มันคือของแกล้มเหล้าที่จะหาได้ในร้านดีๆ เท่านั้น
พามาชมบรรยากาศของร้าน Kitaohji กันบ้างค่ะ ที่นี่มีห้องส่วนตัวหลายห้องเลยค่ะ เหมาะกับทุกโอกาส ไม่ว่าจะมาวันเบาๆ ที่คิดถึงญี่ปุ่น หรือ โอกาสพิเศษ มีที่จอดรถภายในบริเวณร้านค่ะ พนักงานบริการดีมากกกกกกก ฟีลญี่ปุ่นมาเลย ดูแลดีมากค่ะ
ร้าน Kitaohji Ginza
ตั้งอยู่ในซอย ทองหล่อ ซอย 8
Website : https://www.kitaohji.net/home
Tel. : 02 714 7997