เมื่อปี ค.ศ. 2012 ที่ร้านรูฟท็อปย่านสีลมอย่าง Scarlett Wine Bar & Restaurant ได้กำเนิดขึ้น ทางร้านได้คัดสรรเชฟที่มือรางวัลที่จะมาคิดค้นและรังสรรค์เมนูบุกเบิกของสการ์เล็ต โดยเชฟท่านนั้นก็คือ เชฟ Manuel Martinez เจ้าของห้องอาหารมิชลิน 2 ดาวชื่อดังอย่าง Le Relais Louis XIII ที่เมืองปารีส อีกทั้งเขายังได้รับรางวัลเชฟที่ดีที่สุดในฝรั่งเศสกับรางวัล Maître Ouvrier de France (MOF) อีกด้วย

เชฟเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการครัวถึงพรสววรค์ในการประยุกต์แบบแผนการทำอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม มาปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ เชฟ Manuel ได้กลับมายังร้าน Scarlett อีกครั้ง พร้อมกับเมนู ดินเนอร์สุด Exclusive ที่มีระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 1 กันยายน 2018 นี้เท่านั้น

ซึ่งในค่ำคืนนี้ ดินเนอร์ของเชฟ จะเน้นคอนเซปท์ Farm-to-table โดยเน้นการดึงรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบที่นำมาใช้ในอาหารทุกจาน ซึ่งเราสามารถเลือกเป็น A la carte menu หรือ แบบเป็นคอร์ส ก็ได้ค่ะ (ที่แน่ๆ ด้วยความเป็น Wine Bar ของที่นี่ เราก็จะแน่ใจว่ามีไวน์ที่เหมาะกับการแพร์กับอาหารแต่ละจานของเราแน่นอนค่ะ)

---

เริ่มที่ Appetizer จานแรก Gazpacho Glace, Mousse de Poivrons Rogue อ่านชื่อแล้วช๊อคไปแป้ปนึง ซุปมะเขือเทศเย็นกับมูสพริกหยวกแดง แต่เห้ยยยยยยยย จริงจังเลยนะคะ อร่อยมาก มูสรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ไม่เหมือนพริกหยวกเวลาเอามาผัดใน ratatouille ไรงี้เลยนะคะ จานนี้รสชาติหลักเป็นรสชาติของมะเขือเทศที่ดีมากๆ ส่วนพริกหยวกเหมือนช่วยเสริมรสให้มันมีรสชาติที่เด่นยิ่งขึ้น มะเขือเทศก็ดีมากๆไม่มีความฝาดเลย คิดว่าจานนี้ ต้องลองค่ะ (โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบพริกพยวกกับมะเขือเทศยิ่งต้องลองเลย!)

Appetizer จานที่สอง Tomato Farcie au Crabe Royal d’Alaska อ่ะชื่อก็ฟังดูโหดสำหรับคนไม่กินมะเขือเทศอีกละ แต่ผิดคาดเช่นเคยค่ะ จานนี้เป็น มะเขือเทศออแกร์นิคยัดไส้ขาปูอลาสก้า ราดซอสเนื้อมะเขือเทศที่นำไป Confit พร้อมน้ำมันมะกอก จานนี้เป็นจานที่เราชอบมากๆ (จริงๆวันนี้ Appetizer มา 3 จาน คือดีเกินคาดหมดเลย จานนี้กับจานถัดไป ทั้งสองจานเป็นจานที่ชอบที่สุดในค่ำคืนนี้ค่ะ) ตัวมะเขือเทศเข้ากับความหวานชุ่มของปูมากๆ ในปูรู้สึกจะมี Taragon อยู่ที่ทำให้หอม พอทานรวมกันกับ เจลลี่มะเขือเทศ ยิ่งอร่อยเลยค่ะ

คอร์สที่ 3 เป็น Tarte Souffle aux Gambas ซึ่งเป็น ทาร์ทซูเฟล่กุ้งแม่น้ำ ราดด้วย Lobster Bisque ที่เค้าทำมาแบบข้น และ รสชาติดีมาก หอมหัวกุ้งมากๆ มีความมันข้น ในขณะเดียวกัน ตัวแป้งทาร์ทก็บางกรอบ ละลายในปากมาก ประทับใจมากๆ

ถัดไปจะเข้าสู่เมนคอร์สค่ะ จานเมนจานแรก เป็น Le Thon a la Provencale หรือสเต๊กทูน่าในซอส Provencale นั่นเองค่ะ จานนี้ดีตามมาตรฐานค่ะ แต่ด้วยความที่สามจานก่อนหน้ามันดีมากๆ เลยอาจจะทำให้ความรู้สึกดร๊อปลงมานิดนึง ตัวปลาทูน่าเนื้อแน่นแต่จะมีรสชาติทูน่าจัด ตัวซอสจะใกล้เคียงกับ Ratatouille เลยค่ะ

คอร์สที่ 5 Ris de veau braise aux champignons des bois เป็น Sweetbread(เครื่องใน) ของลูกวัวตุ๋น ทานกับเห็ดค่ะ จานนี้รสชาติดีมากเช่นกัน ตัว Sweetbread ให้รสสัมผัสที่ดีมาก (แต่ใครไม่ทานเครื่องในอาจจะไม่ชอบนะคะ) เราว่ามันนุ่มและมีรสชาติคล้ายๆตับกับไส้วัว ซึ่งถูกตุ๋นมาเป็นอย่างดี จานนี้ถือว่า น่าลองเช่นกันค่ะ

ถัดมาจะเข้าสู่ของหวานแล้วค่ะ

คอร์สที่ 6 ตามสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิมก็ต้องทานชีสเป็น Dessert ปิดมื้ออาหาร เชฟเลือกเสิร์ฟ Fromage Blanc et Sa Gelee au Poivre เป็นชีสนมแพะที่มาพร้อมกับเจลพริก ซึ่งตัดความหนักของชีสนมแพะออกไปได้พอดีเลยค่ะ

คอร์สที่ 7 เป็นขนมหวานแล้ว ชื่อว่า Mangue a la glace d’eau de rose et lychee จานนี้บาลานซ์รสชาติหวานได้ดีมากเลยค่ะ มีมะม่วง และ ไอศกรีมกุหลาบลิ้นจี่ ที่ทำออกมาได้รีเฟรช ไม่หวานเกินไป หอม เบา เข้ากับตัวมะม่วงและครีมค่ะ

สุดท้าย ปิดคอร์สกันด้วย Dessert Trolley หรือ ของหวานบนรถเข็น ที่เราจะเห็นหลายๆร้าน fine dining ในฝรั่งเศสใช้กันอยู่บ่อยๆนะคะ ร้านอาหารฝรั่งเศสเท่าที่เห็นจะเป็น Cheese Trolley หรือ Dessert Trolley ค่ะ ที่สำคัญคือ ขนมบนรถเข็นนี้ อร่อยมากกกกก อร่อยทุกอันเลย แต่อิ่ม โอ้ย เสียดาย 5555

จบมื้ออาหารกันไปอย่างน่าประทับใจค่ะ สการ์เล็ตจัดเมนูดีๆแบบนี้มาตลอดเลย ต้องไปคอยติดตามนะคะ
Facebook : www.facebook.com/Scarlettwinebarbangkok
Instagram : @scarlettbangkok

สำหรับเมนูสุดพิเศษของเชฟมานูเอล มาร์ติเนซ พร้อมเสิร์ฟทั้งแบบอะลาคาร์ต ราคาเริ่มต้นที่จานละ 420++ บาท และ เทสติ้งเมนู (degustation menu) ในราคาเพียง 3,500++ บาท ต่อท่าน

อ่านรีวิวร้าน Scarlett Wine Bar & Restaurant เพิ่มเติมได้ที่นี่ด้วยนะคะ

เปิดทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.
โทร 096 8607990
อีเมล scarlettbkk@randblab.com