[รีวิว] เที่ยว Universal Studios Beijing ทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนไป ยูนิเวอร์แซล ปักกิ่ง

Universal Studios นั้นเป็นอีกหนึ่งสวนสนุกระดับโลกที่ควรไปสักครั้งในชีวิต และเราก็โชคดีที่มีสวนสนุกยูนิเวอร์แซลถึง 3 แห่งในเอเชีย โดยยูนิเวอร์แซลสตูดิโอที่เปิดใหม่ล่าสุด พร้อมเครื่องเล่นทันสมัย เดินทางสะดวก ยิ่งใหญ่อลังการ อยู่ใกล้แค่ปักกิ่งนี่เอง! ใครเป็นสายสวนสนุกห้ามพลาดเลยนะคะ!

ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ ปักกิ่ง (Universal Studios Beijing) นั้น มีความโดดเด่นมากมายเลยค่ะ อย่างแรกเลยคือ ที่นี่เป็นสวนสนุกยูนิเวอร์แซลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใหญ่กว่าสิงคโปร์ถึง 5 เท่า และด้วยความที่เปิดใหม่เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ทำให้เครื่องเล่นนั้น ใหม่และมันส์สุดๆ เทคโนโลยีเครื่องเล่นอัพเดท ในถึง 7 โซนแบบอลังการ ครบทั้ง Harry Potter, Minions, Jurassic World, Transformer รวมไปถึงโซน Kung Fu Panda ที่มีที่เดียวในโลกด้วยค่ะ

ส่วนเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้นัทชอบ ยูนิเวอร์แซล ปักกิ่ง มากๆ ก็คือการเดินทางที่สะดวก บินตรงจากกทม. ไปปักกิ่ง แค่สี่ชั่วโมงกว่าๆ ไม่ต้องขอวีซ่า ขนส่งสาธารณะที่ปักกิ่งก็ราคาน่ารักมากกกกก คิดดูว่าค่าเดินทางจากสนามบิน มาถึงสวนสนุก คือเสียเงินไม่ถึงสองร้อยบาท ถ้ามาจากในเมืองก็แค่สามสี่สิบบาท ประทับใจมาก

ในรีวิวนี้ นัทอยากจะแชร์ทิปส์ต่างๆ ที่น่าจะทำให้เพื่อนๆ สามารถวางแผนการเที่ยว ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ ปักกิ่ง (Universal Studios Beijing) ได้ดียิ่งขึ้น วิธีซื้อตั๋ว วิธีเดินทาง เครื่องเล่นแต่ละโซนมีอะไรบ้าง พร้อมแล้วตามมาเลยนะคะ

ซื้อตั๋ว Universal Studios Beijing >> คลิ๊กที่นี่


สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ ปักกิ่ง (Universal Studios Beijing)

– ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Universal Beijing Resort เพราะข้อมูลทุกอย่างจะอยู่บนนั้นค่ะ ทั้งแผนที่ เวลารอของแต่ละเครื่องเล่นแบบเรียลไทม์ เวลาเปิด-ปิดสวนสนุกในแต่ละวัน ตารางการแสดง

– ปักกิ่งจะมีอากาศเย็นสบายในช่วงเดือนมีนา-กลางพฤษภา และ กลางกันยาถึงพฤศจิกา ส่วนธันวา-กุมภาจะอยู่ที่เลขตัวเดียวไปถึงติดลบ (ซึ่งแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์หลายคนจะตั้งใจอยากไปช่วงหิมะตกมาก เพราะเค้าบอกว่าจะเป็นช่วงที่โซนฮอกวอร์ตสวยแบบ Magical สุดๆ แล้วสาขาอื่นของยูนิเวอร์แซลไม่ค่อยมีหิมะแบบนี้)

– สำหรับหน้าร้อนจะเป็นช่วงกลางพฤษภาตรงถึงต้นกันยาค่ะ ส่วนตัวแนะนำว่าเลี่ยงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนได้ก็ดี พวกวันหยุดของจีนกับช่วงปิดเทอมคนจะเยอะ

– อย่างไรก็ตาม วันที่นัทไป เป็นวันที่ฝนทำท่าเหมือนจะตก แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่า เครื่องเล่นกว่าครึ่งของที่นี่ เป็นแบบอินดอร์ค่ะ เลยทำให้รู้สึกว่า เรื่องอากาศไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเท่าไหร่

– ถ้าเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวที่ต้องฝากของ เค้าจะมีล็อกเกอร์ให้บริการในคิวเลยค่ะ เป็นสัดส่วนมาก ความล้ำคือ ล็อกเกอร์ใช้ระบบสแกนหน้าค่ะ สะดวกรวดเร็ว มีเมนูภาษาอังกฤษ ใช้ง่าย

– ตอนนัทไป ดูแล้วคนเหมือนจะเยอะ แต่เวลารอแต่ละเครื่องเล่นไม่นานเลยค่ะ ยิ่งเทียบกับสาขาญี่ปุ่น ยิ่งรู้สึกว่าชิลล์มากๆ

– เท่าที่ดูที่นี่ไม่มี Single Rider นะคะ ถ้าขี้เกียจรอจริงๆ คงต้องใช้เงินแก้ปัญหา ซื้อ Express ไป ไปดูหน้างานก็ได้ค่ะ

– หากใครพักที่โรงแรม The Universal Studios Grand Hotel ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ Early Access เข้าปาร์ค 1 ชั่วโมงก่อนเปิด ซึ่งจะบอกว่ามันสะดวกมากกกกค่ะ อยากเล่นอะไรเล่นเลย แล้วโรงแรมคืออยู่บนทางเข้าปาร์คเลยค่ะ แบบ 0 เมตรจากสวนสนุกที่แท้จริง

– ภายในปาร์ค มีร้านอาหารและซุ้มอาหารอยู่ทุกโซน นัทชอบที่มีทั้งอาหารเอเชียและอาหารตะวันตก ทานง่าย หรือหากใครอยากจะเดินออกไปทางฮอทพอทเจ้าดัง หรือ เป็ดปักกิ่งชื่อดัง ก็เดินออกไปที่ Citywalk ได้นะคะ (โซนด้านหน้าที่มีลูกโลกก่อนเข้าปาร์ค ถ้าเราเดินจากรถไฟฟ้าต้องเดินผ่านอยู่แล้ว) เราเข้าออกสวนสนุกได้ทั้งวัน เพราะเค้าใช้ระบบสแกนหน้าเข้าค่ะ

– หรือใครอยากพกอาหารมาเองก็ได้นะ แถมมีจุดให้เติมน้ำดื่มอยู่เรื่อยๆ เค้าแค่ห้ามนำทุกอย่างที่เป็นแก้วเข้า เพื่อความปลอดภัยส่วนรวมค่ะ

– เซลฟี่สติ๊กและขาตั้งกล้องก็ห้าม ตามแสตนดาร์ดความปลอดภัยของสวนสนุกส่วนใหญ่ในโลกค่ะ

– ทุกร้านใช้ Alipay จ่ายได้เลยนะคะ ยังไงมาจีนก็แนะนำให้ผูกบัตรเครดิตหรือ Travel Card กับแอพอยู่แล้ว สะดวกสุดเลยค่ะ แต่ถ้าใครสะดวกเงินสด เค้าก็รับค่ะ

– อีกไฮไลท์ของ Universal Studios ทั่วโลกคืออีเว้นท์ Halloween ซึ่งที่นี่ก็มีเช่นกัน บ้านผีสิงทำถึงมาก ต้องมาช่วงเดือนกันยา-ตุลา


วิธีการเดินทาง

1. รถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ 7 สถานี Universal Resort Station (“环球度假区站”) เป็นสถานีสุดท้ายของทั้งสาย 1 และ สาย 7 ซึ่งทั้งสองสายตรงเข้ากลางเมืองปักกิ่งและมีเชื่อมกับสายอื่นๆ ทั่วปักกิ่งเลยค่ะ

2. Taxi/รถส่วนตัว จากกลางเมืองใช้เวลาประมาณ 40 นาทีขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร แต่โดยทั่วไปค่าแท็กซี่ที่ปักกิ่งไม่ต่างจากไทยมากค่ะ ราคาโอเคมาก

3. จริงๆ อีกวิธีที่สะดวกมากๆ คือการพักที่โรงแรมใน Universal Beijing Resort ซึ่งเค้ามี 2 โรงแรมค่ะ ได้แก่ The Universal Studios Grand Hotel ซึ่งมันตั้งอยู่บนทางเข้าสวนสนุกเลย จะบอกว่าตอนนัทเล่นสวนสนุกจบแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง คือฟินมากกกกเลยค่ะ มันไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองอีกเกือบชั่วโมง ส่วนอีกโรงแรม เป็นโรงแรมหรู ชื่อว่า NUO Resort Hotel

ผู้เข้าพักทั้งสองโรงแรมจะมีสิทธิ์ Early Access เข้าได้ก่อนสวนสนุกเปิด 1 ชั่วโมง แบบไม่ต้องต่อคิวเลยค่ะ นัทเขียนรีวิวโรงแรมไว้ คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านรีวิวโรงแรมเลย!


วิธีการจองตั๋ว ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ ปักกิ่ง (Universal Studios Beijing)

พวกตั๋วสวนสนุกทั่วโลก ส่วนตัวนัทจองผ่าน Klook ตลอดเลยค่ะ เหตุผลคือ ราคาถูกกว่าหน้าเว็ปนิดนึง คิดราคาเป็นเงินไทยให้แล้วไม่ต้องกังวลค่าแลกเปลี่ยน แล้วมันได้เครดิตตามยอดที่ซื้อ ซึ่งเอาไปเป็นส่วนลด ซื้ออย่างอื่นครั้งถัดไปได้ นัทก็จะเอาไปใช้เวลาไปทริปอื่น

ของ Universal Studios Beijing นี่สุดยอดเทคโนโลยีมาก นัทซื้อตั๋วกับ Express Package ผ่าน Klook ซึ่งเค้าจะให้เราใส่ชื่อนามสกุล และ หมายเลขพาสพอร์ท พอมาถึงก็ใช้พาสพอร์ทแปะสแกนที่ทางเข้า โดยเค้าจะมีการสแกนหน้าเราไว้ แล้วหลังจากนี้ทั้งวัน ก็คือใช้แค่หน้าเลยค่ะ ทั้งตอนที่ใช้ Express ก็เป็นระบบสแกนหน้า ไม่ต้องเปิดแอพหรือ qr code อะไรทั้งนั้น ตอนออกจากปาร์คแล้วเข้ามาใหม่ก็สแกนหน้าค่ะ

*ขออธิบายเผื่อคนยังไม่เคยไปยูนิเวอร์แซลนะคะ บัตรเข้าที่เราซื้อเข้ามาแล้วนั้น สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่างแล้วนะคะ ไม่ต้องเสียเงินเล่นแต่ละเครื่องเล่น แต่สวนสนุกเค้าจะมีขาย Universal Express หรือเรียกง่ายๆ ว่า บัตรลัดคิว ซึ่งไปเลือกซื้อทีละเครื่องเล่นก็ได้

ซื้อตั๋ว Universal Studios Beijing >> คลิ๊กที่นี่


Universal Studios Beijing

พร้อมแล้ว เรามาชมเครื่องเล่นและไฮไลท์ของแต่ละโซนกันเลยนะคะ

Hollywood

จากทางเข้าเราจะเข้ามาสู่โซนแรกที่ชื่อว่า Hollywood ค่ะ เพราะ Universal Pictures นั้น โตมาจากการสร้างภาพยนต์และเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของฮอลลีวู้ด มีการนำ Walk of Fame ที่เป็นรูปดาวที่พื้นมาตกแต่ง ตรงนี้ เราอาจจะเจอเหล่าคาแรคเตอร์มายืน Meet & Greet อยู่ และเป็นจุดเริ่มขบวนพาเหรดด้วย

เครื่องเล่นแรกของโซนนี้ คือ “Lights Camera Action!” ซึ่งเป็นกึ่งๆ การวอล์กทรูเข้าไปชมว่า สตูดิโอที่สร้างภาพยนต์นั้น สามารถสร้างฉากสมจริงอะไรได้บ้าง เหมือนการได้ชม Behind the scene ซึ่งมีลูกเล่นที่น่าตื่นเต้นอยู่ค่ะ

ส่วนสิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยในโซนนี้ คือการแสดงสด Untrainable สเตจโชว์แนวละครเวทีจากเรื่อง How to Train Your Dragon ที่เดบิวต์ที่นี่เป็นที่แรก แสดงใน Majestic Theatre ที่ทำได้สวยและใหญ่โตเลย ลองเช็ครอบดูนะคะ การเคลื่อนไหวของเหล่ามังกรคือสมจริงและน่ารักมากๆ

โซนนี้ยังเป็นที่อยู่ของร้าน Mel’s Drive-in ร้านอาหารสไตล์ American Diner ที่มีอยู่ทุกสาขาของ Universal Studios เป็นร้านที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฉากในภาพยนต์เรื่อง American Graffiti ซึ่งนอกจากจะเป็นมุมถ่ายรูปฮิตของยูนิเวอร์แซลแล้ว เมนูเบอเกอร์ที่นี่ชิ้นใหญ่สะใจมากค่ะ


Minion Land

จากโซนที่แล้ว เดินมาทางขวา ข้ามสะพานมา เราก็จะเจอกับดินแดนของเหล่ามินเนี่ยน ที่เรียกได้ว่าน่ารักทั้งโซน ถ่ายรูปได้ทุกมุม เพราะมีมินเนี่ยนกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่เต็มไปหมด! ที่สำคัญ จะมีมาสคอต Minion สลับกันมาให้เราถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ ซึ่งเราไปตอนอีเวนท์ฮาโลวีน เลยเป็นมินเนี่ยนรุ่นลิมิเต็ด น่ารักมากกกกก

สำหรับเครื่องเล่นในโซนนี้ จะมีเครื่องเล่นหลักอย่าง Despicable Me Minion Mayhem อยู่ค่ะ เป็นเครื่องเล่นสไตล์ Stimulator จอใหญ่เหมือนโรงหนัง ที่นั่งขยับได้ เรื่องราวจะพาเราเข้าสู่บ้านของ Gru และเปลี่ยนเราให้เป็นมินเนียน น่ารักมากๆ เลย เครื่องเล่นนี้ ไม่หวาดเสียวค่ะ หากใครเคยเล่นที่ญี่ปุ่นแล้ว จะเหมือนกันค่ะ แต่ที่นี่เป็นภาษาจีน

ตรงกลางของโซนมินเนี่ยนจะมี Super Silly Fun Land อยู่ ภายในมีรถไฟเหาะน่ารักๆ อย่าง Loop-Dee Doop-Dee และ เครื่องเล่นแนวหมุนๆ ที่ขึ้นลงได้อย่าง Super Swirly ซึ่งสองอย่างนี้ เด็กๆ เล่นได้ เหมาะกับทุกวัยเลย นอกจากนี้ ภายใน Fun Land นี้ ยังมีพวกเกมส์ยิงตุ๊กตา (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ฟีลเกมส์งานวัดแต่ทำออกมาน่ารักมากค่ะ

สุดท้าย ในโซนนี้ก็มีโรงละครนะคะ การแสดง SING on Tour! ที่มาจากภาพยนต์แอนิเมชั่นเรื่อง SING ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลายเพลงที่เรารู้จัก มานั่งพักชิลล์ๆ ดูโชว์ร้องเพลงกันได้ค่ะ

สำหรับร้านอาหารโซนนี้มีร้านหลักคือ The Lair-Villain และ Paradise Mall ที่เสิร์ฟเบอร์เกอร์และชีสเค้กหน้ามินเนียน แต่ที่นัทชอบมากคือพวกซุ้มค่ะ มาในหลากหลายธีม Shaka Hut, Minion Munchies, Freezy Ray Ice Cream, Pop A Nana คือซุ้มก็น่ารัก ของที่ขายก็น่ารัก มีไอศครีมนมกล้วยรูปมินเนียน ถังป๊อปคอร์นต่างๆ


The Wizarding World of Harry Potter

หลุดจากโซนมินเนี่ยนจะมีทางแยกค่ะ ทางนึงไปโซนแฮร์รี่พอตเตอร์ อีกทางไปจูราสิคเวิลด์ ซึ่งแน่นอนว่าเราขอวิ่งเข้าไปโลกเวทมนต์ The Wizarding World of Harry Potter ก่อนเลย

สำหรับโซนนี้ หากใครยังไม่เคยไปสาขาอื่น นัทขอบรรยายเลยว่า เดินเข้ามานี่ขนลุกจริงๆ เหมือนเราไปถึงฮอกวอร์ตครั้งแรก ทุกอย่างเหมือนต้องมนต์ สมจริงเหมือนหลุดออกมาจากในหนัง ทำรายละเอียดเล็กน้อยได้อย่างปรานีตสวยงาม ใจเต้นแน่นอนค่ะ ตอนนัทไปครั้งแรกที่อเมริกาคือน้ำตาซึมเลย

โซน The Wizarding World of Harry Potter เหมือนกับของที่อเมริกาทั้งสองสาขาและที่ญี่ปุ่นค่ะ นั่นหมายความว่า หากใครไม่เคยมาเลย จะได้รับประสบการณ์ครบสมบูรณ์ ไม่พลาดอะไรทั้งนั้น และต่อให้เป็นคนที่มาซ้ำ อย่างครั้งนี้นัทมาโซนแฮร์รี่พอตเตอร์ครั้งที่สี่แล้ว ก็ยังเอนจอยเหมือนเดิม ทุกครั้งจะรู้สึกว่าได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะรายละเอียดมันเยอะจริงๆ นี่นัทยังอยากหาวันกลับมาในช่วงที่ปักกิ่งหิมะตกเลยค่ะ น่าจะสวยมาก

เริ่มต้นจากเครื่องเล่น ซึ่งนัทว่าเป็นหนึ่งในเครื่องเล่นที่หลายคนชอบที่สุดในยูนิเวอร์แซล Harry Potter and the Forbidden Journey ซึ่งเครื่องเล่นนี้นับเป็นเครื่องเล่นที่ผาดโผน แต่ไม่ใช่รถไฟเหาะนะคะ นัทว่าเค้าทำฉาก การเล่าเรื่อง และกราฟฟิคต่างๆ ได้สมจริงมาก เหมือนเราได้ขี่ไม้กวาดเข้าไปตะลุยฮอกวอร์ต สนามควิดดิช และ ป่าต้องห้ามเลย บางจุดก็น่าตื่นเต้นสุดๆ ได้เจอตัวละครที่เรารักครบแน่นอนค่ะ

ออกมาจะมีรถไฟเหาะที่เด็กๆ ก็เล่นได้ชื่อว่า Flight of the Hippogriff เหมือนเราได้นั่งขี่หลังเจ้าฮิปโปกริฟฟ์เลยค่ะ เป็นรถไฟเหาะสั้นๆ ที่นัทชอบเพราะได้เห็นวิวปราสาทและฮอกมีดส์จากมุมสูงสวยดี

ร้านค้าที่นี่ก็มาแบบจัดเต็มค่ะ มาถึงฮอกวอร์ตทั้งที เราก็ต้องมีไม้กายสิทธิ์ ที่ร้าน Ollivanders เป็นร้านขายไม้กายสิทธิ์มากว่าพันปี พอเข้าไปเราก็จะได้พบกับคุณ Ollivander เจ้าของวลีดัง “ไม้กายสิทธิ์เป็นผู้เลือกพ่อมด” ซึ่งภายในร้านจะมีโชว์เล็กๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เค้าเลือกเราไปร่วมโชว์ค่ะ!!!!! ดีใจมากกกกกก คุณ Ollivander จะพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน แต่เค้ารู้ว่าเราไม่ใช่คนจีน เค้าก็แนะนำไม้เป็นภาษาอังกฤษ และให้เราได้ลองไม้ก่อน โดยที่มันจะมีเอฟเฟคท์ตอนลองด้วยค่ะ เป็นอีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาดเลย

ไม้กายสิทธิ์ที่ได้จากร้าน จะเป็นไม้แบบ Interactive ที่มาพร้อมแผนที่ และจุดที่ให้เราได้ไปร่ายมนต์กันรอบๆ โซนนี้ค่ะ สนุกมาก

ส่วนร้านค้าอื่นๆ ก็ได้แก่ ไปรษณีย์นกฮูก (Owl Post), ร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช Dervish and Banges, ร้านขายขาม Honeydukes, ร้านเสื้อผ้า Gladrags Wizardwear และ ร้านประจำสถานีฮอกมี้ดส์

เมนูที่ต้องลองภายในโซนนี้ก็คือ Butterbeer ซึ่งมีซุ้มขายอยู่ แต่ถ้าใครอยากลองร้านที่เหมือนในหนังก็ต้องร้านไม้กวาดสามอัน (Three Bloomsticks) และ ร้านหัวหมู (Hog’s Head) เลยค่ะ

ซื้อตั๋ว Universal Studios Beijing >> คลิ๊กที่นี่


Jurassic World Isla Nublar

เดินกลับออกมาเราก็เข้าสู่อีกหนึ่งโซนคลาสสิกห้ามพลาด นั่นก็คือ Jurassic World โดยโซนนี้อ้างอิงจาก Isla Nublar เหมือนภาพยนต์ที่ฉายไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โซนนี้เป็นที่อยู่ของเครื่องเล่น Jurassic World เวอร์ชั่นใหม่ที่มีแค่ที่นี่ที่เดียว และเป็นเครื่องเล่นที่แฟนยูนิเวอร์แซลทั่วโลกทั้งขื่นชมทั้งอยากมา นั่นก็คือ Jurassic World Adventure – ซึ่งถ้าถามนัทว่า มีเครื่องเล่นไหนที่จะยอมต่อคิวนานๆ นัทก็จะตอบว่า อันนี้นัทยอมค่ะ มันดีมากกก สมจริง สนุก ตื่นเต้น คือออกแบบมาล้ำกว่าเครื่องเล่น Jurassic Park รุ่นคลาสสิกไปมากๆ Animatronics ขยับสวยมาก นัทเล่นซ้ำไปสองรอบ กลับเข้าไปเก็บรายละเอียดเพราะเค้าทำดีมากเลย – ยิ่งถ้าใครชมภาพยนต์ จูราสิคมา ตั้งแต่เด็กนะ ยิ่งอินค่ะบอกเลย

เครื่องเล่นอื่นๆ ได้แก่ Jurassic Flyer เป็นกึ่งรถไฟเหาะ แต่ไม่ได้หวาดเสียวโหดๆ นัทว่าเหมือนได้โบยบินและได้ชมวิวมากกว่า, Raptor Encounter อันนี้คิวจะแอบยาว เพราะว่าเค้าจะให้เราได้ลองฝึกคุม Raptor ดู แต่คิดว่าเน้นการได้ถ่ายรูปคู่ Raptor มากกว่าค่ะ นอกจากนี้ ยังมี Camp Discovery ที่เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของเด็กๆ ตกแต่งในธีมแคมป์และมีของเล่น interactive เกี่ยวกับไดโนเสาร์อยู่ค่ะ น่ารักดี

จริงๆ ในอาคารที่มี Jurassic Flyers กับ Camp Discovery จะเป็นที่อยู่ของร้านอาหารชื่อ Birds of Prey Cafe ด้วยนะคะ นัทว่าอาคารนี้บรรยากาศดี เหมือนสวนป่าในร่ม นัทลองทานก๋วยเตี๋ยวไป รสชาติใช้ได้ ชามใหญ่ดีค่ะ


Transformers Metrobase

เดินหลุดออกมาจากโซนที่แล้ว เราจะได้ยินเสียงกรี้ดมาเลย เพราะโซนนี้เป็นที่ตั้งของรถไฟเหาะอันใหญ่ที่เรียกว่าไม่ปล่อยให้เราหยุดกรี้ดเลย เครื่องเล่นที่นับว่าเป็นไฮไลท์ของโซนและของสวนสนุก ต้องยกให้ Decepticoaster รถไฟเหาะสุดหวาดเสียวที่ไม่มีจังหวะให้เราพักเลยค่ะ น่าจะตีลังกากลับหัวสองรอบ หมุนแบบควงอีกสองรอบ แล้วพุ่งเร็ว ดร็อปเร็ว ใครสายรถไฟเหาะรีบตรงมาเลยนะคะ

ส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ ภายในโซนได้แก่ Bumblebee Boogie เป็นแนวถ้วยหมุนๆ ตื้ดๆ ไปกับ Bumblebee ส่วนอีกเครื่องเล่นจะเป็น Transformers: Battle for the AllSpark เป็นเครื่องเล่นที่เราจะขึ้นไปบนรถเหมือนเราขึ้นหุ่นทรานสฟอร์มเมอร์ เป็นรถแนว Stimulator ที่เลื่อนไปตามห้องพร้อมภาพสามมิติเสมือนจริง สำหรับเครื่องเล่นนี้จะเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่สิงคโปร์ และหากใครเคยไปที่ญี่ปุ่นจะเป็นแนวเดียวกับสไปเดอร์แมนค่ะ

ในโซนนี้ก็มีร้านอาหารธีมทรานสฟอร์มเมอร์มากมายเช่นกัน และยังมีเหล่าหุ่นยนต์ที่จะออกมาคอยทักทายตลอดวันด้วยนะคะ


Kung Fu Panda Land of Awesomeness

โซนใหม่ล่าสุดของ Universal Studios และมีที่นี่ที่เดียวในโลก แล้วบอกเลยว่าทีมปักกิ่งไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะทุกมุมของโซนกังฟูแพนด้านั้นคือรายละเอียดสวยงามวิจิตรตระการตาแบบเข้ามาเดินเล่นก็คุ้มแล้วค่ะ โซนนี้เป็นโซนในร่มทั้งโซน บรรยากาศจะเหมือนช่วงกลางคืนที่มีงานเทศกาล

เครื่องเล่นในโซนนี้ จะค่อนข้างเน้นให้เด็กๆ และครอบครัวได้สนุกค่ะ แต่ผู้ใหญ่อย่างเราก็เพลินมากนะ เพราะเค้าทำบรรยากาศมาสวยจริงๆ เครื่องเล่นหลักจะเป็น Kung Fu Panda Journey of the Dragon Warrior เป็นแนวนั่งเรือไปชมเรื่องราวของโป หรือแพนด้าที่มาฝึกวิชานั่นเอง อันนี้เครื่องเล่นแบบเอาใจเด็กๆ เลย

ส่วนเครื่องเล่นที่ดูธรรมดาแต่นัทชอบจะเป็น Lanterns of Legendary Legends มันคือเครื่องเล่นแนวหมุนๆ ลอยได้ น่ารักดีค่ะ เพราะโซนนี้สวย นั่งอันนี้ก็จะรู้สึกเพลิน เครื่องเล่นอื่นๆ ได้แก่ Carousel of Kung Fu Heroes ม้าหมุนรูปคาแรคเตอร์จากกังฟูแพนด้า, มี Po’s Kung Fu Training Camp เป็นแนวสนามเด็กเล่น

หากใครเคยดูเรื่องกังฟูแพนด้า จะมี Peach Tree of Heavenly Wisdom ต้นพีชแห่งปัญญาที่อยู่บนเนิน เค้าก็เอามาตั้งที่นี่ด้วยนะคะ แล้วจะมีช่วงที่มีการเปิดไฟ mapping ขึ้นไปบนต้นนี้ด้วย

นอกจากโซนนี้จะทำสวยแล้ว ร้านอาหารก็สวยด้วยค่ะ นัทได้มาทานร้าน Mr. Ping’s Noodle House เมนูก๋วยเตี๋ยวดึงเส้นสด เส้นอร่อยดีเลย

ซื้อตั๋ว Universal Studios Beijing >> คลิ๊กที่นี่


WaterWorld

เดินทะลุจากโซนกังฟูแพนด้ามาก็จะเจอกับ Waterworld ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสวนสนุกยูนิเวอร์แซลไปแล้ว เป็นที่อยู่ของการแสดงสตั๊นโชว์ การแสดงสดที่จะมีเอฟเฟคแสงสีเสียงครบทุกอย่าง นักแสดงก็จะผาดโผนสุดๆ โชว์ค่อนข้างเหมือนกับทุกสาขา แต่หากใครยังไม่เคยชม ก็มาชมซักครั้งนะคะ

จาก Waterworld เราก็จะทะลุกลับมาที่โซน Harry Potter ได้ และเหตุผลที่นัทเรียงลำดับตามรีวิวนี้ เพราะถ้าเราเดินตามนี้ เราจะกลับมาที่ Harry Potter อีกครั้งตอนกลางคืน ซึ่งมีโชว์ไฟ Nighttime Magic at Hogwarts Castle เป็นไฟแมปปิ้งไปบนปราสาท ทำได้สวยงามและบรรยากาศแตกต่างจากช่วงกลางวันเลยค่ะ – ช่วงกลางคืนในวันที่นัทไปนี่เครื่องเล่นส่วนใหญ่ คิวจะน้อยลงมาก ใครอยากซ้ำก็อาศัยช่วงนี้เลย


CityWalk

ขอเพิ่มเติมให้ว่า ทางด้านหน้าของสวนสนุก Universal Studios Beijing จะมีโซนที่เป็นเหมือนคอมมิวนิตี้มอลล์ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถมาใช้บริการได้ อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเลยค่ะ จากสถานีไปถึงตรงลูกโลกและทางเข้าสวนสนุกเราก็จะต้องผ่าน

ซึ่งในบริเวณนี้ จะปิดดึกกว่าสวนสนุก และนอกจากพวกร้านของที่ระลึกแล้ว ก็ยังมีร้านน่าสนใจอีกหลายร้านเลย เช่น Pop Mart ที่ให้เราแวะจุ่มกันได้, มี The Toothsome Chocolate Emporium & Savory Feast Kitchen เป็นร้านช็อคโกแลตและขนมหวานของยูนิเวอร์แซลเอง ทำหน้าตาเหมือนโรงงานช็อคโกแลต น่ารักมากๆ แนะนำให้ลองแวะมาชมนะคะ

ส่วนร้านอาหารก็เริดเพราะเค้าเอาร้านดังของปักกิ่งมาไว้ แทนที่จะต้องวางแผนไปสาขาในเมือง ก็คือพักเบรคจากสวนสนุกมาทานแล้วเดินกลับเข้าไปเล่นต่อยังได้ โดยร้านดังๆ ได้แก่ Dong Lai Shun เป็นฮอทพอทปักกิ่ง แล้วก็มี Quanjude เป็ดปักกิ่งในตำนานจาก Qianmen เป็ดเจ้านี้ก็ดีนะคะ ส่วนคืนแรกที่นัทมาพักที่โรงแรม นัทไปทาน Phoenix House กัน เป็นร้านติ๋มซำสไตล์กวางตุ้ง ดีเลยค่ะ


Where to Stay

อย่างที่เกริ่นไปว่า ภายในบริเวณของ Universal Beijing Resorts มีโรงแรมให้บริการสองโรงแรมค่ะ ความพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าพักสองโรงแรมนี้ คือมี Early Access สามารถเข้าสวนสนุกได้ 1 ชั่วโมงก่อนสวนสนุกเปิด ซึ่งเป็นชั่วโมงสุดพิเศษที่คนน้อยมากๆ สามารถถ่ายรูปแบบไม่ติดคน และเล่นเครื่องเล่นได้หลายเครื่องเลยทีเดียว แถมไม่ต้องรีบตื่นเช้าเดินทางเข้ามาจากในเมืองด้วย มันสะดวกมากๆ เลยค่ะ

1. The Universal Studios Grand Hotel ที่นี่เป็นโรงแรมธีมยูนิเวอร์แซลแห่งแรกของโลก มาในธีมยุคทองของ Hollywood และมีห้องธีมมินเนี่ยนกับกังฟูแพนด้าที่น่ารักมากกกกก โรงแรมนี้คืออยู่บนทางเข้าของสวนสนุกเลยค่ะ เรียกว่าทุกคนที่จะไปเที่ยวสวนสนุก ต้องเดินลอดใต้ตัวตึกของโรงแรมทุกคน ใครพักที่นี่ก็คือตื่นมาทานอาหารเช้ากับมินเนี่ยน แล้วเดินลงไปทางเข้าของแขกโรงแรมได้เลย

2. NUO Resort Hotel เครือโรงแรมหรูจากปักกิ่ง เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับสาย Luxury เลยค่ะ ส่วนตัวนัทเองมีโอกาสได้พักที่โรงแรม NUO ในเมือง พวกวัสดุตกแต่ง ข้าวของเครื่องใช้ในห้อง ใช้ของดีมากๆ เลย ที่นี่ก็สวยมากเช่นกัน เป็น aesthetic แบบโมเดิร์นแต่มีความเป็นจีนผสมผสานอยู่


หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนวางแผนเที่ยวได้ดียิ่งขึ้นนะคะ ไปอ่านรีวิวปักกิ่งกันต่อได้เลย!

ซื้อตั๋ว Universal Studios Beijing >> คลิ๊กที่นี่

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: